ไม่มีแผ่วของแทร่! แวดวง "สีกากี" ข่าวปล่อย ข่าวเมาธ์ ถูกส่ง ถูกกระพือออกมาตลอด ขนาด บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ที่เกษียณอายุราชการปี 2569 หรืออีก 2 ปีโน้น รวมทั้งลำดับอาวุโสระนาบ "รอง ผบ.ตร." อยู่คิวต้นๆ มีลุ้นนั่งเก้าอี้ "ผบ.ตร." ต่อจาก บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ตามอายุราชการเกษียณวันที่ 30 ก.ย. 2567 ยังโดนปล่อยข่าวจะถอดเครื่องแบบ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ไปสวมเครื่องแบบข้าราชการกระทรวงมหาดไทย นั่งเก้าอี้ "ปลัดกระทรวงมหาดไทย" จน "บิ๊กต่าย" ต้องออกมาดับกระแสลือยืนยัน "รักในอาชีพ(ตำรวจ)นี้" พร้อมทั้งบอกจะขอเป็นตำรวจจนเกษียณอายุราชการ และตอบขาเมาธ์ที่เห็นภาพ นายกฯ เศรษฐา ตบไหล่ทักทายในวันที่ นายกฯ มาเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ว่าเป็นการทักทายตามปกติไม่มีอะไร "ผมก็เพิ่งพ้นจากหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร. และในช่วง 3 เดือนก็ได้ทำงานร่วมกับนายกฯ อย่างใกล้ชิด และเป็นวันแรกที่นายกฯ เข้ามาหลังจากที่ผมพ้นหน้าที่รักษาการ ก็คงเป็นการทักทายตามปกติ"...ว่าซั่น
นี่ก็ทำเอาแวดวง "นักเสี่ยงโชค" ตาลุุกวาว ผลการประชุม ก.ตร. ที่ นายกฯ เศรษฐา มานั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. โดยวาระที่ทั้งแวดวงสีกากี และชาวบ้านทั่วไปอยู่ในวาระที่ 4 คำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่ง บิ๊กโจ๊ก ได้ยื่น ก.ตร.พิจารณายกเลิกคำสั่ง โดยแนบบันทึกความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อนุ ก.ตร.ด้านวินัย ที่มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร.เป็นประธาน มีความเห็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย ได้นำเข้าที่ประชุม ก.ตร.ชุดใหญ่ สุดท้าย "ก.ตร." มีมติเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เสียง คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย ทำให้หลายคนนึกถึงวันที่ เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงเรื่องคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น อาจารย์วิษณุ บอกคณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0 เห็นว่าการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์และหน้าที่ นั่นแสดงว่า เลข 12 ต่อ 0 น่าจะมาแรงกว่าเลข 10 ต่อ 0 ตอนนี้สิ้นเดือนพอดี...เจอกัน (ฮา) ๐
ควันหลงจากเมื่อวันที่ ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. เพื่อให้กำชับเร่งรัดการสอบสวนคดีความ ที่ก่อนหน้านี้ตนได้ไปยื่นที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน เนื่องจากพบว่ามีข้อมูลหลักฐาน การรับเงินจากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และครอบครัวนั้น ปรากฏว่า ทนายตั้ม ได้นำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดในที่จอดรถประจำตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ของ บิ๊กโจ๊ก จนนักข่าวต้องถามเหตุใดจึงนำรถส่วนตัวไปจอดในรถของผู้บังคับบัญชา ทนายตั้มเลยบอก "เห็นว่าที่จอดรถว่างอยู่จึงนำรถตัวเองเข้าไปจอดเฉยๆ เพราะใน ตร.หาที่จอดรถยากจะตาย" ก็เลยเล่นเอานักข่าวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะตามปกติแล้ว "สันติบาล" ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจสันติบาล 3 จะเข้มงวดในเรื่องที่จอดรถมาก โดยเฉพาะคนนอก หากมาจอดในที่ผู้บังคับบัญชาหรือที่ต้องห้าม ก็จะนำอุปกรณ์มาล็อกล้อทันที แต่ครั้งนี้กลับนิ่งเฉย ปล่อยให้คนนอกมาจอดรถในที่จอดรถผู้บังคับบัญชาระดับสูง ด้วยเหตุผลช่องว่างไม่มีรถจอดอยู่ แบบนี้คราวหน้าหากรถคนนอกคันอื่นมาจอดในช่องจอดของผู้บังคับบัญชาที่ว่างบ้าง พล.ต.ต.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผบก.ส.3 คงไม่ให้ลูกน้องมาล็อกล้อใช่ป่าวน้อ ๐
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ถูกนักข่าวถามว่า ชอบเครื่องบินรบแบบไหนระหว่าง เอฟ-16 หรือกริพเพน คำตอบที่ได้คือ “ผมไม่ได้หมกหมุ่นเรื่องนี้" ถ้าภาษาทางโทรทัศน์เวลาเขียนสคริปต์ก็เรียกว่า ตัด...จบ ไม่ต้องปิดท้ายเรื่องให้เยิ่นเย้อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการ “ซื้ออาวุธ” ในระดับเครื่องบินรบและเรือดำน้ำมีหลายมิติซ้อนอยู่ และต้องเกี่ยวพันกับรัฐบาลแน่นอน ไม่ใช่แค่เรื่องการถ่วงดุลกำลังทหารในภูมิภาค และไม่ได้เป็นแค่เรื่อง “ซื้อของ-ขายของ” ถลุงงบประมาณกันตามวงรอบเท่านั้น แต่เป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์ที่มีเรื่อง “ชาติมหาอำนาจ" เข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งเป็นโครงการเรือดำน้ำ-เครื่องบินรบหลัก ความยากลำบากในการจะได้สิ่งที่ดีที่สุด และสังคมต้องยอมรับนั้นต้องผ่านหลายด่าน ที่สำคัญยังต้องเจอแรงเสียดทานจากรอบด้านอีกหลายยก ๐
ความตั้งใจของ "บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรือดำน้ำให้จบในยุคของตัวเอง ซึ่งนั่นก็คือวันที่ 30 ก.ย.นี้ คงเป็นลักษณะที่ต้องลุ้นอยู่พอสมควร เพราะหลังจากกระทรวงกลาโหมส่งแนวทางการเจรจาแก้ไขสัญญาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ หลังจากที่เจรจากับ SEMITEC หน่วยงานกลางด้านอาวุธของจีนเรียบร้อยไปเดือนกว่าแล้ว แต่นายกฯ ยังขอดูเรื่องข้อกฎหมายเพื่อให้เกิดความรอบคอบอีกชั้น จึงไม่มีความแน่นอนเรื่องกรอบเวลาในการเดินหน้าโครงการต่อว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และน่าจะเข้าสู่ยุคของ ผบ.ทร.คนใหม่ที่น่าจะเป็นผู้รับเรื่องจากรัฐบาลไปลงนามแก้ไขสัญญา
ขณะที่โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ที่นายกฯ ยังพิจารณาอยู่นั้น สองชาติผู้ผลิตเสนอกองทัพอากาศไทยต่างเร่งสปีดสุดตัว เพราะต้องลุ้นว่างบฯ ในส่วนนี้จะผ่านชั้นกรรมาธิการหรือไม่ ทำให้ "ท่านทูตโรเบิร์ต โกเดค” เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ต้องส่งหนังสือจากทางการสหรัฐฯ ในการยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมไปที่นายกฯ ซึ่งแยกคนละส่วนกับที่ ทอ.ไทยเจรจากับบริษัทผู้ผลิต ขณะนี้รอเอกสารข้อเสนอเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้คณะกรรมการรวบรวมข้อมูลที่มี พล.อ.อ.เสกสรร คันธา เสนาธิการทหารอากาศ เป็นประธาน เพื่อให้คะแนนเครื่องบินทั้งสองแบบ คือ GripenE กับ F-16 block70 จากนั้น พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะให้คณะกรรมการคัดเลือกแบบ ที่มี พล.อ.ท.วชิรพล เมืองน้อย เจ้ากรมยุทธการทหารอากาศเป็นประธาน เคาะเลือกแบบในขั้นตอนสุดท้าย แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องลุ้นงบฯ ในชั้นกรรมาธิการว่าจะผ่านฉลุย ถูกตัด หรือถูกตีตกในที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร
จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี
ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย