ในปัจจุบันนี้ ประชาคมโลกได้เรียนรู้เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ที่เป็นการยกย่องให้เกียรติคนที่มีความสามารถด้านการสร้างสรรค์ คนที่ลงทุนให้เกิดการสร้างสรรค์และเผยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ด้วยการให้ความสำคัญกับผู้รังสรรค์ผลงานสร้างสรรค์ โดยเคารพลิขสิทธิ์หรือความเป็นเจ้าของผลงาน ทั้งเคารพผู้สร้างสรรค์ เคารพผู้ลงทุนสนับสนุนให้มีการสร้างสรรค์ ดังนั้นประชาชนผู้ได้รับความรู้และบันเทิงก็ควรจะเคารพลิขสิทธิ์ของผู้ที่นำผลงานสร้างสรรค์มาเผยแพร่อย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย ไม่ควรทำการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการทำสำเนา (copy) หรือการบรรจุเก็บข้อมูล (download) ผลงานสร้างสรรค์ที่มีการเผยแพร่อย่างถูกกฎหมาย เพราะการกระทำดังกล่าวนั้นนอกจากจะเป็นการทำผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการทำร้ายประเทศหลากหลายมิติ
ประการแรก เป็นการไม่เคารพความคิดสร้างสรรค์ของผู้ที่มีความสามารถ เป็นการทำลายกำลังใจของคนที่มีความสามารถ เมื่อผู้คนไม่เคารพ ไม่เห็นคุณค่าความสามารถในการสร้างสรรค์ของพวกเขา เมื่อเห็นผลงานของพวกเขาก็ฉวยเอาไปใช้โดยไม่เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่มีทั้ง “คุณค่าและมูลค่า” คุณค่าเป็นความรู้สึกพึงพอใจและชื่นชม มูลค่าคือ มองว่าคนที่เป็นผู้สร้างสรรค์ควรได้รับผลตอบแทนเป็นเงินตามคุณค่าที่ผู้จ่ายเงินรู้สึก เมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์กันบ่อยเช่นนี้แล้ว ผู้ที่มีความสามารถสร้างสรรค์อาจจะหมดกำลังใจ ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะรังสรรค์ผลงานสร้างสรรค์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร เพลง สารคดี วรรณกรรม และแฟชั่นเสื้อผ้า คนสร้างสรรค์ไม่ได้ประโยชน์ แต่คนละเมิดลิขสิทธิ์กลับนำไปหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ มันเป็นความไม่ยุติธรรม
ประการที่สอง เป็นการบั่นทอนการลงทุนของผู้ที่สนับสนุนคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้ทุนในการรังสรรค์ผลงานสร้างสรรค์ เช่น ผลิตภาพยนตร์ ผลิตละคร ผลิตผลงานเพลง ผลิตสารคดี ผลิตวรรณกรรม เมื่อคนที่มีทุนไม่มีกำลังใจที่จะลงทุนสนับสนุนให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้รังสรรค์ผลงานออกมา แล้วพวกเราจะมีโอกาสได้ความรู้ ความบันเทิงจากผลงานเหล่านั้นได้อย่างไร เมื่อพวกเขามีการลงทุน และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ร่วมกับคนสร้างสรรค์ ก็จะทำให้เรามีผลงานสร้างสรรค์ออกมาให้ได้ชื่นชมเป็นจำนวนมาก ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากพวกเขาลงทุนไปแล้ว มีผู้คนละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการทำสำเนาออกจำหน่าย บรรจุข้อความไว้ในเครื่องมือสื่อสารแล้วส่งต่อให้เพื่อนฝูง คนลงทุนได้รับผลตอบแทนแบบได้ไม่คุ้มเสีย สุดท้ายก็ไม่ต้องการลงทุน
ประการที่สาม เป็นการบั่นทอนการซื้อลิขสิทธิ์ผลงานสร้างสรรค์มาเผยแพร่แบบถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ลิขสิทธิ์ละคร ลิขสิทธิ์สารคดี ลิขสิทธิ์การตีพิมพ์วรรณกรรม ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬาระดับโลก เมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์มากๆ จะมีใครใช้เงินไปซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ เมื่อไม่มีคนลงทุนซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต่อไป เราอาจจะไม่ได้ดูภาพยนตร์ดีๆ ละครดีๆ สารคดีดีๆ วรรณกรรมดีๆ กีฬาดีๆ ระดับโลก เพราะเมื่อไม่มีคนรับชมการเผยแพร่ที่ถูกกฎหมาย คะแนนความนิยมรับชม (Rating) ต่ำ เจ้าของสินค้าก็ไม่ซื้อโฆษณา เมื่อผู้เผยแพร่เสียเงินซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่ ขายโฆษณาไม่ได้ จะต้องขาดทุน ต่อไปจะมีสื่อสำนักใดยินดีที่จะซื้อลิขสิทธิ์การเผยแพร่อย่างถูกต้องตามกฎหมายมานำเสนอผลงานบันเทิงและการแข่งขันกีฬาดีๆ ให้พวกเราได้ชมกัน
การทำร้ายประเทศไทยใน 3 มิติข้างตนส่งผลเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศ ไม่มีผลงานสร้างสรรค์ดีๆ ที่มีมูลค่าสูงๆ มาสร้าง GDP ให้ประเทศ ไม่มีการลงทุนที่สร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เป็นยุทธศาสตร์ของประเทศไทย ไม่มีการจ้างงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ไม่มีการถ่ายทอดกีฬาดีๆ ให้เราชมต่อไป เพราะไม่มีเจ้าของสินค้าลงทุนซื้อโฆษณาสนับสนุนการถ่ายทอด เม็ดเงินในอุตสาหกรรมการโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็จะหายไปจาก GDP ของประเทศ คนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่มองเพียงผลประโยชน์ส่วนตัวในการได้รับชมผลงานสร้างสรรค์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นคนที่ทำผิดกฎหมาย เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติหลากหลายมิติ ทั้งในรูปแบบของ GDP การจ้างงาน และพลวัตของธุรกิจในระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์
นอกจากนั้นแล้ว การละเมิดลิขสิทธิ์ยังเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย แสดงให้เห็นว่าคนที่ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่เคารพกฎหมายว่าด้วยเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าคนไทยจำนวนหนึ่งไม่มีจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ของทรัพย์สินทางปัญญา ส่งผลให้เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทย นอกจากคนไทยที่เคารพลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาจะหมดแรงบันดาลใจในการจะซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่อย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต่อไปผู้ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลงานสร้างสรรค์ดีๆ ทั้งผลงานทางบันเทิง ทางวรรณกรรม และทางกีฬา อาจจะไม่ต้องการขายลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ทั้งหลายให้นำมาเผยแพร่ในประเทศไทยก็ได้ เมื่อเขาเห็นว่าการปราบเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยไม่มีประสิทธิภาพ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะต้องร่วมมือกันในการสร้างสำนึกของการเคารพลิขสิทธิ์ผลงานสร้างสรรค์ที่ถือว่า เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ผู้รังสรรค์ผลงาน ให้ความเคารพผู้ลงทุนสนับสนุนให้มีการรังสรรค์ผลงานสร้างสรรค์ในทุกๆ วงการ และเคารพผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ในการนำเอาผลงานสร้างสรรค์มาเผยแพร่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายฝ่ายควรจะร่วมมือกันรณรงค์ให้คนไทยมีสำนึกในการเคารพลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาดังต่อไปนี้
- หน่วยงานภาครัฐต้องทำหน้าที่ในการรณรงค์ให้เกิดสำนึกดังกล่าว
- สื่อทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น offline และ online ก็ต้องช่วยเสริมด้วย
- บรรดา Net Idols และ Digital Influencers ทั้งหลายก็ควรจะช่วยด้วย
- ผู้ที่ถือกฎหมายอยู่ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
- ประชาชนต้องเข้าใจและตระหนักรู้ความสำคัญของการเคารพลิขสิทธิ์ ไม่ใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่สนับสนุนคนที่แสวงผลประโยชน์จากการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างผิดกฎหมาย
- ผู้ประกอบการระดับค้าปลีกไม่ควรจะจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์
- สถานบันเทิงไม่ควรนำเอาเพลงไปแสดงโดยไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์
- ร้านอาหาร ผับ เธค ไม่ควรเผยแพร่การถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาที่ละเมิดลิขสิทธิ์
อย่าคิดว่าเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์มันเป็นเรื่องไม่สำคัญ อย่ามองว่าได้ใช้ของฟรี อย่ามองเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนตนเพียงเล็กน้อยโดยไม่มองผลเสียระดับชาติที่รุนแรง ถึงเวลาแล้วที่พวกเราคนไทยต้องให้ความสำคัญกับลิขสิทธิ์ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศไทยที่เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม