ความสำเร็จของแบรนด์กับการใช้Meta

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีประชากร 700 ล้านคน และมี GDP รวมประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นตลาดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก แม้ว่าจะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมา แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าภูมิภาคจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 1.6 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า

พฤติกรรมผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคใช้เวลาดูเนื้อหาสื่อต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัลถึง 70% และใช้สองหน้าจอในเวลาเดียวกันมากกว่า 59% ที่ดูโฆษณาบนสมาร์ทโฟนขณะดูโทรทัศน์ไปด้วย ส่วนในกลุ่มแพลตฟอร์มสื่อดิจิทัลด้วยกันเองนั้น โซเชียลมีเดียมีบทบาทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และมิลเลนเนียลต่างใช้แพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์กลุ่ม CPG และสินค้าเพื่อบริโภคต่างๆ เป็นหลัก แบรนด์จึงจะต้องหาช่องทางที่เหมาะสมในการเข้าถึงผู้บริโภค และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณสำหรับการตลาด เพื่อให้ธุรกิจและแบรนด์สามารถดึงดูดผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ผลสำรวจจาก Meta ร่วมกับ Kantar ได้ศึกษา 10 แคมเปญของแบรนด์ในกลุ่ม CPG ที่ศึกษาระหว่างปี 2565-2566 และพิจารณาการซื้อสินค้าของนักช็อปและพฤติกรรมในช่องทางสื่อ เพื่อวัดประสิทธิภาพของช่องทางต่างๆ ในการขับเคลื่อนแคมเปญการตลาดเหล่านี้จากผลการศึกษาพบว่า แพลตฟอร์ม Meta เป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการขับเคลื่อนยอดขายทั้งทางช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ อีกทั้งยังส่งผลให้แบรนด์ได้รับผลตอบแทนจากการโฆษณา หรือที่เรียกว่า ROAS ได้สูงสุดกว่า 1.8 เท่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกจากนี้แคมเปญที่โฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Meta นั้นยังช่วยแบรนด์และธุรกิจค้นหาผู้ซื้อกลุ่มใหม่ๆ ด้วยต้นทุนทางการตลาดที่ต่ำที่สุด

มาดูกันว่าจากผลการศึกษาและวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบด้านความมีประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Meta เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ มีอะไรกันบ้าง อย่างแรกคือ 1.ผลตอบแทนจากค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Meta ที่สูงกว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ และสื่อโทรทัศน์ โดยผลการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบจาก Meta และ Kantar พบว่า แคมเปญที่ดำเนินการบนแพลตฟอร์มของ Meta มีมูลค่า ROAS สูงสุดถึง 1.8 เท่า คิดเป็น 16% ของยอดขายสื่อที่เพิ่มขึ้นด้วยส่วนแบ่งการใช้จ่ายเพียง 10% ซึ่งมากกว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ และสื่อโทรทัศน์ ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม Meta ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

2.ระดับ Conversion สูงสุดบนแพลตฟอร์มของ Meta งานวิจัยนี้ได้วัดสัดส่วนกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมกับแคมเปญบนแพลตฟอร์มของ Meta รวมถึงสัดส่วนการเข้าถึงสื่อและได้มีการซื้อสินค้า แสดงให้เห็นว่าแคมเปญบนแพลตฟอร์มของ Meta มี Conversion สูงสุดที่ 22% ตามมาด้วยการชมทางโทรทัศน์ 20% และการเข้าถึงสื่อดิจิทัลอื่นๆ 13% กล่าวได้ว่า 1 ใน 5 ของผู้ซื้อได้ตัดสินใจซื้อสินค้าจริงๆ เมื่อเห็นแคมเปญโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Meta 3.การเข้าถึง (Reach) สูงขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Meta แคมเปญบนแพลตฟอร์มของ Meta มียอดการเข้าถึงหรือ Reach มากถึง 59% โดยมีสัดส่วนใกล้เคียงกับ Reach สูงสุดทางโทรทัศน์ และมากกว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 43%

