พายุหมุนหรือผายลม

พร้อมแล้ว!

ก็ไม่รู้สิครับ...วานนี้ (๒๔ กรกฎาคม) "พิชัย ชุณหวชิร" ขุนคลัง นำทีม "ช่วยคลัง" แถลงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันว่า มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว

พร้อมจริงหรือเปล่า?

คำแถลงฟังดูคล้ายๆ โฆษณาคั่นหนังกลางแปลง ขายยาซานโตส ขับถ่ายพยาธิได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นตัวตืด ตัวกลม ยันตัวจี๊ด หลุดลงชักโครก ส้วมหลุม ส้วมซึม ไม่เหลือแม้กระทั่งวิญญาณ

เมื่อขุนคลังท่านบอกว่า พร้อมแล้ว ก็เอาเป็นว่าพร้อมก็แล้วกัน

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่

ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ

ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน

ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ

สามารถพึ่งพาตนเองได้

สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ

รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม

แจกเงินหมื่นผลมันออกมาเหมือนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเลยหรือครับ

ถ้าจริง ตั้งงบล้านล้านบาท แจก ๒ รอบ ๓ รอบไปเลยครับ

ไม่ต้องไปทำอย่างอื่น แจกทั้งปีก็ไม่น่าเกลียด

เสร็จแล้วก็ฉีกตำราเศรษฐศาสตร์ทิ้งให้หมด

"พิชัย ชุณหวชิร" เคลมว่าจะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจำนวน ๔ ลูก

พายุหมุนลูกที่ ๑ การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน

พายุหมุนลูกที่ ๒ การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่

พายุหมุนลูกที่ ๓ การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ

และพายุหมุนลูกที่ ๔ พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

ก็ไม่ทราบตำราเศรษฐกิจเล่มไหนครับ ที่การแจกเงินสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมได้

สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพนี่ยิ่งแล้วใหญ่ อยากให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยว่าทำอย่างไร

๕๐ ล้านคนที่ได้เงิน ๑ หมื่นบาท จะมีสักกี่คนเอาไปลงทุน สร้างอาชีพ

เพราะข้อจำกัดที่รัฐบาลสร้างขึ้นมา มันจะนำไปสู่การขอแลกเป็นเงินสดแบบยอมขาดทุน เพื่อเอาไปซื้อสินค้าอย่างอื่นที่รัฐบาลห้ามไม่ให้ซื้อ เงิน ๘-๙ พัน ซื้อได้เยอะครับ

ร้านโทรศัพท์มือถือเตรียมตัว จะรวยไม่รู้เรื่อง

บางคนที่ซื่้อสัตย์ต่อเจ้าหนี้ ก็เอาไปใช้หนี้

แม้ในเงื่อนไขการใช้จ่าย จะห้ามไม่ให้ประชาชนโอนให้ผู้อื่นหรือแลกเป็นเงินสด

แต่รัฐบาลแน่ใจหรือว่า มีกลไกตรวจสอบได้ทั้งหมด

ต่อให้ สแกน QR Code ก็ยังมีช่องโหว่ คือไม่เอาของ แต่เอาเงินสดที่มีมูลค่าน้อยกว่าของ อย่าคิดนะครับว่าจะไม่มีการใช้วิธีการนี้กัน

และเมื่อพูดถึงพายุหมุนเศรษฐกิจ ๔ ลูก เป็นคำโฆษณาชวนเชื่อที่ดูเกินจริงไปมาก

แค่ลูกแรกก็แทบไม่มีกำลังจะไปต่อแล้ว

หนี้ครัวเรือนขณะนี้ท่วมประเทศ

บรรดาร้านค้าที่ได้รับเงินดิจิทัลไป น่าจะขึ้นเงินสดเพื่อเก็บออมไว้ มากกว่าจะนำมาใช้จ่ายต่อ เพราะเขากลัวว่าพายุแห่งความฉิบหายทางเศรษฐกิจมันจะเกิดขึ้น

มันหยุดหมุนไปตั้งแต่ลูกแรกแล้ว

อีกอย่างมันลงไปไม่ถึงรากครับ เพราะร้านค้าตาสีตาสาหมดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ

เพราะการกำหนดคุณสมบัติร้านค้า ที่จะสามารถถอนเงินสดได้ เฉพาะร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี และมีคุณสมบัติ ดังนี้

๑.ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีที่สามารถถอนเงินสดจากโครงการฯ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ   ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา ๔๐ (๘) แห่งประมวลรัษฎากร

เว้นแต่ร้านค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร โดยร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีข้างต้นต้องมีการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษี ดังนี้

กรณีร้านค้าที่ประกอบกิจการตั้งแต่ ๒ ปีขึ้นไป จะต้องเป็น ผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ในปี ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ ติดต่อกัน ๒ ปี

กรณีร้านค้าที่ประกอบกิจการน้อยกว่า ๒ ปี จะต้องเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม ติดต่อกันตั้งแต่เริ่มประกอบกิจการจนถึงปัจจุบัน

ร้านค้าใหม่ที่ยังไม่ครบกำหนดยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ในปีภาษีแรกหรือรอบระยะเวลาบัญชีแรก จะพิจารณาจากการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น

ร้านค้าต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์แบบรายเดือนในการลงทะเบียนรับสิทธิ

เงื่อนไขแบบนี้ร้านค้าขนาดเล็กขายได้บ้างไม่ได้บ้าง  ไม่อยู่ในระบบภาษี ตายหลายเด้ง

เดิมทีสู้ร้านสะดวกซื้อไม่ได้อยู่แล้ว มาเจอเงื่อนไขแบบนี้ นั่งตบยุงสถานเดียว

ลูกค้าวิ่งเข้าร้านสะดวกซื้อหมดครับ

แล้วพายุมันจะหมุนอย่างไร

ปี ๒๕๔๒ รัฐบาลญี่ปุ่นก็แจกคล้ายๆ กันนี้แหละครับ เป็นการแจกคูปองเงินสดมูลค่า ๒๐,๐๐๐ เยน ให้แก่ครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี และกลุ่มประชากรสูงวัยที่เข้าเกณฑ์

มีผู้ที่ได้รับคูปองจำนวน ๓๒ ล้านคน หรือประมาณ ๒๕% ของประชากรทั้งหมด

เงื่อนไขก็คล้ายๆ กัน ใช้ในชุมชน ระยะเวลา ๖ เดือน แต่การใช้จ่ายไม่ยุ่งยาก หยุมหยิม เท่าดิจิทัลวอลเล็ตของไทย

มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของนโยบายนี้ไว้ในบทความชื่อ "Did Japan’s shopping coupon program increase  spending?" ซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Public  Economics ปี ๒๕๕๓

งานวิจัยนี้ไม่พบหลักฐานในทางสถิติที่ยืนยันได้ว่า การแจกคูปองช่วยกระตุ้นให้ประชาชนเพิ่มการใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ดำเนินโครงการ

คำชี้แจงของ "เผ่าภูมิ โรจนสกุล" ฟังแล้วบอกตรงๆครับ มันเหมือนการแก้ตัวล่วงหน้า

"...โครงการนี้ไม่เหมือนกับโครงการที่ผ่านมา ไม่สามารถอ้างอิงข้อมูลจากทางวิชาการ ข้อมูลจากงานวิจัยหรืออะไรต่างๆ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจเท่าไหร่อย่างแน่ชัดได้ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการใหม่ ทั้งการป้องกันไม่ให้นำไปเพื่อออมทรัพย์ ไม่ให้ซื้อสินค้าอบายมุข มีการกำหนดเงื่อนไขให้ใช้ในหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อให้เกิดการสร้างการผลิต สร้างเงื่อนไขให้ไปใช้ต่ออีกรอบก่อนที่จะมาขึ้นเงิน ฉะนั้น มันไม่สามารถนำงานวิจัยหรืออะไรต่างๆ มาคำนวณได้..."

เหรอครับ!

มันใหม่ขนาดนั้นเลยหรือ

นโยบายนี้ฝอยกันมาจะ ๒ ปีแล้วนะครับ ระหว่างนี้ทำไมรัฐบาลไม่เก็บข้อมูลหรือวิจัยเสียก่อนว่าคุ้มหรือไม่

แต่...คงไม่มีเวลาไปทำหรอกครับ เพราะแค่ตัวโครงการยังเปลี่ยนไปมา จนรัฐมนตรีตอบคำถามกลับไปกลับมา หาอะไรที่น่าเชื่อถือแทบไม่ได้เลย

พรรคการเมืองจะไปสนใจอะไรล่ะครับ ดูโครงการรับจำนำข้าวเป็นตัวอย่าง สร้างความฉิบหายกันเท่าไหร่

"เพื่อไทย" เคยขอโทษสักคำหรือเปล่า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความน่ากลัวกำลังจะเกิด

อันเดียวไม่เคยพอ... เมื่อราวๆ ๓๐ ปีก่อน ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเวทีโต้วาที สมัยนั้นที่ดังเป็นพลุแตก ก็มี ฝ่ายชาย "อภิชาติ ดำดี" ถือว่าเด็ด

วุฒิสภาสามก๊ก

เคาะกันแล้วเคาะกันอีก กับเก้าอี้ประธาน และรองประธานวุฒิสภา ปฏิเสธไม่ได้เลยครับ สว.ชุดใหม่คือความหลากหลายทางชีวภาพ วัฒนธรรม พันธุกรรม และระบบนิเวศ

จาก 'เงินผัน' ถึง 'ผลาญเงิน

เป็นที่ประจักษ์แล้วครับ... รัฐบาลเศรษฐา จงใจทำให้เศรษฐกิจประเทศพินาศย่อยยับ เพียงเพื่อสนองนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตประชาชนหัวละ ๑ หมื่นบาท

ทางรอดที่ไม่เลือก

เคาะแล้วครับ เวลา ๐๙.๓๐ น. วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล