ช. 'สุรเชชษฐ์' ช้ำ

ผมจะบอก "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ไม่มีโอกาส เพราะไม่เคยได้รู้จักกับท่าน

ว่าชื่อ "สุรเชษฐ์" นั้น มีพลังดีอยู่แล้ว

เพราะ ช.ช้าง เชือกเดียว .....

เท่ากับ "พลังช้างสาร" อยู่กับตัวท่านเต็มๆ  แบบนั้น ใครมาชนกับท่าน เท่ากับมาชนกับ "พญาช้างสาร"

เหยียบแป๊ดเดียว แบนแต๊ดแต๋!

แต่ท่านกลับเอาช้างอีกเชือกไปเบียดอยู่ด้วยกันเป็น "สุรเชชษฐ์"

ก็ "เสร็จ" น่ะซีครับ!

ช้างเจ้าถิ่นจะพอใจได้อย่างไร เมื่อมี "ช้างต่างโขลง" มาเบียดอยู่ มันก็ต้องเกิดศึก "ช้างชนช้าง" ต้องพังกันไปข้างเท่านั้นแหละ

แต่ไม่ว่าช้างเชือกไหนพัง ก็เท่ากับตัวเราพัง

"พลังช้างสาร" ที่เคยมี ต้องลดฮวบหายไป แม้ไม่ถึงขั้นล้มไปด้วยกันทั้ง ๒ เชือก แต่ที่อยู่ ก็จะอยู่ในสภาพ "ช้างป่วย"

"โจ๊กกระปรี้-กระเปร่า"

จึงเป็น "โจ๊กกะปลก-กะเปลี้ย" ไงล่ะ!

ถูก ก.พ.ค.ตร.เสยเบาๆ เมื่อวาน (๖ ส.ค.๖๗) เท่านั้นแหละ

บิ๊กโจ๊ก "ล้มแผละ" หงายท้องแหงแก๋

ที่ปักหลักให้สัมภาษณ์โต้สวนกระแสด้วยคำโตทุกครั้ง แต่คราวนี้ "โจ๊กหายจ้อย"

ขนาดทนายษิทรา "คู่ขา-คู่ใจ" ยังบ่น ตามหาไม่เจอ!

ถ้าบิ๊กโจ๊กปรึกษาผมซักคำ......

ผมจะแนะให้เพิ่ม ช.ช้าง เข้าไปในชื่ออีก ๒ เชือก รวมเป็น ชชช.

"สุรเชชชษฐ์" แบบนี้ จะเป็นอภิมหามงคล รับประกันได้!

ช้างมงคล ต้อง "ช้างสามเศียร" ดูอย่าง "เอราวัณ" พาหนะของ "พระอินทร์" นั่นไง

ส่วน "ช้าง ๒ เศียร" ถ้าจะมี ก็เป็น "ช้างชนช้าง" อย่างที่ว่านั่นแหละ ฉะนั้น น่าเสียดาย ไหนๆ จะเพิ่มซักที เพิ่มให้ครบ ๓ เศียร ก็จะเรี่ยมเร้เรไรไปแล้ว

แบบนี้ ชีวิตที่ ๑๐ ของบิ๊กโจ๊ก จะมีมั้่ยเนี่ย?!

เอ้า มาดูบางตอน ว่า ก.พ.ค.ตร.ท่านวินิจฉัยอย่างไร?

..................................

"พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้อุทธรณ์ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567

ที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ขอให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) พิจารณาและวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

ก.พ.ค.ตร.ได้พิจารณาวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ ตามที่กฎหมายบัญญัติ และตามกฎ ก.พ.ค.ตร.ว่าด้วยอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2567

ซึ่งกำหนดให้ใช้วิธีการไต่สวนและได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนแล้ว

ผู้อุทธรณ์ (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์) ได้ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดอาญาและถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง     

คู่กรณีในอุทธรณ์ (พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่ง อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565

มาตรา 105 มาตรา 107 มาตรา 131 และมาตรา 199 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547

วินิจฉัยว่า..........

คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร.กำหนด

และเป็นการใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

วินิจฉัย ยกอุทธรณ์และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์

-------------------------

"เก็บฉาก" ไปเลย ที่หวังจะเข้าชิง ผบ.ตร.นั่นน่ะ

ไปร่างคำฟ้องต่อ "ศาลปกครองสูงสุด" ภายใน ๙๐ วัน ยื้อเวลาตายไว้ก่อนดีกว่า เผื่อฟลุก!

หรือคิดจะฟ้องใครต่อล่ะ?

นายกฯ ก็ฟ้องแล้ว ก.ตร.ก็ฟ้องแล้ว จะต้องฟ้อง ก.พ.ค.ตร.อีกซักรายมั้ย ที่วินิจฉัยออกมาไม่เป็นคุณ

ผมก็บอกจนปากจะฉีกถึงตูด ว่าจะตะแบงไปทำไม ในเมื่อ มาตรา ๑๓๑ ของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ๒๕๖๖ บอกไว้ชัด

"ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกฟ้องคดีอาญา

เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

ผู้มีอำนาจตามมาตรา ๑๐๕ หรือผู้บังคับบัญชาอื่นตามที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร. มีอำนาจสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยได้......"

ก็ในเมื่อบิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงินซึ่งเป็นความผิดทางอาญาร้ายแรง ไปมอบตัวแล้ว ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว

มันก็เข้าตามมาตรา ๑๓๑ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผู้รักษาการในตำแหน่ง ผบ.ตร. เขาก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย คือ สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเท่านั้นเอง

ไม่มีอะไรซับซ้อน บิ๊กโจ๊กตะหากที่สับสนไปเอง!

สับสนเพราะไปฟังที่ "ดร.วิษณุ" แถลงผลสอบข้อเท็จจริงที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธานสอบ เมื่อเดือนมิถุนา.นั่นแหละ

เพราะการแถลงของ ดร.วิษณุ "ถูกจริต-ถูกประโยชน์" ตัวเอง ก็เลยทึกทักว่าแบบนี้ชนะแน่  เลยคึกเต็มที่ ไม่เชื่อลองดูลีลาแถลง ดร.วิษณุบางตอนก็ได้.......

"เนื่องจากเมื่อ 18 เม.ย.67 มีการออกคำสั่งถึง 3 คำสั่งคือ สั่งให้กลับ ตร. สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย และสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ซึ่งเป็นปัญหาและมีการหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0

เห็นว่า......

การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น กระทบต่อสิทธิประโยชน์และหน้าที่ รวมทั้งสิทธิการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงต้องทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน"

แต่เรื่องนี้ ไม่ผ่านคณะกรรมการสอบสวน

คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม ให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง

โดยสถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ขณะนี้ถือว่า "อยู่ระหว่างการรอนำความกราบบังคมทูลฯ"

จำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต้องตรวจสอบว่า "ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่"

ได้ฟังกฤษฎีกามีมติ ๑๐ ต่อ ๐ เท่านั้นแหละ  บิ๊กโจ๊กคึก เชื่อตามเป็นตุเป็นตะ

ประเด็นจะสั่่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ต้องทำตามคำแนะนำ "คณะกรรมการสอบสวน" ก็ดี

ประเด็น ระดับรอง ผบ.ตร.เมื่อสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล  แต่ยังไม่ได้นำขึ้นกราบบังคมทูล ถือว่าทำข้ามขั้นตอนก็ดี

มันเป็นการหยิบเอาความวรรคหนึ่งในขั้นตอนหนึ่งของมาตราหนึ่ง โยงไปผสมกับอีกบางวรรคในอีกมาตราหนึ่ง มั่วกันไปหมด

ซึ่งแท้จริงแล้ว แต่ละมาตราของ พ.ร.บ.ตำรวจ มีความสมบูรณ์ในตัวมันเองสำหรับปฏิบัติในกรณีนั้นๆ  ในขั้นตอนนั้่นๆ

ถ้าจะเชื่อมโยงไปประกอบกับมาตราไหน ในมาตรานั้นก็จะกำหนดไว้ชัดเลย

อย่างกรณีบิ๊กโจ๊ก ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง มาตรา ๑๓๑ บอกไว้เลย "ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา ๑๐๕ สั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยได้......"

จบ....ไม่ต้องรอคำแนะนำจากคณะกรรมการสอบสวนอย่างที่กฤษฎีกา ชุด ดร.วิษณุโยงมาตราโน้น-นี้มาตีความยุ่งกันไปหมด!

แล้วนี่ คดีตามมายังกะ "ไข้ทับระดู" เลย เห็นมั้ย?

เมื่อวาน (๖ ส.ค.) ปปง.ให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของบิ๊กโจ๊กและภริยาเพิ่มเติมอีก ๓ รายการไว้ชั่วคราว

มูลค่าราวๆ ๔.๘ แสนบาท ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน!

ไม่เพียงแค่นั้น คณะกรรมการสอบวินัย สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเสร็จแล้ว กำลังรวบรวมหลักฐาน

เพื่อเรียกบิ๊กโจ๊กกับพวกมารับทราบข้อหาประเด็น "ทำผิดวินัยร้ายแรง"

บิ๊กโจ๊กตอนนี้ เหมือนแบตเตอรี่หมด เพาเวอร์แบงก์ก็ไม่มี

มติ "ก.พ.ค.ตร." ประกาศเป็นทางการวันไหน  ก็ถึงขั้นตอนนายกฯ นำความกราบบังคมทูล

เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้ "พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์" พ้นจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.

"ศาลปกครองสูงสุด" เป็นยกที่ ๒ ในทางสู้ของบิ๊กโจ๊ก

ถ้าหวังชนะ ไปเพิ่ม ช.ช้างอีก ๑ ตัว กับ ฐ.ฐานอีก ๒ ตัว เป็น "สุรเชชชษฐฐฐ์"

"ช้างสามเศียร+ทศกัณฐ์" ทั้งเทพ-ทั้งมาร อาจช่วยได้ อายุราชการอีกตั้ง ๗ ปี "โจ๊กรอได้"!

"พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ" ขึ้น ผบ.ตร.ก่อน ไม่ว่ากันนะ!

-เปลว สีเงิน

๗ สิงหาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง