ตลาดหุ้นเป็นดัชนีตัวหนึ่งที่สะท้อนความมั่นใจของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจ
สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี SET ร่วมลงมาต่ำกว่า 1,300 จุด, ต่ำสุดใน 4 ปี
เหตุผลคืออะไร? รัฐบาลบอกว่าเป็นเรื่องระยะสั้นเพราะมีคดีการเมือง 4 ประเด็นซึ่งเมื่อคลี่คลายแล้ว ทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม
จริงหรือ? ในเมื่อตั้งแต่นายกฯเศรษฐา ทวีสินเข้ามารับตำแหน่งนั้นดัชนี SET ได้ร่วมมาแล้วประมาณ 300 จุด
นั่นแปลว่าความไม่มั่นใจของนักลงทุนตลาดหุ้นเกิดมาเป็นเวลากว่า 10 เดือนแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด
เหตุเพราะขาดความมั่นใจและชัดเจนของมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
และความอึมครึมของการบริหารประเทศที่มีประเด็นเรื่อง “อำนาจเชิงซ้อน” ที่สร้างความสับสนมาตลอด
คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้บอกว่าไม่ต้องห่วง อีกหน่อยก็จะมีมาตรการแก้ปัญหาหุ้นตก
โดยบอกนักข่าวว่า “แน่นอนครับ รับรองได้ครับ ขอเวลาอีกนิด ซึ่งเรื่องตลาดหุ้นผมคิดว่าจะมีมาตรการหลาย ๆ อย่างออกมา ไล่ ๆ กัน
นักข่าวถามว่าจะมีมาตรการอะไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า
“โอ๊ย เยอะแยะเลย เช่น เรื่อง LTF ง่าย ๆ เลย คงมี ใช้ชื่อเดิม แต่ไม่ใช่ LTF เป็นการ revise ใหม่ เปลี่ยน structure ใหม่ ส่วนวัตถุประสงค์ถ้าเราอยากให้เขา saving หรือเปล่า ถ้าเป็น saving ก็ต้องยาวนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ยาวมาก”
คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง บอกว่าสภาวะตลาดหุ้นตกลงเกิดจากปัจจัยระยะสั้น ไม่กระทบต่อพื้นฐานของตลาด สถานการณ์การเมืองมีแนวโน้มผ่อนคลายไปทีละเรื่อง
“เรื่องของท่านอดีตนายกฯ (ทักษิณ ชินวัตร) ก็จบแล้ว มันก็เดินหน้าของมันไป เราก็รอดู มันก็จะค่อย ๆ เคลียร์ทีละเรื่อง และผมก็เชื่อว่า ปัจจัยของความลังเล ความไม่เชื่อมั่นในระยะสั้นก็จะผ่านพ้น และกลับมาอยู่ในระดับปกติ” คุณจุลพันธ์กล่าว
แต่หากถามคนที่เกาะติดตลาดหุ้นมาตลอดอย่างคุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ในฐานะ CEO ของ TISCO และอดีตประธานสภาตลาดธุรกิจตลาดทุนไทย ก็จะได้คำอธิบายในฐานะมืออาชีพที่ชัดเจน
คุณไพบูลย์เขียนใน Facebook ว่าปี 2566 SET Index ติดลบ 15% อยู่อันดับเกือบท้ายสุดของโลก
ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI All Country World Index) พุ่งขึ้น 20%
ปี 2567 ผ่านไป 5 เดือนกว่า SET Index ติดลบไปแล้ว 8% ในขณะที่ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นอีก 10%
ถ้านับจากต้นปี 2566 จนถึงวันนี้ SET Index ปรับลดลงไปราว 370 จุด อยู่อันดับท้ายสุดของโลก และให้ผลตอบแทนแย่กว่า (Underperformed) ตลาดหุ้นโลกกว่า 50%
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย?
วิเคราะห์แบบคนที่เรียนเศรษฐศาสตร์และใช้ชีวิตทำมทาหากินอยู่กับแวดวงการเงินการคลังมายาวนานอย่างคุณไพบูลย์ก็จะบอกได้ว่า
ปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้นไทยคือความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทย ที่ขยายตัวต่ำกว่า 2% ติดต่อกันสี่ไตรมาส
และผลประกอบการที่แย่ของบริษัทจดทะเบียนไทย ที่กำไรสุทธิลดลง 11% ในปีที่ผ่านมา และขยายตัวไม่ถึง 2% ในไตรมาสแรกของปีนี้
คุณไพบูลย์บอกว่าการเมืองคืออีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านสถานะของนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพและสุญญากาศทางการเมือง
ความพยายามในการสร้าง Trust and Confidence ในตลาดทุน ก็ยังทำได้ไม่มีประสิทธิภาพพอ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ Program Trading และ Short-Sell ทั้งที่ความเข้มงวดในการกำกับดูแลสองเรื่องนี้ของไทย เทียบเท่ามาตรฐานโลก และหลายมาตรการที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ เข้มงวดกว่าหลายตลาดหุ้นพัฒนาแล้วด้วยซ้ำ
ปัญหาทั้งหมดนี้สะท้อนในดัชนี SET Index ที่ตกต่ำที่สุดในรอบกว่า 4 ปี และมูลค่าตลาดหายไปมากกว่า 4 ล้านล้านบาท จากระดับสูงสุด
ในระยะสั้น ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสรีบาวน์ เพราะทั้งเศรษฐกิจไทยและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น
อีกตอนหนึ่ง คุณไพบูลย์บอกว่า
SET Index จะฟื้นได้แรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน
อย่างแรกสุด รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปีตลอดอายุรัฐบาล โดยอาจเริ่มต้นด้วยการปรับปรุงนโยบายเศรษฐกิจให้ตอบโจทย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวและเป็นที่ยอมรับ รวมถึงอัพเดทความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้นักลงทุนสามารถติดตามและประเมินผลงานได้อย่างใกล้ชิด
และต้องเร่งกู้ Trust and Confidence ให้กลับคืนมาโดยเร็ว
ผ่านการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อกังวลต่างๆ ของนักลงทุน รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว
นอกจากนั้น รัฐบาลต้องไม่รีรอที่จะเพิ่มกำลังซื้อในตลาดหุ้นไทย ผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกองทุน LTF แบบเดิม หรือปรับรูปแบบกองทุน TESG ให้มีวงเงินสูงขึ้นและระยะเวลาลงทุนสั้นลง เพื่อสร้าง Impact ต่อตลาดหุ้นให้ได้มากและเร็วที่สุด
ปัจจัยการเมืองยังยากที่จะคาดการณ์ แต่เชื่อว่านักลงทุนจะกล้ามองข้ามความเสี่ยงด้านการเมือง ถ้าปัจจัยด้านอื่นเป็นไปตามที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น
แน่นอน ปัญหาระยะยาวของตลาดหุ้นไทยยังมีอีกมากที่ต้องได้รับการแก้ไข แต่โจทย์เร่งด่วนสำหรับรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในเวลานี้คือ กู้วิกฤติศรัทธาในตลาดหุ้นไทยให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด
ดังนั้น หากรัฐบาลจะแก้ไขปัญหา “ความไม่มั่นใจ” ก็ต้องลงมือทำอะไรเป็นรูปธรรมอย่างที่ผู้รู้ในวงการแนะนำ
ชัดเจนว่าที่ประกาศออกมาถึงวันนี้ยังไม่สามารถเรียกความมั่นใจได้เพียงพอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว