อนุสติจากไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย!!!

อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โดยความเป็นไปของ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือจะเรียกว่า กฎวิทยาศาสตร์ ไปจนถึง กฎของพระผู้เป็นเจ้า ก็น่าจะได้ ที่ทำให้ เมล็ดข้าว ย่อมต้องเติบโต งอกงาม กลายมาเป็น ต้นข้าว หรือ เม็ดมะม่วง ย่อมต้องกลายมาเป็น ต้นมะม่วง ฯลฯ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แต่ในบางครั้ง-บางครา บางช่วงจังหวะบางวาระ-โอกาส หรือในบางพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดข้าว-เม็ดมะม่วง หรือเม็ดอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ท่านดันไม่คิดจะงอก ไม่คิดจะเติบโต เอาดื้อๆ!!!

ด้วยเหตุเพราะช่วงจังหวะ เวลา ด้วยเหตุเพราะฝน-ฟ้าท่านยังไม่เอื้ออำนวย หรือด้วยเหตุเพราะพื้นที่อันเป็นที่เกิด ที่เติบโต มันดันกลายเป็นพื้นหิน แข็งๆ หนาๆ เป็นกรวด เป็นทราย ไม่ได้เหมาะสม สอดคล้อง 

ที่จะให้เมล็ดข้าว เม็ดมะม่วง หรือเม็ดอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ เติบโต งอกงาม ขึ้นมาได้ง่ายๆ โอกาสที่จะได้เห็นต้นข้าว ต้นมะม่วง ชูช่อ ชูรวง ให้เป็นที่ประจักษ์ มันจึงไม่ได้เป็นไปตามกฎ ตามมาตรฐาน ของสิ่งซึ่งถูกสอดแทรก แฝงฝัง อยู่ภายในชิ้นส่วนแต่ละชิ้นส่วน ของแต่ละเมล็ด แต่ละเม็ด ได้เลยแม้แต่น้อย...

แต่นั่นก็ไม่น่าจะทำให้ ลักษณะพิเศษ หรือ ลักษณะเฉพาะ ภายในเมล็ดนั้นๆ เกิดอาการสิ้นสูญ หรือสูญสลายหายไปแต่อย่างใด น่าจะยังคงเก็บงำลักษณะพิเศษ หรือลักษณะเฉพาะต่างๆ ไว้ได้ครบหมด ภายในชิ้นส่วนแต่ละชิ้น ไม่ว่าที่พอมองเห็น หรือแม้มองไม่เห็นก็ตามที โดยจะเรียกขานด้วยถ้อยคำต่างๆ นานา เช่น จะเรียกว่าโครโมโซม ว่ายีน ว่าดีเอ็นเอ หรือว่าเซลล์โน่น เซลล์นี่ ฯลฯ ไม่งั้นก็อาจเรียกรวมๆ ว่า วิญญาณ ฯลฯ ก็ไม่น่าจะถึงกับผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันและกันซักเท่าไหร่...

ดังนั้น...ในเมื่อ ความเป็นไปของโลก มันเต็มไปด้วยความหมุนเวียน-เปลี่ยนแปลง ไม่ได้มีอะไรตั้งมั่น คงทน สถิต สถาพร ไปตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาลแต่อย่างใด ดังที่บรรดานักคิด-นักปราชญ์ยุคโบร่ำโบราณของอินตะระเดีย เขาถึงกับต้องจัดแบ่งช่วงจังหวะและโอกาส หรือห้วงเวลาต่างๆ ออกเป็นช่วงๆ-ยุคๆ เช่นช่วงที่เรียกๆ กันว่า สัตตยายุค ไตรดายุค ทวาบรยุค ไปจนถึง กลียุค โน่นเลย หรือช่วงที่สิ่งที่เรียกว่า ความดี ยังมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ไปทั้ง 3 ส่วน ก่อนจะลดหลั่นลงมาเหลืออยู่แค่ 2 ส่วน 1 ส่วน ไปจนกระทั่งไม่หลงเหลืออะไรเอาไว้เลย และโดยสภาพความเป็นไปเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้บางช่วง บางจังหวะ บางวาระ มันคงมีสภาพไม่ต่างไปจากพื้นหินแข็งๆ หรือพื้นที่เต็มไปด้วยกรวด เต็มไปด้วยทราย ชนิดไม่คิดจะเปิดช่อง เปิดจังหวะ เปิดโอกาส ให้เมล็ดข้าว เม็ดมะม่วง ท่านมีโอกาสงอกๆ-เงยๆ ไม่ว่าจะเต็มไปด้วยแรงปรารถนา-ความต้องการเพียงใดก็ตามที มีแต่ต้องยอมเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ลำบาก ยากเข็ญ ทรมาน-ทรกรรมกันไปตามมี-ตามเกิด...

