เลือกตั้งสหรัฐ 2024 ประชามติเลือกประชาธิปไตย

ไบเดนชี้ว่าตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนทรัมป์อยู่ฝ่ายตรงข้าม ถ้าต้องการปกป้องประชาธิปไตยขอให้เลือกพรรคเดโมแครต

David Remnick จากสื่อ New Yorker ตีความว่า เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024 คือประชามติว่าต้องการประชาธิปไตย (“a referendum on democracy itself”) หรือต้องการทรัมป์ที่คนอเมริกันรู้ดีว่าท่านมีความเป็นประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน ใครๆ ก็รู้ว่าบุคลิกทรัมป์คืออำนาจนิยม (authoritarian personality)

ภาพ: รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส

เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/photo/?fbid=1025221922297578&set

ผลจาก 8-9 ปีที่ผ่านมาคนอเมริกันรับรู้กันทั่วว่าทรัมป์เป็นคนอย่างไร ฝีมือลีลาการบริหารประเทศ คดีความของท่านและอีกหลายพฤติกรรม ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนอเมริกันไม่รู้จักทรัมป์ ในหมู่พรรคเดโมแครตตีตราว่าทรัมป์บ่อนทำลายค่านิยมประชาธิปไตย ถ้าเลือกทรัมป์คือเลือกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตย ความเป็นประชาธิปไตยที่อเมริกาภาคภูมิใจถูกลดทอนลงไปอีก

ผลวิจัยเมื่อมิถุนายน 2023 ของ Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research เผย 8 ใน 10 ของพวกเดโมแครตฟันธงว่าพรรครีพับลิกันไม่ยึดมั่นหลักประชาธิปไตย

ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ผลสำรวจแสดงความคิดเห็นของพวกเดโมแครตต่อพรรครีพับลิกันในปัจจุบัน “พรรครีพับลิกันไม่ยึดมั่นหลักประชาธิปไตย”

การที่พวกเดโมแครตเล่นงานทรัมป์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการหาเสียง เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงที่ไบเดนใช้เรื่อยมา มีนาคม 2024 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวใน “คำแถลงนโยบายประจำปี” (State of the Union) ว่า ประชาธิปไตยอเมริกากำลังสะเทือนจากผู้ที่ไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจอย่างสงบเมื่อ 6 มกราคม 2020 (หมายถึงทรัมป์) เป็นภัยร้ายแรงต่อประชาธิปไตย แต่เขาล้มเหลว อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าภัยคุกคามนี้ยังอยู่และต้องปกป้องต่อ ขอให้พวกเราทั้งหลายร่วมกันปกป้องประชาธิปไตย เคารพเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม ฟื้นฟูความเชื่อมั่นสถาบันต่างๆ ต่อต้านความรุนแรงทางการเมือง

ประธานาธิบดีไบเดนพูดเสมอว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับ MAGA Republicans (พวกที่สนับสนุนทรัมป์อย่างเข้มข้น) เป็นพวกสุดโต่ง (an extremism - ไม่ใช่พวกประชาธิปไตย) เป็นพวกนิยมความรุนแรง จงเกลียดจงชัง สร้างความแตกแยก ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ไม่เชื่อหลักนิติธรรม ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง สนับสนุนพวกที่ปฏิเสธผลการเลือกตั้ง รวมความแล้ว ประธานาธิบดีไบเดนตีตราว่าเป็นพวกกึ่งเผด็จการ (semi-fascism) คุกคามบั่นทอนประชาธิปไตย

ในการหาเสียงไบเดนจะพยายามชี้ว่าตน (พรรคเดโมแครต) เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนทรัมป์อยู่ฝ่ายตรงข้าม เชิญชวนให้คนอเมริกันเข้าคูหา ถ้าต้องการปกป้องระบอบประชาธิปไตยขอให้เลือกพรรคเดโมแครต

Remnick ขยายความว่า ปี 2016 ได้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี เลือกตั้งรอบถัดมา 2020 คือประชามติไม่เอาทรัมป์ การที่ Remnick ตีความว่าเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 คือประชามติว่าต้องการตัวแทนจากฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่จึงสมเหตุสมผลไม่น้อย เป็นการลงประชามติอีกรอบว่าสังคมอเมริกันในยามนี้ยังต้องการตัวแทนจากฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่

