บันทึกหน้า 4

อื้ออึงทางแวดวงการเมือง เมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย (มท.1) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นพลเรือนและนักการเมืองใน ครม.คนเดียว หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ทุติยจุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และ เหรียญรัตนาภรณ์ ชั้นที่ 3

ทันทีที่ อนุทิน ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ได้โพสต์ทันทีว่า “อยู่ใต้ร่มพระบารมีสองแผ่นดิน ชั่วชีวินขอเป็นข้าฟ้าจักรี” 

​คอการเมืองมองสัญญาณแรงมากที่ “อนุทิน” อาจขึ้นมาเป็นตัวเลือกเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์การเมืองของ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไม่สู้ดี เพราะกำลังถูกตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญว่าผิดรัฐธรรมนูญในเรื่องจริยธรรมหรือไม่ เมื่อแต่งตั้งคนที่มีตำหนิอย่าง พิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในสภาวะของสองแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย 2คน ไม่มีความพร้อมใช่หรือไม่ อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และ "ชัยเกษม นิติสิริ” ที่มีปัญหาในเรื่องสุขภาพ 

ขณะที่ตัวเลือกอื่นๆ ก็ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาเสริม และนับวันใกล้จะหมดอายุ หากเทียบกับ “อนุทิน” ที่ประกาศจุดยืนเพื่อชาติ ศาสน์ และ กษัตริย์ รวมถึงอุดมการณ์ของพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมจะปกป้องมาตรา 112 ด้วยชีวิต

ส่วน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะไปถึงจุดสูงสุดทางการเมืองหรือไม่ จึงต้องติดตาม เพราะยังมีปัจจัยการเมืองหลายด้าน โดยเฉพาะจำนวนเสียงของพรรคที่มีเพียง 71 เสียง จาก 314 เสียง จะแบกรัฐบาลได้หรือไม่  

ถึงแม้จะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ที่แน่ๆ “อนุทิน” และ “พรรคภูมิใจไทย” วันนี้มีพาวเวอร์ทางการเมืองมากกว่าที่ผ่านมาหรือไม่

ส่งผลทำให้เก้าอี้ มท. 1 รวมถึงรัฐมนตรีในโควตาพรรคสีน้ำเงินเหนียวแน่นขึ้น ไม่ถูกยึด หรือถูกเขี่ยออก, นโยบายกัญชาหลังถูกจ้องหักดิบกลับไปเป็นยาเสพติด สุดท้ายจะต้องยอมหาทางลงล้มเลิกหรือไม่  

รวมถึงพรรคสีน้ำเงินจะต้องอยู่เพื่อปกป้องสถาบันและคานอำนาจทางการเมืองทั้งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยต่อไป และพรรคภูมิใจไทยจะไม่ถูกยุบตามกระแสปั่นอยู่ในเวลานี้   

เก็บตกคนดังร่วง ไม่ผ่านการคัดเลือก สว.ระดับจังหวัดหลายคน หนึ่งในนั้นคือ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เจ้าตัวออกมาโพสต์ถอดบทเรียนถึงจุดอ่อนของระบบเลือก สว.แบบนี้ ที่น่าสนใจ 1.การแบ่งกลุ่มอาชีพเป็น 20 กลุ่ม ไม่ได้เป็นไปตามสัดส่วนประชากรแต่ละกลุ่มในสังคมอย่างแท้จริง

​2.การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครในแต่ละกลุ่มอาชีพเป็นไปอย่างหละหลวม 3.การให้เลือกเป็น 3 ระดับ อำเภอ จังหวัด ประเทศ เกิดความเหลื่อมล้ำในจังหวัดที่มีอำเภอมากกับอำเภอน้อย 4.การเปิดช่องทางให้ผู้สมัครรู้จักกันทำได้จำกัดและในเวลาที่สั้นมาก

​5.จำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนในรอบเลือกไขว้ เป็นจำนวนที่น้อย คือ 20 คน ในขณะที่กลุ่มผู้ถูกเลือกคือ 5 คน ทำให้มีคะแนนที่ได้ใกล้กันมาก ทุกคะแนนมีความหมาย และหลายที่ต้องจับสลาก 6.ไม่มีการเปิดโอกาสให้แนะนำตัวในขั้นรอบไขว้ เนื่องจากไม่มีหนังสือสั่งการให้มีขั้นตอนอย่างเป็นทางการ

7.การออกแบบของ กกต. ให้ตั้งหีบแบ่งตามกลุ่มในขั้นเลือกไขว้ ทำให้ตรวจสอบว่าใครลงคะแนน หรือไม่ลงคะแนนให้ใครสามารถทำได้ไม่ยาก 8.ปัจจัยความสำเร็จของผู้ได้คะแนนผ่านการคัดเลือกไม่ได้อยู่ที่ประวัติ 5 บรรทัด เอกสารแนะนำตัวที่ส่งถึงผู้สมัคร การตั้งกลุ่มไลน์ทั่วไปเพื่อแนะนำตัว การประชุม zoom เพื่อแนะนำตัวอย่างเท่าเทียม หรือประสบการณ์ความรู้ความสามารถ

​9.ปัจจัยความสำเร็จอยู่ที่การวางแผนที่ดี ตั้งแต่การเลือกกลุ่มอาชีพ เลือกอำเภอที่สมัคร การสร้าง voters การสร้างเครือข่าย การติดต่อเฉพาะตัว การลงทุนและการเสียสละของ voters 10.ถามว่า เป็นการออกแบบการเลือก สว.ที่ดีไหม คำตอบคือ ไม่ดีอย่างยิ่ง แต่ถ้าถามว่า ผลการเลือก สว.ระดับจังหวัดเป็นผลที่ดีไหม 

คำตอบคือ รับได้ มีสัดส่วนของภาคประชาชนปะปนไปกับนักการเมืองและบ้านใหญ่ประมาณครึ่งต่อครึ่ง และดีกว่าการแต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจอย่างแน่นอน ต้องรอดูฤทธิ์เดชของการออกระบบในระดับประเทศต่อไป.

 

ช่างสงสัย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

บันทึกจันทร์สุดท้ายของปี 2568 อีกไม่กี่เพลาก็จะขึ้นศักราชใหม่ 2569 ...ประเทศไทยจะก้าวไปทางไหน?!?.. ก็ขอบันทึกสะกิดเตือน @ บรรทัดนี้เลยว่า ใจเย็นๆ ค่อยๆ พินิจพิจารณา ประมวลข้อมูล ทบทวน ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่า เลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ เราอยากได้ใครมาเป็น "ผู้นำ" พาชาติบ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่เหมาะที่ควร!!

บันทึกหน้า 4

จาก "หนู" หนึ่งเดียว กลายเป็นสอง ก่อนหน้านี้ถามกันทุกวันถึง 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย ในงานแถลงนโยบาย "พูดแล้วทำพลัส" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชัดเจนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" ฉายเดี่ยว โฆษกพรรคย้ำแล้วย้ำอีก

เข้าใจคนชายแดน

ถ้าเอ่ยชื่อ กวาง–ไตรศุลี ไตรสรณกุล นาทีนี้ หลายคนคงนึกถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหญิงของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานเงียบ สุขุม แต่เดินเกมเร็ว ไม่หวือหวา ทว่าจับงานอยู่หมัด

บันทึกหน้า 4

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ

บันทึกหน้า 4

การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี

บันทึกหน้า 4

บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”