จับรถฝ่าไฟแดง..ได้อะไรขึ้นมา?
ขอโทษ..ผมไม่ได้จะกวนโอ๊ย แต่ที่ตั้งคำถามนี้ ก็ด้วย 3-4 วันก่อน เห็นกูรู-นักปราชญ์ท่านหนึ่งเขียนข้อความโปรยหัว.. “ยุบก้าวไกล..ได้อะไรขึ้นมา”
ซึ่งก็น่าจะเป็นคำถามที่อธิบายยากอยู่ในการตอบ เพราะคำว่า “ได้อะไรขึ้นมา” นั้น มันเหมือนไม่ได้ต้องการจะเอาคำตอบ แต่เป็นการ “ยักไหล่ถาม” เสียมากกว่า!
ที่ว่าเช่นนี้ เพราะคนถามก็ไม่ได้จะถามแบบคนไม่มีความรู้ หรือโง่เขลาเบาปัญญา แต่อาจจะมีเจตนาอื่นซ่อนอยู่ในใจ อย่างผมนี่แหละ!
เพราะการขับรถฝ่าไฟแดง คนขับรถที่สอบได้ใบขับขี่ย่อมต้องรู้.. “ตามกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 22 ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร
หรือเครื่องหมายจราจรที่ปรากฏข้างหน้าไฟสีแดงหรือเครื่องหมายจราจรที่มีคำว่า “หยุด” หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท”
เช่นกัน..คนเป็น สส. เป็นนักการเมืองก็ย่อมรู้-เข้าใจ..กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง!
เมื่อฝ่าฝืนหรือจงใจกระทำผิดกฎหมาย ก็ไม่เห็นจะต้องถามเลยว่า “จับรถฝ่าไฟแดง..ได้อะไรขึ้นมา” หรือ “ยุบก้าวไกล..ได้อะไรขึ้นมา” ให้เกิดเป็นประเด็นไปเพื่ออะไร?
อย่างคุณเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.ก็เหมือนกัน จะแอบเชียร์หรือสนับสนุนพรรคไหนอยู่ก็ตาม แต่ที่พูด (โพสต์) ประโยค..
“ถ้าเสียงส่วนใหญ่ของประเทศยอมรับ เลือกพรรคประชาชนเป็นเสียงข้างมาก ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย
อย่าใช้อำนาจนอกระบบมาแทรกแซงกันอีก”
นี่..แสดงว่าการยุบพรรคก้าวไกล คุณเทพไทมองเป็นการกลั่นแกล้ง-ใช้อำนาจนอกระบบมาแทรกแซง ไม่เชื่อพรรคก้าวไกลฝ่าฝืน-ทำผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองใช่ไหม?
แล้วอำนาจนอกระบบที่ว่านี้ มันหมายถึง “อำนาจ” จากใคร-องค์กรไหนล่ะ..หือ?
คุณเทพไทที่ปวารณาตัวว่าเป็น “นักการเมืองอิสระ” แล้ว ควรที่จะบอกความจริง ตรงไปตรงมาให้สังคมได้รู้ชัดแจ้ง
อย่าทำเป็นคลุมเครือให้ประชาชนมานั่งตีความไปตามรสนิยมส่วนตัวเห็น ซึ่งศาลเองก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
และที่คุณเทพไทว่า.. “ขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรค ได้หันมาต่อสู้แข่งขันกันในเรื่องจุดยืน อุดมการณ์และนโยบาย มากกว่าเรื่องการหาประโยชน์ สะสมทุนเพื่อซื้อเสียง
เพราะถ้าหากพรรคการเมืองมีจุดยืน อุดมการณ์ถูกใจประชาชนแล้ว สามารถเรียกคะแนนนิยมและศรัทธาจากประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อเสียงเลย” นั้น
พูดให้ดูดีน่ะพูดง่าย แต่คุณเทพไม่รู้รึว่าที่... “สามารถเรียกคะแนนนิยมและศรัทธาจากประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อเสียงเลย”
มันเกิดจากการปลิ้นปล้อนตอแหลหลอกลวง หรือภาษาบ้านคุณเทพไทว่า “ขี้หมาทั้งเพ” ทั้งจุดยืน อุดมการณ์และนโยบาย เป็นแค่เล่ห์เพทุบายสำหรับหาเสียงเท่านั้น!
ฉะนั้น..ถ้าจะเชียร์หรือแนะนำให้เอาจุดยืน อุดมการณ์ นโยบายมาแข่งกัน มันก็วนกลับไปสู่การยุบพรรคขึ้นอีกนั่นแหละ เพราะแต่ละพรรคทำไม่ได้ (จริง)
เอาที่เห็นเป็นตัวอย่าง.. “เริ่มจากนโยบายแรก ลดช่องว่างรายได้คนไทยที่ต้องช่วยเหลือทันที ให้ทุกคนมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี..
พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายเติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาท/เดือน”
ผ่านมาจะขวบปี มีครอบครัวไหนได้บ้างล่ะ นี่ไม่ต้องพูดถึง “ปิดสวิตซ์ 3 ป. เพื่อคนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” หรือ..
เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ยังลูกผี-ลูกคน ซึ่งก็เป็นการหาเสียงที่ทำไม่ได้ เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน
แต่พอโดนยุบพรรค คุณเทพไทก็กล่าวหามีการใช้อำนาจนอกระบบแทรกแซง..ตกลงจะปล่อยให้พรรคการเมืองหลอกต้มประชาชน..
ด้วยนโยบาย “ลมปาก” กระนั้นรึ?.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถาม-ตอบเงิน220ล้าน
ห้วงนี้คนหนังไทยคึกคักเป็นพิเศษ นี่..ก็มาจากการที่สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์
“กาสิโน”ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
“..ตนคิดว่าหากควบคุมให้ดี ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศ”
ใครจะเข้าเส้นชัยก่อนกัน?
“มึงไปโค่นล้มมหาเถรสมาคมไม่ได้หรอก เขาอยู่ยงคงกระพันด้วยตำแหน่งหน้าที่และอำนาจ มันทุเรศทุรัง..”
ขึ้นอยู่กับ“กรรม”แต่ละคน!
84 วันฝันร้าย! สุดท้าย คดีดิไอคอนกรุ๊ป อัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง “บอสแซม” คุณยุรนันทร์ ภมรมนตรี กับ “บอสมิน” คุณพีชญา วัฒนามนตรี ทุกข้อหา..
อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย
เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์
เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ
“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี