บันทึกหน้า 4

จะบอกว่า “ฟ้าเป็นใจ” ก็จะเป็นการซ้ำเติม “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรีเกินไป แต่ความเป็นจริงมันก็ประจักษ์ชัด เพราะหลังจาก ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแถลงคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นยังไม่ทันพ้นชั่วโมงดี หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครก็เกิดฝนเทกระหน่ำลงมา ...๐

ต้องขอกราบคารวะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านอีกครั้ง ในการตัดสินบนหลักนิติรัฐนิติธรรม แม้มติจะออกมา 5 ต่อ 4 ก็ตามที โดย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 5 คน คือ ปัญญา อุดชาชน, อุดม สิทธิวิรัชธรรม, วิรุฬห์ แสงเทียน, จิรนิติ หะวานนท์ และบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) ในขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 4 คน คือ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์, นภดล เทพพิทักษ์,  อุดม รัฐอมฤต และสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีไม่สิ้นสุด ...๐

แต่ที่น่าสนใจคือ คำวินิจฉัยเป็น การตอกย้ำพฤติกรรมของ “พิชิต ชื่นบาน” อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแบบ “ตอกฝาโลง” ชัดๆ ไปเลยว่าอดเป็นเสนาบดีตลอดชีวิต ยกเว้นจะแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยคุณสมบัติดังกล่าว และคำวินิจฉัยยังช่วยตอกย้ำประโยคที่มักได้ยินเสมอๆ ว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เพราะคำวินิจฉัยที่ “เศรษฐา” อ้างว่ามีภูมิหลังจากการประกอบธุรกิจ มีประสบการณ์ทางการเมืองที่จำกัด ไม่มีความรู้ทางด้านนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์นั้น รับฟังไม่ได้ เพราะนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในฝ่ายบริหาร ทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อบ้านเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทำ ประกอบกับ หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตและความน่าเชื่อถือหรือไว้วางใจต่อสาธารณชนนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดในลักษณะภาวะวิสัย ...๐

คำตัดสินครั้งนี้ยังส่งผลสะเทือนไปถึง “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่ “เศรษฐา” อุตส่าห์ใช้สายสัมพันธ์ของ “นายใหญ่” ไปอัญเชิญสังขารที่เต็มไปด้วยโรครุมเร้าให้มาดูคำแถลงปิดคดี ซึ่งมีการประดิษฐ์วาทกรรมใหม่ๆ อย่างเป็นแค่ความผิดอุปกรณ์ ก็ไม่สามารถสร้าง “อภินิหารทางกฎหมาย” ใดๆ ให้เกิดขึ้นได้ สุดท้าย “เสี่ยนิด” ก็ต้องเก็บฉากจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว ...๐

ต้องบอกว่า “เศรษฐา” หรือ นายกฯ ถุงเท้าแดง ที่เวลาไปออกทัวร์ต่างประเทศและต่างจังหวัดนั้นเรียกว่าแทบไม่ต่างจากยุค “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ คนที่ 28 แต่ประการใด ดูได้จากการแต่งตัวเป็นนายแบบและนางแบบบนเวทีแคตวอล์กมากกว่าบริหารประเทศ ซึ่งหาก “เศรษฐา” อยู่ครบอายุ 4 ปีจริงๆ อาจทำลายสถิติที่ “ยิ่งลักษณ์” ไปทัวร์นานาชาติลงก็เป็นได้ เพราะขนาดบริหารประเทศยังไม่ถึงปีก็ไปมาหลายทริปแล้ว ...๐

แล้วที่บอกว่าเหมือนกันนั้น เพราะ “ยิ่งลักษณ์” นั้นก็ต้องพ้นจากนายกรัฐมนตรีรักษาการจากการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน แต่ครานั้นเป็นการย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” ให้พ้นจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเปิดทางสะดวกโยธินให้กับญาติโกโหติกามานั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ใน ขณะที่ “เศรษฐา” นั้นก็ต้องพ้นเก้าอี้จากการเสนอชื่อ “พิชิต” ซึ่งเป็นออเดอร์มาจากบ้านนายใหญ่ ซึ่งก็ทำให้ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ แค่เพียง 358 วันเท่านั้น ต่างจาก “นารีปู” ที่ทำสถิตินั่งเก้าอี้นายกฯ ถึง 2 ปี 275 วันทีเดียว ...๐

ตอนนี้สังคมเลยจับตาดูกันว่า “นายกฯ คนที่ 31” จะชื่ออะไรกันแน่ ซึ่งในตัวเลือกของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ก็เหลือแค่ 2 ชื่อในบัญชีเท่านั้นคือ “แพทองธาร ชินวัตร” และ “ชัยเกษม นิติสิริ” ซึ่งรายหลังก็ต้องบอกว่า “สังขาร” ไม่น่าจะไหวแล้ว เลยต้องวัดใจ “นายใหญ่” ที่ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ แนวโน้มน่าจะรอดคดีมาตรา 112 นั้น จะกล้าใส่เกียร์เดินหน้าผลักดันลูกสาวขึ้นเป็นหนังหน้าไฟเพื่อพาน้องสาว “ยิ่งลักษณ์” กลับประเทศตามคำอวดอ้างหรือไม่ หรือจะยอมเฉือนเนื้อให้เพื่อนร่วมรัฐบาลคว้าพุงปลาไปกิน ...๐

ปิดท้ายด้วยงานท่องเที่ยวหรือดูงานครั้งสุดท้ายของ “เศรษฐา” กันบ้าง เพราะอุตส่าห์ไม่ไปฟังคำวินิจฉัย เหมือนมั่นใจในคำแถลงปิดคดี และสัญญาณที่ส่งมา โดยได้ ควง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม. และ "สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข" ผู้ว่าฯ กทพ. ตรวจตลาดสะพานเพลินจิต งานนี้ชาวบ้านแถวมีนบุรี-รามคำแหงฝากบอกนายกฯ คนใหม่ว่าหากคราวหน้าจะมาดูงานแล้ว รมว.คมนาคมยังหน้าเดิม ก็น่าจะพามาดู โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกบ้าง เพราะงานโยธาเรียกว่าสร้างเสร็จแล้ว 100% แต่กลับไม่เปิดให้บริการ ปล่อยให้ร้างให้สนิมกินจนจะเป็นโฮปเวลล์อยู่แล้ว ในขณะที่ "ศุภณัฐ มีนชัยนันท์" สส.มีนบุรี พรรคประชาชน ก็ไม่เคยได้ดูดำดูดีอะไรเลย ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

บันทึกจันทร์สุดท้ายของปี 2568 อีกไม่กี่เพลาก็จะขึ้นศักราชใหม่ 2569 ...ประเทศไทยจะก้าวไปทางไหน?!?.. ก็ขอบันทึกสะกิดเตือน @ บรรทัดนี้เลยว่า ใจเย็นๆ ค่อยๆ พินิจพิจารณา ประมวลข้อมูล ทบทวน ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่า เลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ เราอยากได้ใครมาเป็น "ผู้นำ" พาชาติบ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่เหมาะที่ควร!!

บันทึกหน้า 4

จาก "หนู" หนึ่งเดียว กลายเป็นสอง ก่อนหน้านี้ถามกันทุกวันถึง 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย ในงานแถลงนโยบาย "พูดแล้วทำพลัส" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชัดเจนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" ฉายเดี่ยว โฆษกพรรคย้ำแล้วย้ำอีก

บันทึกหน้า 4

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ

บันทึกหน้า 4

การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี

บันทึกหน้า 4

บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0