ปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องแก้ต่อเนื่อง

ต้องยอมรับว่า อ้อยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย  ที่ทำรายได้แก่ภาคเกษตรกรปีละ 1 แสนล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่ากระบวนการเก็บเกี่ยวอ้อยนั้นส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองในอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ที่เกิดจากเกษตรกรเผาอ้อยก่อนที่จะมีการตัด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ยังไม่บรรลุผล 

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้รัฐบาลเริ่มมีมาตรการสนับสนุนอ้อยสด เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองในภาคเกษตรตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งส่งผลให้ปริมาณอ้อยเผาที่มีการรับซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถลดอ้อยเผาให้เป็นศูนย์ได้ โดยปริมาณอ้อยเผาเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ราว 30% ซึ่งจะก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก (GHG) เฉลี่ยปีละ 2.4 ล้านตันต่อปี หรือ 4% ของ GHG ในภาคเกษตรของประเทศไทย

สาเหตุหลักที่เกษตรกรยังไม่สามารถตัดอ้อยสดได้ทั้งหมด เนื่องจากพื้นที่การเพาะปลูกน้อยกว่า 20 ไร่ ซึ่งการตัดอ้อยด้วยรถต้องทำในพื้นที่มากกว่า 20 ไร่ ต้นทุนแรงงานตัดอ้อยสดสูง และใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวมากกว่า นอกจากนี้ระยะเวลาในการรับซื้อของโรงงานน้ำตาลมีจำกัด ดังนั้นการแก้ปัญหาการเผาอ้อยและลด GHG ด้วยคาร์บอนเครดิต จึงเป็นเครื่องมืออีกชนิดหนึ่ง แต่คาร์บอนเครดิตที่ได้จากการหยุดเผาเศษวัสดุทางการเกษตรยังไม่มีมาตรฐานคาร์บอนเครดิตรองรับ จะต้องมีการออกมาตรฐานมารับรองคาร์บอนเครดิตจากกิจกรรมดังกล่าวด้วย

ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงได้เสนอ 3 แนวทางลดการเผาอ้อยด้วยคาร์บอนเครดิต นอกเหนือจากแนวทางที่ภาครัฐพยายามสนับสนุนการตัดอ้อยสดอย่างต่อเนื่อง

1.เพิ่มแรงจูงใจการตัดอ้อยสดด้วยคาร์บอนเครดิต กำหนดมาตรฐานคาร์บอนเครดิตจากการหยุดเผาเศษวัสดุทางการเกษตร โดยเบื้องต้นประเมินว่า ราคาคาร์บอนเครดิตอาจจะต้องไม่น้อยกว่า 126 บาทต่อ tCO2-e เพื่อให้การตัดอ้อยสดจากการรวมกลุ่มกันรับรองคาร์บอนเครดิตมากกว่า 1,500 ไร่ มีกำไรเทียบเท่าการตัดอ้อยเผาที่ 2,878 บาทต่อไร่ หรือรายได้สุทธิจากคาร์บอนเครดิตอยู่ที่ 519 บาทต่อไร่ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายรับรองคาร์บอนเครดิต (100 บาทต่อไร่ แต่อาจผันแปรตามเงื่อนไขแต่ละราย) ซึ่งจะสามารถลด GHG ได้ 4.9 tCO2 ต่อไร่ หรือใช้เงินทุนราว 915 ล้านบาทต่อปี

2.เพิ่มความเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิตในประเทศกับมาตรฐานในต่างประเทศ ปัจจุบันมีโครงการลด GHG ในประเทศกว่า 51% ที่ขึ้นทะเบียนกับมาตรฐานต่างประเทศ ซึ่งหากประเทศไทยสามารถพัฒนามาตรฐานคาร์บอนเครดิตให้เชื่อมโยงกับต่างประเทศได้ จะเพิ่มความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตจากต่างประเทศที่มีความต้องการลด GHG อีกเป็นจำนวนมาก

และ 3.ส่งเสริมให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกอ้อยและหันมาปลูกป่าเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว เกษตรกรสามารถปลูกไม้โตเร็ว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่า เช่น ยูคาลิปตัส มะฮอกกานี สนประดิพัทธ์ ไผ่ เป็นต้น ซึ่งนอกจากสามารถตัดขายเพื่อเป็นรายได้แล้ว ยังสามารถนำมาขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตได้ รวมถึงคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการปลูกป่าจะมีราคาสูง เฉลี่ย 290 บาทต่อ tCO2-e

นอกจากการส่งเสริมด้วยคาร์บอนเครดิต หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องดำเนินมาตรการควบคู่ด้วย คือการปรับปรุงเครื่องจักรเกี่ยวอ้อยสดให้เหมาะสมกับพื้นที่ขนาดเล็ก, จัดทำระบบคาดการณ์และจัดลำดับการเก็บเกี่ยวอ้อยเพื่อให้ทันกับช่วงระยะเวลารับซื้อของโรงงาน, สนับสนุนค่ารับรองคาร์บอนเครดิต และ สนับสนุนค่าใช้จ่ายของเอกชนจากการซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมนั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร โรงงานน้ำตาล ภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และภาคเอกชน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้อย่างยั่งยืน

และที่สำคัญควรที่จะทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่พอ PM2.5 ซาลง ก็นิ่งเฉย พอมีปัญหาทีก็วิ่งหน้าตั้งออกมาตรการนั้น มาตรการนี้มาแก้ไขปัญหาแบบขอไปที เหมือนที่ผ่านๆ มา มีปัญหาทีก็ร้องแรกแหกกระเชอกันที ปัญหาก็จะคาราคาซังกันอย่างนี้ต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลงัดทุกทางพยุงตลาดหุ้น

หลังจากปล่อยให้ตลาดหุ้นซึมมาอย่างช้านาน จนปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1,300 จุด เรียกได้ว่าสำหรับนักลงทุนถือเป็นความเจ็บปวด เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหน

ดันอุตฯไทยไปอวกาศ

แน่นอนว่าในยุคที่โลกต้องก้าวหน้าไปสู่อุตสาหกรรมที่ทันสมัยมากขึ้น และต่อไปไม่ได้มองแค่ในประเทศหรือในโลกแล้ว แต่มองไปถึงนอกโลกเลยด้วยซ้ำ เพราะจะเป็นหนึ่งในกลไกในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคพื้นที่มีความแข็งแกร่งส่งผ่านไปยังอุตสาหกรรมอวกาศได้

แบงก์มอง ASEAN ยังมาเหนือ

ยังคงมีอีกหลายประเด็นที่ต้องจับตามองกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในสถานการณ์โลกและภายในประเทศ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้า โดยมุมมองของ อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ระบุว่า

ดิจิทัลวอลเล็ตตะกุกตะกัก

วันนี้เวลา 08.00 นาฬิกาตรง รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่านระบบสมาร์ทโฟน

ยกระดับปฏิบัติการโลจิสติกส์

โลกของอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าไปไกลอย่างมากทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ หรือการคมนาคมขนส่งสินค้าให้สามารถเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ เข้าด้วยกัน

ความสำเร็จของแบรนด์กับการใช้Meta

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีประชากร 700 ล้านคน และมี GDP รวมประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก