'ดี-ชั่ว' เลือกเอง

ประเดิมกันด้วยเรื่องดีๆ เรื่องที่ต้องแสดงความยินดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2,309 นาย ภายหลังสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศเรื่องพระราชทานยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร ความว่า...มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศตำรวจชั้นสัญญาบัตรให้แก่ ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่มีความรู้ความสามารถ มีความประพฤติดี และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยอุตสาหะตลอดมาจำนวน 2,309 นาย อาทิ ว่าที่พันตํารวจโท อํานาจ จุริตทะโย เป็นพันตํารวจโท ว่าที่ร้อยตํารวจเอก ภูวิศ ปัดสุวรรณ์ เป็นร้อยตํารวจเอก ว่าที่ร้อยตํารวจเอก สมชาติ มรรคโช เป็นร้อยตํารวจเอก ว่าที่ร้อยตํารวจเอก อัครพล ศิวิไล เป็นร้อยตํารวจเอก ว่าที่ร้อยตํารวจโท ธนวัฒน์ สังข์ทอง เป็นร้อยตํารวจโท ว่าที่ร้อยตํารวจเอก นภวัตน์ วงษ์วาน เป็นร้อยตํารวจเอก ว่าที่พันตํารวจโท กมลศักดิ์ นาคเสน เป็นพันตํารวจโท และ ว่าที่พันตํารวจโท กฤตญุตม์ นุ่นชูคัน เป็นพันตํารวจโท เป็นต้น โดยมีผลย้อนหลังกันไปตามแต่ละคน

ทำดีก็ต้องชื่นชม ทำไม่ดี ทำผิด ทำชั่ว ก็ต้องรับผลของการกระทำ สำนักนายกรัฐมนตรีมีประกาศเรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์  ความว่า...ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่อดีตข้าราชการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 6  ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา เนื่องจากได้กระทำความผิดในขณะรับราชการและถูกลงโทษทางวินัยและอาญา ตามข้อ 6 ข้อ 7 (2) และ (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 ได้แก่ 1.นายปพนเดช นวลสี  ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ผู้บังคับหมู่ (งานคดี) (สอบสวน) สน.บางมด 2.นายศิริมงคล กองสุข ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ผู้บังคับหมู่ (งานจราจร) สน.ธรรมศาลา 3.นายสุพจน์ บุญทิพย์ ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ผู้บังคับหมู่ (งานป้องกันปราบปราม) สน.บุคคโล 4.นายปริญญา จิตหาญ ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ผู้บังคับหมู่ (งานสืบสวน) สน.บวรมงคล 5.นายสมคิด กลิ่นบุญแก้ว ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ ผู้บังคับหมู่ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน 6.นายเอกอนันต์ พันธุวัฒนา ขณะดำรงชั้นยศดาบตำรวจ  ผู้บังคับหมู่ (ฝ่ายอำนวยการ 7) บช.ก. ๐

นี่ก็งามไส้จริงๆ เรือบรรทุกน้ำมันของกลาง 3 ลำ บรรจุน้ำมันเถื่อนรวมกว่า 3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี หลังถูกส่งให้ตำรวจน้ำสัตหีบเป็นหน่วยเก็บรักษาของกลาง จน บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เซ็นคำสั่งให้ตำรวจ บก.รน.จำนวน 5 นาย ย้ายมาช่วยราชการปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.บช.ก. ประกอบด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน., พ.ต.ท.อาจินต์  วังวรรธนะ รอง ผกก.5 บก.รน., พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน  สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน., ส.ต.อ.ธรรมรัตน์ เล็กมนตรา  ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. และ ส.ต.ท.อภิชาติ จันทร์หนู ผบ.หมู่ ส.รน.3 กก.5 บก.รน. และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดย บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กำชับหากมีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องกรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนหาย ต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา รวมทั้งเร่งติดตามเรือของกลางที่หายไปกลับคืนมาให้เร็วที่สุด ๐

ในเรื่อง “เรือน้ำมันหาย” แม้จะเป็นเรื่องของตำรวจน้ำรับผิดชอบ แต่ในฐานะ “พี่ใหญ่” แห่งท้องทะเล มีเครื่องมือและสรรพกำลังในการติดตาม ตรวจสอบ เรือต้องสงสัยอยู่แล้ว   ทำให้มีการสอบถาม พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (รอง ผอ.ศรชล.) การสนับสนุนติดตามหาเรือของกลาง 3 ลำดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่ของ ศร.ชล.ภาค1 ซึ่งมีทัพเรือภาค 1 รับผิดชอบ ทำให้ “บิ๊กดุง” สั่งการให้หน่วยในพื้นที่สัตหีบทำทุกทางเพื่อหาให้เจอ ทั้งส่งเรือออกลาดตระเวน และส่งสายข่าวหาข้อมูล จากเส้นทางที่มีการรายงานในเบื้องต้น ว่ามีการหันหัวเรือไปยังเกาะช้าง-เกาะกูด จ.ตราด เพื่อแล่นออกน่านน้ำอาณาเขต เข้าสู่ประเทศกัมพูชา ในการประสานงานระดับประเทศก็ยังเป็นหน้าที่ของฝ่ายตำรวจต่อไป

ทางด้านกองทัพบกก็ “งานงอก” กรณีผู้ฝึกทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ สังกัดกองพันทหารเสนารักษ์ที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 ตั้งเรื่องเป็นเอกสารรายการตัดเงิน “ทหารเกณฑ์” มี “ค่าดูดส้วม” จำนวน 500 บาทรวมอยู่ด้วย ทำให้ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2  สั่งย้ายผู้บังคับกองพันของกองพันส่งกำลังและบริการที่ 22 ไปช่วยราชการที่ กองทัพภาคที่ 2 และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ผ่านไปแค่วันเดียวก็มีโพยหักเงินค่าใช้จ่ายทหารเกณฑ์กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ออกมา ทำให้ พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 สั่งการให้ตรวจสอบ และพบว่าหลายรายการมีการยกเลิกระเบียบการจัดเก็บไปเมื่อปี 2565 เหตุการณ์จึงน่าจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ไม่สามารถคลำหาต้นทางได้ อย่างไรก็ตามมีการวิเคราะห์อาจเป็น “การผสมโรง” ยำใหญ่ “กองทัพ” และ “กระทรวงกลาโหม” ที่กำลังประชาสัมพันธ์ สร้างภาพลักษณ์ผลงานเรื่องการสมัครใจเกณฑ์ทหารเกินจริง แต่กระนั้นการแฉให้เห็นว่า “เนื้อใน” ในนโยบายที่มีการตีปี๊บนั้น ยังไม่ได้มีการปรับตัวและแก้ไขจริง เหมือนเปิดโปงความจริงให้สังคมได้รับรู้ แต่งานเข้ารัวๆ แม่ทัพภาคทั้งสองคน จาก ตท.26 ก็มีการนำไปผูกกับเรื่อง “โผทหาร” อยู่เหมือนกัน เพราะเพื่อนร่วมรุ่นกำลังตกเป็นเป้าแคนดิเดต ผบ.ทบ. จนทำให้คนเมาธ์กันให้แซ่ดและนำมาผูกโยงกัน ๐

ส่วนเรื่องดีๆ ก็มีให้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย  พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ชื่มชม จ่าสิบตรี ปริญญา จงสงวนกลาง และ พลทหาร เทวราช สิงห์ทอง เข้าเวรที่ป้อมตลาดหนองไผ่ล้อม หลังเก็บกระเป๋ามีทรัพย์สินคืนนางพวงแก้ว ศรีนวกุล อายุ 61 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย ขณะที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศชื่นชม น.อ.วรพล อรุณฉาย ผู้อำนวยการศูนย์บริการกำลังพลแบบเบ็ดเสร็จ กรมกำลังพลทหารอากาศ ที่ได้ช่วยเหลือประชาชนที่นอนหมดสติอยู่ในรถยนต์ เป็นชายอายุ 72 ปี บริเวณช่องทางด่วนขาเข้าถนนวิภาวดีรังสิต (หน้าโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี) โดยทำการทุบกระจกรถยนต์เพื่อนำตัวผู้หมดสติออกมา และทำ CPR เพื่อช่วยชีวิตเบื้องต้น จากนั้นจึงนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อทำการรักษาต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง

ปรับฮวงจุ้ยหรือ?

ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ

อนุสติจากไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย!!!

อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โดยความเป็นไปของ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือจะเรียกว่า กฎวิทยาศาสตร์ ไปจนถึง กฎของพระผู้เป็นเจ้า