ยิงทรัมป์ "คะมำไทย"

สหรัฐนี่....

กำลังเข้าวงรอบ "เวรกรรมตามสนอง"!

เซาะกร่อนบ่อนทำลายชาวโลกให้ปั่นป่วน-วุ่นวาย ถึงขั้นแตกแยก ฆ่าแกง แบ่งฝ่าย จนสงครามโลก ริมๆ จะระเบิด

ตอนนี้ ตาเธอเจอเข้าบ้าง เป็นไงล่ะ "แสบสัน" สะใจดีมั้ย?

ทรัมป์-รีพับลิก กับไบเดน-เดโมแครต

ชิงประธานาธิบดีกันในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกา.ที่จะถึง

ปู่ไบเดน ยืมยูเครนเป็นสนามรบ หวังสยบรัสเซีย เขี่ยปูตินให้พ้นไปจากกระดานถ่วงดุลอำนาจโลก

เฒ่าทรัมป์ คู่ชิง สงครามเป็นเรื่องรอง America First เป็นเรื่องหลัก

๒ คน ๒ ขั้ว แต่ใต้คอนโทรล "ยิวไซออนิสต์" ทั้งคู่ แต่ดูเหมือนเฒ่าทรัมป์จะมาแรงแซงปู่ไบเดนที่เป่าขี้เถ้าไม่ฟุ้งไปหลายช่วงตัว

วันอาทิตย์ เฒ่าทรัมป์ถูกอเมริกันชน "รุ่นใหม่" สไนเปอร์ติ่งหูเลือดกระฉูด เป็นข่าวช็อกโลก

ยิงให้เฉียดติ่งหู โดยไม่ให้ถูกตามเนื้อตัวแบบนี้

ผมว่า ให้ยิงอีกร้อยครั้ง ก็ยิงไม่ได้!

ฉะนั้น ต้องบอกว่า "เฒ่าทรัมป์" นี่ "นะแคล้วคลาด" ฉมัง

"ทรัมป์ไม่ตาย"

แต่กระสุนนัดนี้ทำให้ปู่ไบเดน "ตายแหงแก๋" แทบไม่ต้องลุ้นผลเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกา.!

ถ้าไม่มี "นะปถมัง" ไม่พกหลวงพ่อที่ขลังติดตัว ก็แสดงว่า เทพาอารักษ์ประจำเมืองต้องการให้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีแหงๆ

เพราะทุกอย่างเป็นใจซะจริงๆ

ขนาด "ศาลสูงสหรัฐ" ยังต้องสร้างมาตรฐานใหม่ ตัดสิน หลังจากผู้พิพากษาศาลสูงมีมติ ๖:๓ รับรองความคุ้มกันของผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

ให้การกระทำของเฒ่าทรัมป์ ที่ก่อจลาจลหวังล้มเลือกตั้งเมื่อปี ๒๕๖๓ ไม่ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

ด้วยขณะนั้น ยังอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีจึงอยู่ภายใต้ขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะไม่สามารถถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้

เอากะ "พ่อประชาธิปไตยโลก" ซี!

เรียกว่าทุกด่าน "ไฟเขียว" ให้ทรัมป์ผ่านตลอด ขนาดถูกยิงยังแค่เฉี่ยวติ่งหูเลย เห็นมั้ย

ต้องยกให้เป็น "หลวงพ่อทรัมป์" แล้วล่ะ แบบนี้

กรณีนี้ อเมริกันชนที่แตกหลายฝ่ายอยู่แล้ว ทำให้แต่ละฝ่ายทำท่าจะระเบิดภายใน

out of control ใช่ว่าจะเกิดไม่ได้

เพราะอเมริกันชนเริ่มหงุดหงิดหนักกับสภาพข้างนอกสุกใส แต่ข้างในต๊ะติ๊งโหน่งของสหรัฐในปัจจุบันมาก!

อยากให้ท่านลองหยิบลูกโลกมาหมุนดู จะเห็นว่า "ไทยกับสหรัฐ" อยู่คนละซีกโลก แต่แนว "เส้นรุ้ง-เส้นแวง" ใกล้เคียงกันมาก

เท่าที่ผมลองสังเกตมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๖

ถ้ามีอะไรแรงๆ ในทางเปลี่ยนแปลงหรือทางวิบัติทำลายล้าง เกิดในประเทศหนึ่ง

อีกไม่นาน ลักษณะคล้ายๆ กัน ก็จะเกิดกับอีกประเทศ!