Remnick ไม่ใช่คนแรกที่บ่งชี้ความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐบาลทรัมป์ พฤศจิกายน 2022 สถาบันระหว่างประเทศเพื่อความช่วยเหลือด้านประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง (International Institute for Democracy and Electoral Assistance หรือ International IDEA) ในสวีเดน เผยแพร่งานวิจัยระบุว่า สหรัฐจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ประชาธิปไตยถดถอยพอสมควร (moderately backsliding) พร้อมกับขยายความว่าประชาธิปไตยสหรัฐถดถอยหนักในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ การเมืองแบ่งขั้ว สังคมแตกแยก เกิดกระแสไม่ยอมรับเสียงข้างมาก สิทธิเสรีภาพหดหาย สังคมเต็มไปด้วยข่าวปลอม การบิดเบือนข้อมูล เล่นงานศาล ผู้คนไม่พอใจสภาพความเป็นอยู่ ความไม่เท่าเทียม ชีวิตทรัพย์สินไม่ปลอดภัย มีการทุจริตคอร์รัปชัน ประชาชนเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง นโยบายประชานิยมกำลังทำลายประชาธิปไตย ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ทำลายสถาบันการเมือง ความเป็นประชาธิปไตยจึงถดถอย การปกครองด้วยระบอบนี้ต่อเนื่องยาวนานไม่เป็นเหตุยกระดับประชาธิปไตยให้สูงขึ้นแต่อย่างไร

ไบเดนเป็นตัวเลือกที่ดี?:

ถ้าคนอเมริกันเห็นว่าประชาธิปไตยสำคัญ เป็นคุณค่าที่ยึดถือ เชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยเป็น “เครื่องมือ” ที่ดีที่สุด ตอบสนองเสรีนิยมกับความเท่าเทียมทางโอกาส เป็นความมั่นคงแห่งชาติที่สั่นคลอนไม่ได้ รัฐบาลส่งเสริมเสรีประชาธิปไตยทั่วโลก หวังให้นานาชาติใช้ระบอบการปกครองนี้โจมตีหลายประเทศว่าเป็นอำนาจนิยม เป็นเผด็จการ ทำร้ายประชาชนตัวเอง เลือกตั้ง 2024 ควรเลือกไบเดนอีกสมัยเพื่อสกัดทรัมป์

แต่หลังการอภิปรายรอบแรกระหว่างไบเดนกับทรัมป์ ไบเดนแสดงอาการคนสูงวัยอายุขึ้นเลข 8 สังคมตั้งคำถามยังเหมาะกับตำแหน่งผู้นำประเทศหรือไม่

อันที่จริงแล้วสุขภาพไบเดนเป็นอย่างไรคนในพรรคกับคนวงในน่าจะรู้ดี บางคนขอให้ไบเดนถอนตัว แต่ท่ามกลางเสียงคัดค้านไบเดนยืนยันลงเลือกตั้ง ให้เหตุผลตนคือคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของทรัมป์ ตนเคยชนะมาแล้วและจะชนะอีกครั้ง สติสัมปชัญญะยังดีอยู่ สามารถดูแลโลกทั้งใบ

กลายเป็นว่าตอนนี้การหาเสียงสำคัญของไบเดนอยู่กับพรรคตัวเอง ต้องเอาชนะเสียงค้านในพรรคให้จงได้ หลายสื่อทั้งในและต่างประเทศสนใจทรัมป์ในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไป

ล่าสุดมีกระแสข่าวว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่คนในพรรคที่สนับสนุนไบเดนยังมีมากเช่นกัน ไม่ว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริสจะได้เป็นตัวแทนพรรคหรือไม่ การแข่งขันยังไม่จบ ไบเดนกับทรัมป์ยังต้องอภิปรายตัวต่อตัวอีก รอบหน้าไบเดนอาจชนะก็เป็นได้

ประชาธิปไตยในความหมาย:

ตำรารัฐศาสตร์ระบุว่าคนอเมริกันเชื่อว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็น “เครื่องมือ” ที่ดีที่สุด ตอบสนองเสรีนิยมกับความเท่าเทียมทางโอกาสที่พวกเขายึดถือ

แต่ความจริงแล้วระบอบประชาธิปไตยไม่จำต้องยึดแนวทางเสรีนิยมเสมอไป มีตัวอย่างให้เห็นทั่วโลก

เยอรมนีเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่น่าสนใจ ในการเลือกตั้งทั่วไปกันยายน 2021 พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (SPD) เป็นฝ่ายชนะ ได้คะแนนนำพรรค CDU/CSU ของอังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel)

เป็นการเปลี่ยนแนวทางรัฐบาลหลังแมร์เคิลบริหารประเทศถึง 16 ปี การที่พรรคของแมร์เคิลพ่ายแพ้ ไม่ใช่เพราะไม่พอใจการบริหารประเทศของนายกฯ แมร์เคิล แต่เมื่อคนเยอรมันเห็นว่าได้เวลาต้องเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่คนเดิมอีก จึงเป็นโอกาสที่พวกเขาได้คิดและเลือกคนใหม่ตามกติกาประชาธิปไตย

เป็นที่มาของรัฐบาลโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) รัฐบาลเยอรมันชุดปัจจุบันจึงมีพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายซ้าย

ตำรารัฐศาสตร์ยกย่องฝรั่งเศสเป็นต้นแบบประชาธิปไตยประเทศหนึ่ง ล่าสุดผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบสองฝ่ายซ้ายได้คะแนนสูงสุด ก่อนหน้านี้หลายคนคิดว่าฝ่ายขวาจัดของเลอเปนจะมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่เลือกตั้งรอบสองกลับหล่นไปอยู่อันดับที่ 3 สายกลางของมาครงแซงขึ้นมาเป็นอันดับ 2 (เลือกรอบแรกพรรคมาครงแพ้เลอเปน) คาดว่าฝ่ายซ้ายกับพวกสายกลางจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล

เป็นอีกครั้งที่พรรคสายสังคมนิยมประชาธิปไตยจะบริหารประเทศฝรั่งเศสอีกรอบ

รัฐบาลโอลาฟ โชลซ์ กับเลือกตั้งฝรั่งเศสเป็นสองตัวอย่างปัจจุบันที่ชี้ว่า ระบอบประชาธิปไตยไม่จำต้องยึดแนวนโยบายเสรีนิยมเสมอไป จะเป็นฝ่ายซ้ายหรืออำนาจนิยมฝ่ายขวา หรือเป็นพวกกรีนที่เน้นสิ่งแวดล้อมยั่งยืนก็ได้ ขึ้นกับว่าประชาชนต้องการอะไรมากกว่าและหมุนเวียนเปลี่ยนไป

ปลายปีนี้หากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย น่าติดตามว่าประชาธิปไตยอเมริกาจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้สำคัญเพราะจะมีผลต่อค่านิยม ความหมายของประชาธิปไตยในประเทศอื่นๆ ด้วย มีผลต่อนโยบายต่างประเทศสหรัฐที่จะกระทบทั่วโลก

ประชาธิปไตยคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและนำมาใช้ ความหมายประชาธิปไตยของแต่ละประเทศ แต่ละเวลาไม่จำต้องเหมือนกันเสมอไป นี่คือความเข้าใจสำคัญที่ประชาชนควรเข้าใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เส้นทางสายไหมตะวันออกแห่งศตวรรษที่21

BRI จะเป็นแค่การพัฒนาร่วมหรือเป็นยุทธศาสตร์ครองโลกของจีนเป็นที่ถกแถลงเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนานาชาติเฝ้าติดตาม จริงหรือเท็จกาลเวลาจะให้คำตอบ

ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู2024 (2)

เนทันยาฮูย้ำว่า อิสราเอลหวังอยู่ร่วมกับนานาชาติโดยสันติ แต่กระแสโลกต่อต้านอิสราเอลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของอิสราเอล นโยบายกับความจริงจึงย้อนแย้ง

เลือกตั้งสหรัฐ2024เลือกสังคมนิยมหรือฟาสซิสต์

ทรัมป์ชี้ว่าแฮร์ริสเป็นพวกสังคมนิยม ส่วนแฮร์ริสชี้ว่าทรัมป์เป็นเผด็จการ สหรัฐกำลังเข้าสู่การเลือกระหว่าง “สังคมนิยม” กับ “ฟาสซิสต์”

ทรัมป์คุกคามโลกเสรีประชาธิปไตย?

การที่ทรัมป์แสดงท่าทีเป็นมิตรต่อรัสเซีย จีน อาจไม่ปกป้องสมาชิกนาโต ชวนให้ตั้งคำถามว่าทรัมป์เป็นภัยคุกคามโลกเสรีประชาธิปไตยหรือไม่