ทางรอดที่ไม่เลือก

เคาะแล้วครับ

เวลา ๐๙.๓๐ น. วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล

วานนี้ (๑๗ กรกฎาคม) ใบแถลงข่าวของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า...

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้

จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๑ มาตรา ๕๘ วรรคหนึ่ง

หากคู่กรณีประสงค์จะแถลงการปิดคดี ให้ยื่นเป็นหนังสือสอบถามศาลรัฐธรรมนูญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ  ๒๕๖๑ มาตรา ๖๗ ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๒ ข้อ ๒๔ ภายในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗

ส่วนคำร้องที่คู่กรณียื่นให้รับรวมไว้ในสำนวนคดีเพื่อประกอบพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

โดยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ ๗ สิงหาคม เวลา ๐๙.๓๐  น.

และนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา ๑๕.๐๐ น

ขีดเส้นใต้ประโยคที่ว่า "คดีเป็นปัหาข้อกหมาย"

ไปทวนคำร้องคดีนี้กันอีกครั้งครับ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคก้าวไกลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ๒๕๖๐ มาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๑) (๒) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๖๗

จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล

เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล

ห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา ๙๒ วรรคสอง และมาตรา ๙๔ วรรคสอง

ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยตามกรอบคำร้องนี้

การยุติการไต่สวน เป็นไปตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๕๘ ที่บัญญัติว่า....

"...หากศาลเห็นว่าคดีใดเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยโดยไม่ทําการไต่สวนหรือยุติการไต่สวนก็ได้..."

ก็หมายความว่า คดีนี้สิ้นกระบวนความแล้ว ศาลสามารถวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องไต่สวนใดๆ อีก

ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสาร พยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมบ้าง

ศาลมีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๖๗ มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะที่พรรคก้าวไกล ยื่นคำร้องโต้แย้งผู้ร้อง คือ กกต.  ชี้ให้เห็นว่า กระบวนการยื่นคำร้องให้ศาลยุบพรรคก้าวไกล ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เปิดการไต่สวนประเด็นที่พรรคโต้แย้งไป และเรียกพยานมาไต่สวนประเด็นนี้ คือ "ชัยธวัช  ตุลาธน" กับ "ศ.สุรพล นิติไกรพจน์"

และยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกเอกสารเพิ่มเติมจากกกต. เพราะเชื่อว่า กกต.ดำเนินการไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เปรียบเสมือนใช้ทางด่วนเบ็ดเสร็จในการพิจารณาเพียงวันเดียว

ปัญหาข้อกฎหมาย จึงมีหลายประเด็นให้พูดถึง

หลักๆ ที่พรรคก้าวไกลข้องใจคือ กกต.ยื่นคำร้องถูกต้องหรือไม่

ถ้า กกต.ยื่นคำร้องไม่ถูกต้อง ศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยตั้งแต่ต้นหรือครับ

กกต.ยื่นคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา ๙๒ วรรคสอง

คือ...เมื่อคณะกรรมการ (กกต.) มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น

 (๒) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น

ประมุข

หลักฐานอันควรเชื่อ ก็คือคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่  ๓/๒๕๖๗ หรือที่เรียกว่าคดีล้มล้างการปกครอง กรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้ ม.๑๑๒ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า

"...เป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลาย เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง เข้าลักษณะ เป็นการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..."

พรรคก้าวไกลพยายามสู้ว่า มาตรา ๙๒ ต้องดำเนินการประกอบกับมาตรา ๙๓ คือต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานก่อน ไม่ใช่ข้ามขั้นตอน

มาตรา ๙๓ บัญญัติว่า

"...เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา ๙๒ ให้นายทะเบียนรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด ในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๙๒ คณะกรรมการจะยื่นคำร้องเอง หรือ จะมอบหมายให้นายทะเบียนเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินคดีแทนก็ได้ และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดี นายทะเบียนโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจะขอให้อัยการสูงสุดช่วยเหลือดำเนินการในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะเสร็จสิ้นก็ได้ ในกรณีที่เห็นสมควร ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้พรรคการเมืองระงับการกระทำใดไว้เป็นการชั่วคราว ตามคำร้องขอของคณะกรรมการ นายทะเบียน หรืออัยการสูงสุด แล้วแต่กรณี ก็ได้..."

๒ มาตรานี้แยกออกจากกันครับ

ความหมายของมาตรา ๙๒ คือ เมื่อ กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า

ขณะที่มาตรา ๙๓ เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดกระทำการตามมาตรา ๙๒

หนำซ้ำยังกำหนดว่า ให้นายทะเบียนรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณา

ก็หมายความว่า หากพบความผิดตามมาตรา ๙๓ ก็ต้องย้อนกลับไปมาตรา ๙๒

แต่หาก กกต.พบความผิดเอง คือมาตรา ๙๒ ก็ไม่ต้องไปดำเนินการในมาตรา ๙๓

นี่คือข้อกฎหมาย ที่พรรคก้าวไกลพยายามสู้

ขณะที่ข้อกฎหมายที่ กกต.ยกมาคือ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะนั่้นคือหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกล กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

คำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองมันค้ำอยู่ จะบอกว่าไม่อาจนำมาเป็นเหตุในคดียุบพรรคก้าวไกลได้นั้น มันเลื่อนลอยเกินไป จะอธิบายเป็นภาษากฎหมายได้อย่างไร

แต่การจะยุบหรือไม่ยุบพรรคก้าวไกล ยังมีองค์ประกอบอื่นอีก

เช่นคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง ศาลสั่งให้พรรคก้าวไกลหยุดการกระทำ เพียงแต่พรรคก้าวไกลไม่นำประเด็นนี้มาต่อสู้

เหตุผลง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน หากพรรคก้าวไกลประกาศว่า ยกเลิกนโยบายแก้ ม.๑๑๒ แล้วจะไม่ยุ่งกับประเด็นนี้อีกต่อไป ผลที่ตามมาคือ "ส้มเน่า"

มวลชนที่พรรคก้าวไกลปลุกขึ้่นมาจะพากันสาปแช่งว่า "ทรยศ"

ฉะนั้นการไม่หยิบยกมาสู้ก็ถือเป็นเจตนาของพรรคก้าวไกล

เจตนาไม่เคยเปลี่ยน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทลายทุนผูกขาด

ชื่นใจ... ชื่นใจในความรวยของเศรษฐีไทยครับ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ ๓๑ แล้วครับ

นายกฯ ฝึกงาน

ขยี้ตาสิบที... แถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนแน่นะ "อิ๊งค์" ไปดูอีกทีกับการแถลงข่าววานนี้ (๑๒ ธันวาคม)

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ

ง่ายๆ แค่เลิกโกง

อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