กระตุ้นเศรษฐกิจใคร?

ประเด็นเรื่อง นายกฯสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย แก้กฎหมายเพื่อให้คนต่างชาติเช่าที่ดินได้ 99 ปี และซื้อคอนโดได้ในสัดส่วนจาก 49 % เป็น 75 %   แต่สงวนสิทธิ์ให้ต่างด้าวลงมติต่างๆในคอนโดไม่เกิน 49 %  กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนอีกหรือไม่ และ อาจทำให้ ครม.นี้พ้นไปหรือไม่ 

แม้ผู้เกี่ยวข้องจะพยายามบอกว่าเป็นการประตุ้นเศรษฐกิจ  โดย  “เศรษฐา ทวีสิน”  นายกฯ  บอกว่า ไม่ใช่ขายที่ดิน จึงไม่ได้เป็นการขายชาติ  ส่วนเรื่องถูกมองว่าเอื้อนายทุนหรือไม่ นายกฯ บอกว่า ไม่ได้กระทบอะไร เพราะเรื่องที่เราจะเช่าระยะยาวก็มีอยู่แล้ว 

สำหรับคนที่ชี้ประเด็นได้ตรงเป้าที่สุดว่าจะกระทบต่อ ครม.ยังไง  ต้องยกให้   “สมชาย แสวงการ” วุฒิสภา  โพสต์เฟสฯเมื่อวันที่  25 มิ.ย. 67  ยืนยันข้อเท็จจริง และ ข้อกฎหมายประกอบในเรื่องเกี่ยวกับการขัดกันแห่งประโยชน์ ว่า มติครม ในมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แก้กฎหมาย 2 ฉบับ พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ 

ขยายเช่าเป็น 99 ปีจาก 30 ปี และเพิ่มโควตาต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียม 75%  เป็นนโยบายที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน เอื้อนายทุนอสังหาริมทรัพย์ที่  กลุ่มแสนสิริของครอบครัวนายเศรษฐา   กลุ่มเอสซีแอสเซท ของเครือ ชินวัตรและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบครัวรัฐมนตรี ส.ส บางคนถือหุ้นอยู่ 

ดังนั้น มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงน่าจะเข้าข่ายการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญหลายมาตราอาทิ มาตรา 185  186 และอาจผิดตาม  พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญป้องกันและปราบปรามการทุจริตด้วยในหลายมาตราด้วยเช่นกัน

หากมีผู้ยื่นต่อป.ป.ช ดำเนินคดี และป.ป.ช. ชี้มูลว่ามีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ปปช.ต้องดำเนินการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองต่อไป

 แต่ความผิดเรื่องนี้ สส. สว. สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ให้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา170 ด้วยเช่นกัน

และช่างบังเอิญในช่วงนี้ มีข่าวผู้บริหารของของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวนมาก  มูลค่าหลายหมื่นล้านบาทภายในปี 2567  เรื่องดังกล่าวจึงถูกจับมาโยงว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ 

สื่อฯ และ สว.สมชาย.ชี้เป้าขนาดนี้ ไม่ทราบ “พรรคก้าวไกล” หายไปไหน หรือวุ่นวายแต่เรื่องยุบพรรคหรือสำลักดีลอยู่.

ช่างสงสัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยึดคำสอนพี่ตุ๋ย

เข้ามาเสริมทัพแกร่งทีมโฆษกรัฐบาลแล้วร่วม 3 สัปดาห์ สำหรับ “ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์” หรือ “รองฯจิ๊บ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากค่ายรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หญิงเดียวของทีมโฆษกรัฐบาล

อายุไม่ถึงไปนิดเดียว

ต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ.ทั่วประเทศ หลายสนามสู้กันดุเดือด มีการเมืองระดับชาติเข้าไปผสมโรง

“ผ้าไทยใส่ให้สนุก”

เมื่อเร็วๆนี้ “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) ถือโอกาสพานายกฯอิ๊งค์“ “แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชมนิทรรศการและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ที่ทำเนียบรัฐบาล

หลอกแล้ว หลอกอีก หลอนต่อ

ควันหลงเวที “ทักษิณ ชินวัตร” เทวดาชั้น14 เดินทางไปจังหวัดอุดรธานี ที่บอกว่าไปช่วย “ศราวุธ เพชรพนมพร”ผู้สมัครนายกอบจ.อุดรฯ ของพรรค หาเสียงดูเหมือนเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง

“ต๋อม เวอร์ชันดุ”

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานีของเหล่าผู้ช่วยหาเสียง ดุเดือด แบบที่ไม่มีใครยอมใคร ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน และเมื่อวันที่ 16-17 พ.ย.ที่ผ่านมา พรรคประชาชน นำโดย “ชัยธวัช ตุลาธน” ผู้ช่วยหาเสียง ได้เดินหน้าจัดเต็มขึ้นเวทีปราศรัยกันอย่างดุเดือด

โชว์ลีลารำวง

เมื่อสวมหมวกหลายใบ ภารกิจของ “สส.มุ่ง” อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็จะเยอะหน่อย ไม่ว่าจะในฐานะสส. ที่ขาดไม่ได้ต้องร่วมทุกกิจกรรมในพื้นที่ ทั้งงานกฐิน