สว.เลือดสีกากี

รายที่ 5 พ.ต.ท.สุริยา บาราสัน สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อดีตรอง ผกก.สืบสวนเมืองสตูล รายที่  6 พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อดีตเลขานุการประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และอดีตรอง ผบช.ทท. รายที่ 7 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อดีตรองผบช.ภ.8 รายที่ 8 พ.ต.ท.สง่า ส่งมหาชัย สว.กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกิจการตามมาตรา 11 (9) อดีตนายตำรวจที่หันไปเอาดีทางธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในจังหวัดลำปาง รายที่ 9 พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว.กลุ่มอื่นๆ อดีตรองผบช.ภ.6 และรายที่ 10 พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว.กลุ่มอื่นๆ อดีตรอง ผบก.ภ.จว.สตูล...ต้องขอแสดงความยินดีกับอดีตตำรวจทุกนายที่ได้เข้าไปทำหน้าที่ สว. อีกบทบาทสำคัญในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาน ไม่ต่างไปจากอาชีพ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ที่เคยรับราชการมาก่อน ๐

แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีหนาว! เมื่อ บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ออกโรงตามจับ "ตำรวจเก๊" ที่สวมใส่เครื่องแบบตำรวจวิดีโอคอล หลอกผู้เสียหายขอข้อมูลส่วนตัวอ้างใช้สอบปากคำ โกหกว่าอยู่โรงพักเมืองชัยภูมิ โดยเพจ "ตำรวจสอบสวนกลาง"  ออกประกาศจับระบุว่า "ไอ้หนุ่มที่แต่งตัวเหมือนตำรวจ หนุมานรอตรวจค้นอยู่นะครับ บุคคลในภาพคือสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือเป็นบุคคลอันตราย เพราะอาจเป็นตัวการที่ทำให้เหยื่อสูญเงินมากมาย ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ต้องการตัวบุคคลนี้อย่างมาก ห้องขังยังว่างจองไว้ให้คนนี้โดยเฉพาะ หากประชาชนพบเห็นว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ใด หรือทราบเบาะแสข้อมูล สามารถแจ้งมาได้ที่ Inbox Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง ตลอด 24 ชั่วโมงครับ เราจะเก็บข้อมูลเบาะแสของท่านเป็นความลับครับ" งานนี้คงได้เห็นรายการ "หนุมาน" ถล่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่ๆ ๐

ฟังจากปากของ “สุทิน คลังแสง" รมว.กลาโหม ชัดเจนในเรื่องช่วงเวลาในการตัดสินใจสรุปแบบเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ของกองทัพอากาศใน 2 เดือนข้างหน้า ขณะที่เรื่อง "เรือดำน้ำ” ยังไม่มีการส่งเอกสารอย่างเป็นทางการไปที่นายกรัฐมนตรี จึงคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเวลาใกล้เคียงกัน  ขั้นตอน ณ ขณะนี้จึงอาจจะเรียกว่า "แขวน" ไว้ก่อนในส่วนของรัฐบาล แต่จะเป็นแขวนในส่วนของกระทรวงกลาโหม  หรือนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นเรื่องที่ค่อยๆ แย้มออกมาทีละประเด็น แต่คนที่มีบทบาทสูงในการแก้ไขปัญหาเรื่อง "เรือดำน้ำ” คือ "รมต.เพ้า" จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมตรี ที่กำกับดูแลสำนักงบประมาณ เพราะเป็นคนที่ได้รับมอบ “ภารกิจพิเศษ” ให้เป็นหนึ่งในทีมที่เดินทางไปเจรจากับจีนอย่าง “เร่งด่วน” ในรอบแรก โดยมี “สุทิน" และ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.เดินทางไปด้วยในครั้งนั้น จนจีนได้ส่งคณะเจรจาจาก "โบมีเทค" หน่วยงานด้านอาวุธของจีนบินมาคุยกับทีมงานของกระทรวงกลาโหม ก่อนได้ข้อสรุปในที่สุด

