แถลงการณ์ของนายกฯ ฮุน เซน แห่งกัมพูชา กับผู้นำทหารเมียนมา มิน อ่อง หล่าย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพูดถึงเรื่อง “หยุดยิงชั่วคราว” ระหว่างกองทัพพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์
อ่านภาษาที่ใช้บนกระดาษก็ไพเราะดี เพราะ มิน อ่อง หล่าย บอกว่าจะขยายการหยุดยิง (ceasefire) 5 เดือนที่จะสิ้นสุดลงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ไปถึงสิ้นปี และจะเชิญ คุณปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ในฐานะทูตพิเศษอาเซียนมาร่วมการเจรจาด้วย
แต่ในวันเดียวกับที่ออกแถลงการณ์ที่กรุงเนปยีดอนั้นเอง ตรงชายแดนพม่า-ไทย ใกล้กับจังหวัดแม่ฮ่องสอนและตากนั้นยังมีการถล่มทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
“สำนักข่าวชายขอบ” ที่ติดตามประเด็นนี้มาตลอดรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2565 นายคูแดเนียล เลขาธิการพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี (Karenni National Progressive Party-KNPP) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวชายขอบถึงสถานการณ์การสู้รบภายหลังจากที่กองทัพพม่าบุกโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินว่า
ในวันเดียวกันนี้ยังมีเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินตรวจการมาบินวนในหลายพื้นที่ของรัฐคะเรนนี แต่มีการทิ้งระเบิด 1 แห่ง คือ เขตเมืองชาด่อ ซึ่งห่างจากชายแดนไทยด้านอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 20 กิโลเมตร
ส่วนสถานการณ์ของชาวบ้านนั้น ตอนนี้คนที่อยู่ด้านในรัฐคะเรนนีค่อนข้างลำบาก ส่วนบริเวณชายแดนยังพอมีช่องทางที่จะนำส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ได้ แต่ช่องทางการส่งค่อนข้างลำบากเช่นกัน โดยเวลานี้ประชาชนในรัฐคะเรนนีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมาก
ขณะที่เพจ Mercury Media สื่อออนไลน์ของพม่ารายงานว่า การต่อสู้ระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพแห่งชาติคะเรนนี (KA) และกองกำลังป้องกันแห่งชาติคะเรนนี (Karenni Nationalities Defense Force : KNDF) ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในเมืองลอยก่อ รัฐกะยา ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม โดยเมื่อเวลาประมาณเที่ยงของวันที่ 8 มกราคม ชาวบ้านประมาณ 20,000 คน ต้องพลัดถิ่นจากการโจมตีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพพม่าใกล้กับเมืองลอยก่อ
“การปะทะดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านประมาณ 20,000 คน จากหมู่บ้านหยั่วตานเฉ่ หมู่บ้านปานกาน รวมทั้งเขตไมล์โลง ต้องหนีภัยสงครามไปยังที่ปลอดภัย และมีชาวบ้านบางส่วนยังติดอยู่ในหมู่บ้าน”
ทั้งนี้ KNDF ได้เรียกร้องให้ประชาชนอพยพไปยังที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตนเอง เนื่องจากสงครามกลางเมืองได้แพร่กระจายไปยังเมืองลอยก่อแล้ว โดยการต่อสู้ได้ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้จำนวนผู้ลี้ภัยทั้งหมดในรัฐมีมากกว่า 150,000 คน
ทางด้านสำนักข่าว DVB รายงานว่า ประชาชนนับหมื่นคนจากหมู่บ้านไมล์โลง เมืองลอยก่อ รัฐคะเรนนี รวมถึงหมู่บ้านใกล้เคียงหลบหนีไปยังดีมอโซ เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างกองกำลังป้องกันประชาชนในพื้นที่และกองทัพพม่าที่กำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง
เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยกล่าวว่า “มีคนประมาณ 1,900 คน หนีภัยสงครามจากฝั่งไมล์โลงไปยังหมู่บ้านนานแหม่โข่งและหมู่บ้านโอ่เก่ทางฝั่งดีมอโซ และคนอีกนับหมื่นได้หนีไปยังหมู่บ้านอื่นของดีมอโซ”
ผู้ลี้ภัยรายหนึ่งกล่าวว่า “ทหารพม่ายิงปืนใส่ประชาชนมือเปล่า และพวกเขายังทิ้งระเบิดด้วยเครื่องบิน ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต” โดยมีประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างน้อย 6 คน เสียชีวิตจากการยิงของกองทัพพม่าที่โจมตีในไมล์โลง เมืองลอยก่อ
ขณะเดียวกันพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี ได้ออกแถลงการณ์กรณีที่กองทัพพม่าโจมตีรัฐคะเรนนี (Statement on Burmese Military Junta’s Intensified Offensive in Karenni State) ลงวันที่ 8 มกราคม 2565 มีเนื้อหาระบุว่า
สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพพม่าได้เพิ่มความรุนแรงในการโจมตีทางการทหาร โดยมีการใช้อากาศยานรบ รถถัง และปืนใหญ่ ในหลายเมืองสำคัญของรัฐคะเรนนี อาทิ ลอยก่อ เดมอโส่ พรูโส่ และชาด่อ
แถลงการณ์ระบุว่า การโจมตีที่เมืองลอยก่อ ในวันที่ 7 มกราคม ได้คร่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างน้อย 6 ราย และปิดล้อมประชาชนหลายร้อยคนตลอดทั้งวันจนต้องมีปฏิบัติการช่วยเหลือที่มีความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
และนำไปสู่การเสียชีวิตของนักกู้ภัย ซึ่งการโจมตีโดยอากาศยาน ปืนใหญ่ และอาวุธหนักตลอดทั้งวันทั้งคืนเมื่อวันที่ 8 มกราคม
ทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องหนีออกจากเมืองลอยก่อเพื่อเอาชีวิตรอด ประชาชนหลายร้อยคนติดอยู่ในเมืองไมโลน นอกเมืองลอยก่อ
“ในขณะที่ออกแถลงการณ์ฉบับนี้ก็ยังมีการโจมตีโดยอากาศยานแม้เป็นเวลากลางคืน การโจมตีทางอากาศบริเวณพรมแดนไทยพม่า ทำให้ประชาชนอย่างน้อย 1,200 คน ซึ่งเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDPs) ต้องหนีมายังประเทศไทย ขณะที่อีก 200 คน ไม่สามารถข้ามมายังฝั่งไทยได้ KNPP มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพของเผด็จการทหารพม่าที่ใช้อากาศยานโจมตีประชาชนผู้บริสุทธิ์ เราจึงขอร้องอย่างจริงจังให้รัฐบาลนานาชาติและองค์กรระหว่างประเทศมีปฏิบัติการต่อรัฐบาลทหารพม่า และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตลอดจนปกป้องประชาชนที่กำลังถูกโจมตีอยู่ในขณะนี้” แถลงการณ์ระบุ
ข่าวจากเนปยีดอและจากชายแดนเหมือนอยู่กันคนละโลกจริงๆ
อย่างนี้ความหวังจะให้เกิดการเจรจาระหว่างกองทัพเมียนมากับกลุ่มชาติพันธุ์และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติคงพังสลายก่อนที่ผู้นำอาเซียนจะพิจารณาผลการเยือนพม่าของ ฮุน เซน เป็นแน่แท้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