อะไรจะเป็นสาเหตุสำคัญ ที่จีนตัดสินใจบุกยึดไต้หวัน?

การคาดการณ์ว่าจีนจะบุกไต้หวันหรือไม่...และจะบุกเมื่อไหร่เป็นหัวข้อของการถกแถลงที่ร้อนแรงที่สุดเรื่องหนึ่ง

โดยเฉพาะในหมู่นักวิเคราะห์ด้านยุทธศาสตร์ระดับสากล

เพราะทั้งฝ่ายจีนและตะวันตกต่างก็ต้องประเมินสถานการณ์เพื่อการเตรียมพร้อมของฝ่ายตน

และเพื่อวัดกำลังของอีกฝ่ายหนึ่ง

ทั้งสองฝ่ายคงต้องการจะสร้างอำนาจต่อรองเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องทำสงคราม

แต่ในท้ายที่สุดปัจจัยสำคัญว่าจีนจะบุกไต้หวันหรือไม่ หรือไต้หวันจะยั่วยุถึงจุดไหนจึงจะทำให้ปักกิ่ง             

ตัดสินใจว่า “ข้ามเส้นแดง” แล้วคงจะอยู่ที่หลายปัจจัยที่เกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างไต้หวันกับปักกิ่งเป็นสำคัญ

จะว่าไปแล้ว สถานการณ์ที่จีนอาจยกพลขึ้นบกเพื่อยึดไต้หวันอาจมีความซับซ้อนและได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ

รวมถึงการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ และ “พลวัตระหว่างประเทศ”

ผมรวบรวมแนวทางวิเคราะห์ของนักยุทธศาสตร์ที่เกาะติดสถานการณ์ที่น่าสนใจดังนี้:

  1. ความไม่มั่นคงทางการเมืองในไต้หวัน

ฉากทัศน์ที่ว่านี้คือไต้หวันประสบกับความไม่มั่นคงทางการเมืองอย่างมาก เช่น วิกฤตการปกครองหรือความไม่สงบทางสังคมครั้งใหญ่

รัฐบาลไต้หวันที่อ่อนแอลงอาจเปิดโอกาสให้จีนเข้าแทรกแซงภายใต้ข้ออ้างในการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยหรือปกป้องผลประโยชน์ของตน จีนอาจอ้างความจำเป็นในการปกป้องสิทธิของพลเมืองจีนหรือการลงทุนของจีนในไต้หวัน

  1. คำประกาศอิสรภาพของไต้หวัน

สมมุติว่าไต้หวันประกาศเอกราชจากจีนอย่างเป็นทางการ

นั่นแปลว่าไต้หวันตัดสินใจ “ข้ามเส้นสีแดง” ของปักกิ่ง จีนกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าการเคลื่อนไหวใด ๆ ไปสู่เอกราชอย่างเป็นทางการของไต้หวันจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางทหาร การประกาศเอกราชอาจก่อให้เกิดการรุกรานทันทีในขณะที่จีนพยายามยืนยันการอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวัน

  1. หรือสหรัฐฯลดความมุ่งมั่นที่จะปกป้องไต้หวัน

นั่นจะมากจากสัญญาณใด ๆ ว่าสหรัฐอเมริกาแสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องไต้หวันลดลงอย่างมาก

หากจีนรับรู้ว่าสหรัฐฯ ไม่เต็มใจหรือไม่สามารถปกป้องไต้หวันได้ ปักกิ่งอาจมองว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ การขาดการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากสหรัฐฯ อาจทำให้จีนมีกำลังใจที่จะใช้กำลังทหารโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีการแทรกแซงจากอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญ

  1. ความเหนือกว่าทางยุทธศาสตร์ทางทหาร

จีนมีความเหนือกว่าทางการทหารอย่างชัดเจนในภูมิภาค

หากจีนเชื่อว่าตนได้เปรียบทางทหารเหนือไต้หวันและมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปิดปฏิบัติการใหญ่ จีนอาจเลือกที่จะรุกรานโดยเชื่อว่าต้นทุนและความเสี่ยงของความขัดแย้งสามารถจัดการได้ สถานการณ์นี้จะโยงกับการจีนที่มีการพัฒนาขีดความสามารถทางเรือ ขีปนาวุธ และไซเบอร์อย่างมีนัยสำคัญ

  1. ความกดดันภายในประเทศจีน

ในฉากทัศน์นี้ มีสมมติฐานว่ารัฐบาลจีนเผชิญกับแรงกดดันภายในที่สำคัญ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจหรือความไม่สงบในสังคม

ผู้นำจีนอาจใช้ความขัดแย้งภายนอกเพื่อหันเหความสนใจจากปัญหาภายในประเทศและรวบรวมการสนับสนุนชาตินิยม

การบุกรุกไต้หวันอาจถูกมองว่าเป็นวิธีหนึ่งในการรวมประเทศและปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นพวกของพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อ “ปกปักรักษาเอกราชของชาติ”

  1. การประเมินสถานการณ์ผิดหรือความตึงเครียดถูกยกระดับโดยอุบัติเหตุ

มีตัวอย่างในประวัติษสตร์ว่าการคำนวณผิดหรือการเพิ่มระดับทางทหารโดยไม่ตั้งใจนำไปสู่ความขัดแย้งเต็มรูปแบบได้

เหตุการณ์ต่างๆ เช่น การฝึกซ้อมทางทหารเกิดข้อผิดพลาด การปะทะกันโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างกองกำลังจีนและไต้หวัน

หรือท่าทีที่ก้าวร้าวที่บานปลายจนควบคุมไม่ได้

การยกระดับความตึงเครียดโดยไม่ได้ตั้งใจอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่จีนรู้สึกว่าถูกบังคับให้ปฏิบัติตามด้วยการรุกรานเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ

  1. ในกรณีหนึ่งคือหากจีนถูกโดดเดี่ยวทางการทูตในการเมืองระหว่างประเทศ

เช่นจีนอาจเผชิญกับการแยกตัวหรือการคว่ำบาตรทางการทูตระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

หากจีนพบว่าตนเองโดดเดี่ยวมากขึ้นในเวทีโลก และมองเห็นช่องทางการรวมชาติอย่างสันติเป็นไปไม่ได้ จีนอาจหันไปใช้วิธีทางทหารเพื่อยืนยันการควบคุมไต้หวัน

สถานการณ์นี้สันนิษฐานว่าจีนประเมินว่าจะเกิดความสูญเสียเพียงเล็กน้อยและได้ประโยชน์มากมายจากการใช้หนทางด้านการทหารแทนวิถีทางการทูต

ภาพทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของปัญหาจีนกับไต้หวัน

และไม่ว่าจะด้วยฉากทัศน์ใดฉากหนึ่งก็อาจจะทำให้เกิดแรงกระตุ้นที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการรุกรานไต้หวันโดยจีน

แม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาคและระดับโลก แต่ก็ยังคงเป็นปัญหาที่ซับซ้อนอย่างลึกซึ้ง

ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากตัวแปรที่คาดเดาไม่ได้มากมาย

ประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ยังคงติดตามและเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉินต่างๆ เพื่อยับยั้งผลลัพธ์เช่นว่านี้

และเป็นฉากทัศน์ที่ฝ่ายความมั่นคง, การทูตและการเมืองของไทยเราจะต้องศึกษาและนำมาออกแบบยุทธศาสตร์ที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยยืนอยู่ในจุดที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในกรณีที่เกิด “เหตุอันคาดไม่ถึง” ที่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ใด ๆ จากภาพที่เห็นอยู่วันนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ

แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ

เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง

พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์

ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด

เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!

อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว

อองซาน ซูจี: เสียงกังวล จากลูกชายในวันเกิดที่ 79

วันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมาคือวันเกิดที่ 79 ของอองซาน ซูจี...ในวันที่เธอยังถูกคุมขังเป็นปีที่ 4 หลังรัฐประหารโดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021