แม้ “รมต.เพ้า” ไม่ได้เป็น "ตัวละครลับ" และยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 แต่ในช่วงการชี้แจงงบฯ ของ ผบ.ทร. “รมต.เพ้า” ก็สนใจในเรื่องนี้ เพราะเมื่อเสร็จภารกิจจากที่อื่นก็รุดมารัฐสภาเพื่อเข้ารับฟังในทันที จึงเชื่อมั่นว่ามีสัญญาณบวกเรื่อง "โครงการเรือดำน้ำ" ติดเครื่องยนต์จีนจะผ่านฉลุย แม้จะไม่ได้บรรจุงบฯ ผูกพันในปี 2568 ก็ตาม  แต่ในปี 2569 คาดว่าคงไม่น่าพลาด และที่ต้องจับตามองคือ "เรือฟริเกต” 2 ลำ ที่ “สุทิน” เคยสัญญาว่าจะให้ ทร. แต่จะเป็น type ไหนที่ลงตัวระหว่าง การเมือง กับ กองทัพเรือ คงต้องลุ้นกันต่อไป แต่แนวโน้มถ้าการอนุมัติแก้ไขสัญญาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำผ่านไปได้แบบไม่สะดุด “เรือฟริเกต” ก็น่าจะไหลลื่น แต่คงไม่ใช่ “ของดีที่สุด” ที่ ทร.อยากได้ และอาจจะเป็นเรือสัญชาติเดียวกับเรือดำน้ำที่เราเดินหน้าต่อ ๐

 ส่วนโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนของกองทัพอากาศ ที่บอกว่า 2 เดือนรู้เรื่อง คงต้องดูเรื่องกรอบเวลาของการพิจารณางบประมาณในชั้นกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ วาระ 2 และ 3 ว่าจะได้รับการอนุมัติทั้งก้อนที่เสนอไปรวมกับอีก 4 โครงการหรือไม่ หรือถ้าฝ่ายค้านให้ “ชำแหละ" แยกส่วนออกมาว่าในตัวเลือกเครื่อง 2 แบบคือ  เอฟ-16 กับกริพเพน จะจัดตารางงบประมาณกันอย่างไร ในที่สุดจะ “ถูกตัด” หรือ “ถูกคว่ำ” ล้วนอยู่ในกำมือของ กมธ.สัดส่วนเพื่อไทยและรัฐบาล รวมทั้งเสียงของพรรคร่วมฯ ถ้าในที่สุดงบฯ ก้อนนี้ผ่านได้ทุกด่าน ก็ต้องมาดูว่ารัฐบาลจะพิจารณาอย่างไร เพราะ “พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล” ผบ.ทอ. บอกว่าในภาพรวมก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการรวบรวมข้อมูลรอบด้านก่อนตัดสินใจ ส่วน ทอ.ได้พิจารณาให้คะแนนจบไปแล้ว จึงไม่น่าเกี่ยวกับ “ข่าวลือ” เรื่องการไปพบคุยกับผู้มีอำนาจในต่างแดน เพราะวาระการเดินทางไปอังกฤษของ ผบ.ทอ.ช่วงสัปดาห์ต่อจากนี้ จึงเป็นแค่การร่วมงานแอร์โชว์ และประชุมพบปะกับกลุ่มประเทศที่มีกริพเพนเข้าประจำการ ตามตารางงานเดิมเท่านั้น ๐

“ทำก่อน-ช่วยก่อน" หลังจากโลกกำลังจะพัง วันศุกร์ที่ผ่านมา ผบ.ทอ.เป็นประธานในพิธีรับมอบใบประกาศเกียรติคุณ จากการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2564-2566 หน่วยงานในกองทัพอากาศมีการใช้ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Cell  ทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากสายส่ง ทำให้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานไฟฟ้าปกติได้ถึง 10,667 ตัน หรือ 10,667,000 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบได้กับการปลูกต้นไม้กว่า 1,060,000 ต้น ซึ่งจากผลความสำเร็จการดำเนินการดังกล่าว จึงทำให้กองทัพอากาศได้รับมอบใบประกาศเกียรติคุณจากการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน).