บันทึกหน้า 4

อยากจะขำให้ฟันโยก สำหรับ การข่าวแถลงของ “ชัย วัชรงค์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาอวย “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ว่า ได้รับการชื่นชมในความสำเร็จของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มเปราะบางทุกกลุ่ม โดยมีทั้งการแจกเงินอุดหนุนบุตร เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยผู้พิการ โดยรัฐบาลยังคงหลักเกณฑ์จ่ายเงินเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของเดือน เริ่มวันแรกพุธที่ 10 ก.ค.2567…๐

ไม่รู้ว่า “โทรโข่งชัย” มัวแต่เข้าร้านสะดวกซื้ออยู่จนเพลิน หรือไม่ได้ลืมตาดูโลก เพราะเงินช่วยเหลือทั้งหลายนั้นก็ไม่ได้คิดริเริ่มในสมัยของรัฐบาลนี้แต่ประการใด โดยหากไล่เรียงกันนั้น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็เกิดในปี 2535 ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในขณะที่ “เบี้ยผู้พิการ” นั้นก็เริ่มในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนเงินอุดหนุนบุตรนั้นก็เริ่มในปี 2558 ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จ้าพี่น้อง…๐

ที่สำคัญการมาตีกินเรื่องดังกล่าวก็เหมือนตบหน้ารัฐบาลด้วยกันเอง เพราะในตอนหาเสียงนั้น แต่ละพรรคการเมืองก็เคยเอ่ยอ้างเรื่องของ “เบี้ยผู้สูงอายุ-เบี้ยคนพิการ” ว่าจะมีการปรับขึ้น แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีการขยับแม้ซักกระผีก แล้ว “ชัย” ยังกล้าที่จะเอามาโอ่เป็นผลงานแห่งความสำเร็จ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเป็น “โฆษกสายแข็ง” ที่ไม่มีใครกล้าแตะกล้าปลด แม้จะมีรายชื่อว่าจะถูกเด้งเป็นคนแรกตั้งแต่การปรับ ครม.เศรษฐา 1 แล้ว เพราะเมื่อรู้ว่าใครส่งเข้าประกวดก็ต้องได้แต่ต้องทำใจกันเท่านั้น...๐

แล้วก็เหมือน “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” นั่นแล เพราะผลงานของพรรคเพื่อไทยที่นับวันจะสาละวันเตี้ยลงๆ ก็ดันมาเจอปัญหาไม่ซ้ำแต่ละวัน ล่าสุด “วัน อยู่บำรุง” เจ้าของสโลแกนใจถึงพึ่งได้ ก็ได้ประกาศไขก๊อกพ้นเก้าอี้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีผ่านเฟซบุ๊ก โดย “วัน” ก็ระบุว่า เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกอาการหลังจากมีภาพตัวเองไปโผล่ในบ้านของ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ทั้งที่พรรคสนับสนุน “ชาญ พวงเพ็ชร์” ชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นคู่แข่งของ “พล.ต.ท.คำรณวิทย์”...๐

งานนี้ต้องถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบของลูกผู้ชายตัวจริง เพราะจริงๆ แล้วหากอ่านและพิเคราะห์ตามเหตุผลของ “นายวัน” ที่ เขียนบนเฟซบุ๊ก ก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรผิดมารยาทหรือผิดกฎของพรรคแต่ประการใดเลย เพราะเป็นการแสดงความรัก ความผูกพันของครอบครัวอยู่บำรุงและธูปกระจ่างมากกว่า เลยทำให้ดอกเตอร์กฎหมาย ผู้อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็นอย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” สส.บัญชีรายชื่อ ที่บอกให้พรรคขับออก จะได้ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ โดยบอกว่า “ผมตกได้ แต่ผมต่ำไม่ได้”...๐

ทำให้ “สรวงศ์ เทียนทอง” สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ต้องออกมาแก้ต่างๆ ให้เจ้าของพรรคอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” ว่าไม่ได้บีบแต่ประการใด แค่ตำหนิไม่ได้รุนแรงเท่านั้น โดย “สรวงค์” ยังยกคำพูดของหัวหน้าพรรคว่า “พี่ก็ต้องหาทางออกให้อิ๊งค์ด้วย ไม่งั้นอิ๊งค์ก็ปกครองคนไม่ได้” พิโธ่! แบบนี้ไม่เรียกว่าบีบเหรอจ๊ะ แล้วที่ขำไม่ออกไปอีกคือ แม่บ้านพรรคเพื่อไทยยังบอกว่าต้องแยกส่วนกับกรณี “ดร.เหลิม” เรียกร้องให้ขับออกจากพรรค พร้อมยังบอกอีกว่า “แพทองธาร” จะหาโอกาสไปบ้านริมคลอง ไม่รู้ว่า “สรวงศ์” หลับหูหลับตาหรืออย่างไร เพราะเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ที่มีข่าว “เฉลิม” ขอตัดขาดกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็เคยได้ยินประโยคนี้มาจาก “แพทองธาร” แล้วรอบหนึ่ง แล้วรอบนี้ก็ยังฉายหนังม้วนเก่าอยู่ “พี่เหลิม” ไม่ใช่หัวหลักหัวตอนะพ่อคุณแม่คุณ...๐

เอ่ยถึงพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่พูดถึงร่างทรงอย่าง "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ เพราะในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประจำสัปดาห์ ก็ได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 40 คน ขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ "เศรษฐา" สิ้นสุดลงหรือไม่ จากปมเสนอชื่อ "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็​กำหนดนัดพิจารณาคดีต่อไปในวันที่ 24 ก.ค. ก็เป็นไปตามที่ "นครินทร์ เมฆไตรรัตน์" ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เคยบอกไว้นั่นแลว่า เรื่องใหญ่ดังกล่าวจบภายในเดือน ก.ย.นี้ เรียกว่ามีเวลาให้ "เสี่ยนิด" ใช้เวลาที่เหลือและงบประมาณของแผ่นดินในการทัวร์เมืองไทยและต่างประเทศให้ถ้วนทั่วนั่นเอง...๐.

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

พูดอย่างทำอย่าง! "นายกฯ อิ๊งค์" ปากบอกไม่รีบ แต่ทำไมต้องเร่ง "กาสิโน" แบบด่วนจี๋เข้าสภาล่ะ ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอังคาร ทางสภาสนองทันควันบรรจุวาระร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

บันทึกหน้า 4

ต้องขอต้อนรับ “เค พี ศรรมะ โอลี” นายกรัฐมนตรีเนปาล และภริยา ในโอกาสการเป็นแขกรัฐบาลเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 66 ปี นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต

บันทึกหน้า 4

เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาส่งผลถึงประเทศไทยอย่างรุนแรง ทำให้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่พังถล่มลงมา เป็นการประจานระบบราชการไทยและรัฐบาลอีกครั้ง สำหรับ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

” แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาส่งแรงสะเทือนถึงประเทศไทย ไม่เพียงทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตึก สตง.ถล่ม และต่อมายังมีตึกราชการต่างๆ เริ่มทรุดตัว

บันทึกหน้า 4

รายงานสถานการณ์จากศูนย์เอราวัณ กรณีเหตุแผ่นดินไหว ข้อมูล ณ เวลา 06.00 น. พบว่า ในขณะนี้พบผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 32 ราย เสียชีวิต 17 ราย และสูญหาย 83 ราย

บันทึกหน้า 4

หลังเปิดแผลรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ยุทธการจากนี้ต้อง “โรยเกลือ” เพื่อให้แผลแสบเจียนตาย เมื่อฝ่ายค้านมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองตรวจสอบ “นายกฯ อิ๊งค์” มีน้ำหนักและมัดแน่น ก็จงยื่นตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่มัวแต่คิดว่าเป็นเรื่องของ “นิติสงคราม” หากมัวแต่คิดแบบนั้นเท่ากับติดกับดักความคิดตัวเอง