แต่ในเมื่อ ทุกสรรพสิ่ง ในโลกใบนี้...หรือแม้แต่ในจักรวาลเอาเลยก็ว่าได้ ย่อมต้องเป็นไปตามกฎเหล็ก กฎธรรมชาติ กฎวิทยาศาสตร์ หรือกฎของพระผู้เป็นเจ้าอีกนั่นแหละ นั่นก็คือ...อะไรที่ เกิดได้ ย่อม ดับได้ ย่อมต้องหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปตามหลัก อนิจจัง ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง บรรดาพื้นหินแข็งๆ กรวดแข็งๆ ทรายร่วนๆ ทั้งหลาย ย่อมหนีไม่พ้นต้องผุๆ พังๆ ย่อมต้องกลายสภาพไปเป็น พื้นดิน อันอุดมสมบูรณ์ ขึ้นมาในวันหนึ่ง-วันใดจนได้ และโดยจังหวะ-โอกาส-หรือวาระเช่นนี้นี่เอง ที่ย่อมทำให้เมล็ดข้าว เม็ดมะม่วง หรือเมล็ดอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ย่อมมีขีดความสามารถที่จะงอกๆ-เงยๆ กลายเป็นต้นข้าว ต้นมะม่วง ออกผล ออกดอก ชูช่ออรชร ประชันขันแข่งกันแบบ ดอกไม้บานร้อยดอก ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของกรวด หิน ดิน ทราย ที่กลายสภาพไปเป็น เงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันทำให้ ความดี-ความงาม-และความจริง พอที่จะอุบัติขึ้นมาได้เป็นรอบๆ...

ด้วยเหตุนี้...บรรดาพวก ไดโนเสาร์ ทั้งหลาย ที่ยังคงรู้สึกภาคภูมิใจอยู่กับความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ความงามสง่าของตัวเอง ก็อย่าถึงกับต้องไปเพียรพยายาม กลายพันธุ์ หรือหันไป มิวเตชัน อะไรต่อมิอะไรภายในตัวตนของตน เพียงเพื่อที่จะหาทางงอกๆ-เงยๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ถึงจังหวะ วาระ หรือโอกาสใดๆ เลย จนอาจหนีไม่พ้นต้อง วิวัฒนาการ ไปเป็น เหี้ย เข้าในวันหนึ่ง-วันใดจนได้!!! มีแต่ต้องหันมาใช้ความอดทน อดกลั้น ความบากบั่น ความพยายาม ที่จะหาทางเก็บงำลักษณะเฉพาะ ลักษณะพิเศษ ให้ดำรง คงอยู่ โดยครบถ้วนสมบูรณ์เอาไว้ให้จงหนัก เพื่อที่เมื่อถึงช่วงจังหวะ วาระ และโอกาส ช่วงที่ เงื่อนไข-เหตุปัจจัย ต่างๆ มาถึง หรือ ถึงพร้อม ขึ้นมาเมื่อไหร่ ความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ความสง่างาม ตามคุณลักษณะของไดโนเสาร์แต่ละตัว แต่ละชนิด ย่อมต้องอุบัติขึ้นมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ หรือย่อมต้องเป็นไปตามกฎเหล็ก กฎธรรมชาติ กฎวิทยาศาสตร์ หรือ กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า นั่นก็คือ... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเป็นไป... นั่นแล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ

สว.เลือดสีกากี

ต้องยกให้เป็นช่วงเวลาของสภาสูง หลังจาก กกต.ประกาศรับรองการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 200 คน และรัฐสภาเปิดให้เข้ารายงานตัวเรียบร้อย โดยสัปดาห์นี้

'พระผู้เป็นเจ้า'กับ'กรรมดี-กรรมชั่ว'

ถ้าหากยังไม่ถึง จังหวะ และ โอกาส ที่เหมาะ-ที่ควร...ในอันที่จะทำให้ เพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป ความพยายามที่จะเคี่ยวเข็ญ-บังคับ-ขับไส

สีกากีไม่มีแผ่ว

วลี "สีกากีไม่มีแผ่ว" ดูจะไม่เกินจริงนัก ศึก "นายพล" ยังคงคุกรุ่นพร้อมจะลุกโชนตลอดเวลา "นายพัน-นายร้อย" ก็ไม่น้อยหน้า คำสั่งเด้งเข้ากรุแทบจะออกมาเป็นรายวัน