นี่เป็น "สถิติเถื่อน" จากผมสังเกต ลบหลู่ได้ แต่อยากให้ตามดู

๓-๔ วันก่อน ผมบอกไปที ไม่ทราบจำกันได้หรือเปล่า ว่า ค่า Ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) จากงวดปัจจุบัน อยู่ที่ ๔.๑๘ บาท/หน่วย

แต่งวด "กันยา.-ธันวา. ๖๗" สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะปรับเพิ่มเป็น ๔.๖๕-๖.๐๑ บาท/หน่วย

สาเหตุที่ต้องขึ้น กกพ.อ้างว่า เพราะต้องทยอยคืนชำระหนี้ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (กฟผ.) ๙๘,๐๐๐ ล้านบาท

บวกกับ "เงินบาท" อ่อนค่าต่อเนื่อง กระทบราคาซื้อก๊าซธรรมชาติ และแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติสูงขึ้น จากความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาว

คนไทยวันนี้ เรียกว่า "ทุกข์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น" อย่างนั้นจริงๆ รัฐบาลที่หาเสียงประกาศโครมๆ "ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ลดทันที"

แต่พอได้เป็นรัฐบาล ทุกอย่างตรงกันข้าม ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ขึ้นอย่างเดียว

"ดีเซล" จากที่ไม่เกิน ๓๐ บาท/ลิตร ตอนนี้เฉียด ๓๓ บาท/ลิตรแล้ว

เรื่องเงินแจก ๑ หมื่น รัฐบาลเพื่อไทยสัญญาจนจำไม่ได้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้ว...ว่าไตรมาส ๔ แจกแน่

แน่-ไม่แน่ไม่รู้ ที่แน่ๆ ไตรมาส ๔ ค่าไฟขึ้นพรวด ตั้งแต่ ๔.๖๕-๖.๐๑ บาท/หน่วย!!!

ชาวบ้านในภาวะเหมือนถูกไฟชอร์ต

เมื่อวาน (๑๕ ก.ค.๖๗) มีการเชิญชวนผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า

"ขอเชิญชวนพื่อนพนักงานการไฟฟ้านครหลวงเข้าร่วมปฏิบัติการเสือเหลือง

พร้อมยื่นหนังสือ "คัดค้านการขึ้นค่าไฟฟ้าและพลังงาน"

เดินทางจากการไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ ตั้งขบวนจักรยานยนต์มุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล

รวมพล วันอังคารที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗

เวลา ๐๘.๐๐ น. หน้าห้องเวรแก้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ

พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อความหนังสือที่จะไปยื่นในวันนี้ด้วย ดังนี้

....................................

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.)

เรื่อง คัดค้านการผลักภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน

กราบเรียน นายกรัฐมนตรี

อ้างถึง แนวทางการปรับค่า Ft ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

สิ่งที่ส่งมาด้วย เอกสาร กกพ.ขอฟังเสียงผู้ใช้ไฟ ๓ แนวทาง

ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นำเสนอแนวทางการปรับค่าไฟฟ้า

ตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) สำหรับงวดเดือนกันยายนถึงธันวาคม ๒๕๖๗

เพื่อรับฟังความคิดเห็นตามที่อ้างถึง กกพ.ได้นำเสนอการปรับค่า Ft เป็น ๓ แนวทางตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ซึ่งมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นนั้น

การปรับค่าไฟฟ้า หรือค่า Ft ครั้งนี้ ถือเป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม

ทั้งๆ ที่ปัจจุบัน ประชาชนต้องทุกข์ยากลำบากจากค่าครองชีพที่พุ่งทะยานสูงขึ้น

ทั้งค่าน้ำมัน ค่ารถเดินทาง และค่าของกินของใช้ที่แพงขึ้นอย่างมาก แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการแก้ไขค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ยิ่งมีการปรับค่า Ft จะยิ่งเป็นการสร้างความทุกข์ยากอดอยากซ้ำเติมประชาชน รวมถึงลูกจ้างทั้งของรัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น

แต่เดิมมีการคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (กฟผ.) ไปเป็นเอกชน แต่ในรอบสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลกลับพยายามจำกัดการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ขณะเดียวกัน กลับเปิดช่องทางให้บริษัทเอกชน กลุ่มทุนใหญ่ เข้ามาทำการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับ กฟผ.

และปล่อยให้บริษัทเอกชนเหล่านี้เข้ามาหากินหาประโยชน์จากนโยบายของรัฐ

โดยการทำสัญญาระยะยาวผูกขาดการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.หากินกับการสำรองไฟฟ้า (Reserve Margin)

แม้ กฟผ.ไม่ซื้อ ก็ต้องจ่าย (ต้นทุน) เท่ากับยินยอมให้บริษัทเอกชนหรือกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน

สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐ ที่มีการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็น อยู่ที่ระดับ ๓๕-๕๐% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ

ขณะที่อัตราการสำรองไฟฟ้าตามเกณฑ์เดิมอยู่ที่ ๑๕%

การสำรองไฟฟ้ายิ่งสูงมาก จะกลายเป็นต้นทุนแฝงที่เป็นภาระของผู้ใช้ไฟฟ้าหรือประชาชน

ดังนั้นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่ จึงถือเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ที่ประชาชนทุกข์ทนกับภาระต้นทุนที่ต้องแบกรับสูงขึ้น ตลอดนับสิบปีที่ผ่านมา

"สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง" จึงเรียนมาเพื่อขอคัดค้านการผลักภาระต้นทุนให้ประชาชน

ทั้งขอให้ยุตินโยบายการให้บริษัทเอกชนผลิตกระแสไฟฟ้า และโอนการผลิตกระแสไฟฟ้ากลับมาให้ กฟผ.ตามเดิม             

รวมทั้งการคงอัตราการสำรองไฟฟ้าไว้ที่ ๑๕% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

 (นายเสนอ วิสุทธนะ)

ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง

...................................

"สหภาพการไฟฟ้านครหลวง" จะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ที่ทำเนียบฯ หรือไม่ไปก็ตาม

แต่ข้อความในหนังสือนี้ ในนามประชาชน ขอบอกว่าขอบคุณพวกท่านมาก

ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคนเดือดร้อนในภาระที่ภาครัฐเป็นผู้ก่อ แล้วโยนภาระมาให้ประชาชนแบก

ปฏิบัติกับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าประหนึ่งเห็นเป็นวัว-เป็นควาย เอะอะโยนภาระทุกสิ่งอัน ใส่หลังให้แบก!

ในภาวะหนี้ท่วม ประชาชนสิ้นเรี่ยวแรงจะแบกแล้ว

ใกล้สภาพ "ฟางเส้นสุดท้าย" บนหลังแล้ว

สหภาพการไฟฟ้านครหลวงเห็นภาระหนักแอ้จนหลังประชาชนแอ่น นำความทุกข์ร้อนไปบอกรัฐบาลแทนเช่นนี้

ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

"ระบบพลังงาน" ภาครัฐปรุงเป็นสเต๊กป้อนนายทุนจนอ้วนคับประเทศไปนานแล้ว แต่ชาวบ้านแบกคำว่า Ft จนหลังแอ่น

คนการไฟฟ้าย่อมรู้เรื่องนี้ดีกว่าชาวบ้าน เมื่อทนเห็นการเมืองกับนายทุนพลังงาน ร่วมกัน "เชือดหมู" แล้วทนดูไม่ไหวจนออกมาตะโกน

รัฐบาลจะละอายใจ แล้วแก้ปัญหานี้.....

แก้ชนิดให้ตรงทางถาวร หรือแก้ชนิด "เอาหน้ารอด" ไปวันๆ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่า ไอ้คนที่ตะโกน "ลดทันที"

"จะแก้-จะลด" ด้วยวิธีไหน แบบไหน?

ในเมื่อคนใหญ่ในแผ่นดิน มีคนเดียว แต่แยกเป็น ๒ ร่าง                   ร่าง "นายทุนพลังงาน" กับร่าง "เทวดาเหนือคุก"!.

-เปลว สีเงิน

๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาล 'เมากัญชา'?

บ๊าย..บาย "๒๕๐ สว." เจ้าเก่า ยินดีต้อนรับ "๒๐๐ สว." และ "๑๐๐ สว.สำรอง" เจ้าใหม่ ๓๐๐ คน