ฮุน เซน มอบ ‘ความชอบธรรม’ ให้ มิน อ่อง หล่าย สำเร็จหรือ?

ผลการไปเยือนเมียนมาของนายกฯ ฮุน เซน แห่งกัมพูชา จะนำไปสู่ความคืบหน้าในการแก้วิกฤตของประเทศนั้นหรือไม่ยังต้องรอการพิสูจน์

ที่แน่ๆ คือ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย แห่งพม่า คงตัดสินแล้วว่านี่คือชัยชนะของตนที่ทำให้ประธานอาเซียนปีนี้บินมาหาถึงบ้าน...และยังออกแถลงการณ์ร่วมอย่างเข้าอกเข้าใจกันอย่างดียิ่ง

ทั้งๆ ที่ในถ้อยคำสวยหรูหลายประโยคนั้นมีเงื่อนไขซ่อนเอาไว้หลายประการ

ตอนหนึ่ง มิน อ่อง หล่าย ขอแสดงความยินดีกับ ฮุน เซน ที่ได้เป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียนปีนี้

และขอต้อนรับ “ปรัก สุคน” รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาที่ได้รับตำแหน่งเป็น “ทูตพิเศษของประธานอาเซียน”

มิน อ่อง หล่าย รับปากว่าจะ “สนับสนุน” ให้ ปรัก สุคน ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายผ่านฉันทามติ 5 ข้อของผู้นำอาเซียน “ตามบทบัญญัติของกฎบัตรอาเซียน (ที่มิน อ่อง หล่าย ไปร่วมประชุมด้วยเมื่อ 24 เมษายนปีที่แล้ว ที่จาการ์ตา แต่จนถึงวันนี้ยังไม่ได้ดำเนินการตามนั้นแม้แต่ข้อเดียว)

แต่ประโยคต่อมาของแถลงการณ์ มิน อ่อง หล่าย ก็ย้ำว่าการทำตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนนั้นจะต้อง “สอดคล้องกับ 5 ข้อของ Roadmap ของรัฐบาลทหารพม่า หรือ State Administration Council (SAC) ด้วย

เท่านั้นก็เห็นแล้วว่า มิน อ่อง หล่าย พร้อมจะ “เบี้ยว” ได้ตลอดเวลา

ด้านหนึ่งก็บอกว่าพร้อมจะอำนวยความสะดวกให้ทูตพิเศษอาเซียนเข้ามาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในพม่า

อีกด้านหนึ่งก็บอกว่าจะต้องคำนึงถึงสถานการณ์ในพม่าพร้อมกันไปด้วย

ด้านหนึ่งบอกว่าพร้อมจะให้เดินทางฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน

อีกด้านหนึ่งก็บอกว่า 5 ข้อของอาเซียนต้องตรงกับ 5 ข้อของรัฐบาลทหารพม่าด้วย

นั่นแปลว่าถ้าหากผู้นำทหารพม่าเห็นว่าสิ่งที่อาเซียนขอให้ทำไม่ตรงกับที่ผู้กุมอำนาจพม่าไม่ต้องการ ก็จะมีข้ออ้างที่จะไม่ทำตามที่ประชาคมโลกต้องการ

และตีความได้อีกว่าสิ่งที่ประชาชนชาวเมียนมาเรียกร้องต้องการก็ไม่มีความหมายอะไรเช่นกัน

มิน อ่อง หล่าย อ้างอีกตอนหนึ่งในคำแถลงการณ์ร่วมว่าพม่าได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของกัมพูชาว่ากระบวนการสันติภาพและสมานฉันท์แห่งชาติจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมด้วย

 “ดังนั้น พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย จึงให้ความมั่นใจที่จะอำนวยความสะดวกสำหรับการมาเยือนเมียนมาของทูตพิเศษจากกัมพูชาเพื่อพบปะกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงองค์กรติดชาติพันธุ์ติดอาวุธ (EOAs)

แต่ก็เสริมด้วยเงื่อนไขที่ว่า

 “...ทั้งนี้ ให้พิจารณาสถานการณ์ในเมียนมาขณะนั้นๆ ด้วย”

ความหมายก็คือว่า ในท้ายที่สุดผู้นำทหารพม่าจะเป็นคนกำหนดเองว่าปัจจัยที่จะให้ทูตพิเศษอาเซียนมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยในพม่านั้นพร้อมเมื่อไหร่

ไม่มีการระบุว่าจะให้ทูตพิเศษคนนี้พบกับ อองซาน ซูจี หรือผู้นำของฝ่าย “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” ที่เป็นรัฐบาลคู่ขนานกับรัฐบาลทหารหรือไม่อย่างไร

อีกทั้งไม่รู้ว่ากลุ่มชาติพันธุ์ใดเข้าข่าย “ผู้มีส่วนได้เสีย” อย่างไรหรือไม่

ภารกิจของ “ปรัก สุคน” รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาจึงหนักพอสมควร

เพราะสิ่งที่ต้องทำทันทีคือการทำความเข้าใจกับสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ทั้งหลายว่าแนวทางต่อไปนี้ควรจะเป็นเช่นไร

แม้ ฮุน เซน คิดว่าตัวเองคือประธานอาเซียนปีนี้ จึงมีอาณัติที่จะเดินเรื่องตามที่ตนเห็นสมควรในกรณีพม่า

แต่ถ้าหาก ฮุน เซน ไม่สามารถทำให้ มิน อ่อง หล่าย เปิดทางให้ทูตอาเซียนเข้าไปทำหน้าที่ในพม่าได้ในกรอบเวลาใกล้ๆ นี้ ก็จะเกิดคำถามว่า

ฮุน เซน ถูกมิน อ่อง หล่าย หลอกใช้เพื่อซื้อเวลาไปอีกหรือไม่

จะว่าไปแล้วประเทศอาเซียนที่มีความระแวงคลางแคลงผู้นำทหารพม่า เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซียและสิงคโปร์ ก็ยังไม่เชื่อว่า มิน อ่อง หล่าย จะทำอะไรตรงไปตรงมา

เพราะในแถลงการณ์ร่วมนั้นไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าอาเซียนจะเข้าไปทำหน้าที่ตามที่ตกลงในฉันทามติ 5 ข้อได้เมื่อไหร่ และมีกรอบการทำงานอย่างไร

อีกทั้งยังน่าสงสัยว่ากลุ่มต่างๆ ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ มิน อ่อง หล่าย นั้นมีความไว้วางใจ ฮุน เซน มากน้อยเพียงใด

ที่แน่ๆ คือกลุ่มที่คัดค้านรัฐประหารมาตลอดนั้นเชื่อว่าการที่ ฮุน เซน ตัดสินใจบินไปหา มิน อ่อง หล่าย โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรล่วงหน้าเลยนั้นเท่ากับเป็นสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีที่แล้วอย่างชัดเจน

นั่นคืออุปสรรคที่สำคัญที่สุดของการทำให้เกิดบรรยากาศแห่งการพูดจาระหว่างฝ่ายต่างๆ ในพม่า

อินโดฯ และมาเลเซียกับสิงคโปร์ที่เคยประกาศไม่ยอมให้ มิน อ่อง หล่าย มาร่วมประชุมกับผู้นำอาเซียนในปีที่ผ่านมาก็เป็นเพราะไม่ต้องการยื่น “ความชอบธรรม” ให้กับการโค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

แต่วันนี้ ฮุน เซน เล่นบทพระเอกมาอุ้ม มิน อ่อง หล่าย อย่างออกหน้าออกตาอย่างนี้ ผู้นำอาเซียนอื่นๆ คงต้องปิดประตูคุยกันแบบรัวๆ หลายๆ รอบ จึงจะเกิด “แนวทางร่วม” ของอาเซียนต่อพม่าแน่นอน

เป็นการทดสอบความยั่งยืนของ “วิถีแห่งอาเซียน” ครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