อย่างไรก็ดีข้อสุดท้าย 4. Meta เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด โฆษณาบนแพลตฟอร์มของ Meta ช่วยเพิ่มมูลค่าสูงสุดให้กับค่าใช้จ่ายทางการตลาด จากการศึกษาพบว่า การทำแคมเปญบนแพลตฟอร์มของ Meta สามารถเพิ่มผู้ซื้อใหม่จำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่นๆ โดยมีต้นทุนต่ำสุดที่ 3.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 ลูกค้าใหม่ ทั้งนี้ Meta ยังเป็นผู้นำในด้านการเพิ่มยอดขายด้วยสื่อดิจิทัลในกลุ่มนักช็อปคนรุ่นใหม่เช่น Gen Z และมิลเลนเนียล ซึ่งคิดเป็น 44% ของยอดขายทางดิจิทัล.

 

รุ่งนภา สารพิน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หวยเกษียณแก้ปัญหาแก่ก่อนรวย

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือหวยเกษียณ ของกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งนี่ถือเป็นโครงการที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมการออมของประชาชนในประเทศ

เจ็บแล้วจบ

หลังการบริหารงานของรัฐบาลเศรษฐาได้เข้ามาเดินหน้ามาตรการประชานิยมลด แลก แจก แถม จัดเต็ม ตามที่สัญญากันไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะนโยบายด้านพลังงาน ลดค่าไฟฟ้า

3แผนกรีนดันอุตฯไทยรักษ์โลก

เทรนด์รักษ์โลกยังมีมาอย่างต่อเนื่อง และตลอดปี 2567 ที่ผ่านมานี้หลายหน่วยงาน หลายบริษัทก็ยังไม่ทิ้งอุดมการณ์อันแรงกล้านี้ และยังแห่ประกาศแผนดำเนินงานเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมกันอย่างคึกคัก

เร่ง“ปรับ”ก่อน(ถูก)“เปลี่ยน”

ยอดขายรถยนต์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา หลายคนคงตกใจ เพราะหดตัวลงถึง 23.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มว่าทั้งปีจะหดตัวลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี

เปิดไม้เด็ดธุรกิจขนาดเล็กสู้ในตลาด

หากย้อนเวลาไปเมื่อหลายปีก่อน ธุรกิจที่มีทุนหนาและมีส่วนแบ่งการตลาดมาก มักจะถูกมองว่าเป็น “ปลาใหญ่” ที่ได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่ทุนน้อยกว่าซึ่งเปรียบเหมือน “ปลาเล็ก” จนเป็นที่มาของคำว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” หนึ่งในข้อได้เปรียบที่เห็นชัดที่สุดคือ การมี Economy of Scale หรือ การประหยัดต่อขนาด ซึ่งหมายถึง การผลิตสินค้าหรือบริการในจำนวนที่มากพอที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำลง พูดง่ายๆ ก็คือ “ยิ่งผลิตมากขึ้น ต้นทุนการผลิตยิ่งลดลง และยิ่งคุ้มค่ามากขึ้น” โดยต้นทุนในการผลิตสินค้าหรือบริการจะแบ่งออกเป็น ต้นทุนคงที่ (fixed cost) และต้นทุนผันแปร (variable cost) ต้นทุนคงที่ คือ ต้นทุนที่ธุรกิจต้องจ่ายเป็นจำนวนคงที่ ไม่ว่าจะผลิตสินค้าหรือบริการในปริมาณเท่าใดก็ตาม เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าเครื่องจักรอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ส่วนต้นทุนผันแปร

ถึงเวลาสกัดสินค้าจีนด้วยภาษี

ปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน กำลังกลายเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับรัฐบาลและหน่วยงานราชการของแต่ละประเทศ ที่จะต้องหามาตรการในการดูแลผู้ประกอบการภายในประเทศ เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันได้ จนทำให้หลายธุรกิจต้องล้มหายตายจากไปในที่สุด