บันทึกหน้า 4

เรียกว่าทำให้ “คอการเมือง” และ “คอเกรียนคีย์บอร์ด” หัวทิ่มหัวตำกันเลยทีเดียว เพราะเดิมต่างก็คาดการณ์สถานการณ์ไปต่างๆ นานา ใน การประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันพุธจะออกมาอย่างไรบ้างในคดีสำคัญๆ โดยเฉพาะการยุบพรรคก้าวไกลในคดีล้มล้างการปกครอง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังยืดลมหายใจไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลภายในวันที่ 17 มิ.ย. และจะพิจารณาต่อไปใน วันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งก็ยังมิได้หมายความว่าพุธหน้าจะเกิดปรากฏการณ์วินิจฉัยตัดสินแต่ประการใด ...๐

เช่นเดียวกับกรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40 คน ยื่นคำร้องฟัน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีในปมทูลเกล้าฯ ถวายชื่อ “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ทั้งๆ

ที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่า “ทนายถุงขนม” ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยให้ทั้ง “เศรษฐา-40 สว.” ยื่นบัญชีระบุหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 17 มิ.ย.และจะนัดพิจารณาในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ...๐

ไม่เหมือนกรณี “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 36, 40, 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า ในวันที่ 18 มิ.ย.ได้ กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันดังกล่าว เรียกว่าในการเลือกระดับอำเภอในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และระดับจังหวัดที่จะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ อาจเกิดอาการโมฆียะหรือได้เดินหน้าต่อไปในการเลือกระดับประเทศ ก็ได้เห็นกันชัดเจน ...๐

งานนี้เรียกว่าต่อลมหายใจให้กับพรรคก้าวไกลไปอีกระลอก จึงไม่แปลกที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกลรีบออกมาตีปี๊บทันควันให้เปิดไต่สวน แหม! เรียกว่าจะยื้อจนนาทีสุดท้าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยื้อมาหนักหนาในเรื่องการขอต่อเวลาแล้วเวลาเล่าในการยื่นเอกสารชี้แจง ซึ่งหากมองกันอย่างใจร่มๆ และเป็นกลางแล้ว แทบไม่จำเป็นต้องเปิดไต่สวนแต่ประการใดเลย เพราะ มันเป็นผลพวงความต่อเนื่องมาจากคดีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า การกระทำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และพรรคก้าวไกล ในการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่งยุติการกระทำ ...๐

ที่น่าคิดเข้าไปอีกเมื่อ “เทพมนตรี ลิมปพยอม” นักวิชาการประวัติศาสตร์โพสต์เฟซบุ๊กว่า หากจะแก้ไขมาตรา 112 แล้ว ต้องแก้ไขมาตรา 133 ด้วย เพราะมันล้อกัน โดยมาตรา 133 ระบุว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายราชาธิบดี ราชินี ราชสามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เรียกว่าเป็นประเด็นใหม่ที่น่าสนใจและไม่เห็นมีใครพูดถึงเลย ...๐

หันมาดูด้านปากท้องกันบ้าง เพราะล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี โดยมี 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี เรียกว่าแบงก์ชาติภายใต้บังเหียนของ “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าฯ ธปท. ยังคงหนักแน่นและยึดมั่นในหลักการ ในขณะที่ “เศรษฐา” ซึ่งเคยพร่ำบ่นเรื่องดอกเบี้ยมาตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งขุนคลังควบนายกฯ ดูเหมือนเสียงเริ่มจะเบาบางลงบ้างแล้ว ...๐

ขนาดเรื่องประธานบอร์ดแบงก์ชาติที่จะมาแทนที่ “ปรเมธี วิมลศิริ” ที่ใกล้จะหมดวาระลง “เสี่ยนิด” ยังบอกว่าต้องไปถาม “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.การคลังตอบแทน แต่ที่แน่ๆ “เศรษฐา” บอกว่าตัดชื่อ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ออกไปได้เลย เพราะถ้าจะมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องออกจากเก้าอี้มาแล้ว 1 ปี แหม! ทีแบบนี้ดันแม่นเหลือเกินในเรื่องคุณสมบัติ แต่ที เก้าอี้รัฐมนตรีที่ต้องทูลเกล้าฯ ถวาย กลับปล่อยปละละเลยจนทำให้เกิดปัญหาบานปลาย...๐

ที่สำคัญสังคมเขางงเป็นไก่ตาแตกในเรื่องประชุม ครม.เศรษฐกิจที่เข้าสัปดาห์ที่สอง เพราะต่างบอกว่าเปลืองไฟเปลืองงบประมาณกันเปล่าๆปลี้ๆ เนื่องจากไม่มีประโยชน์โภคผลต่อประชาชนคนไทยแต่ประการใด เรียกว่าเป็น “งานรูทีน” ที่ต้องทำกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่อง “ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้” ให้กับประชาชีนั้นไม่มีแต่ประการใด ก็ขนาดหุ้นตกทำประวัติศาสตร์ผู้นำยังบอกว่าเรื่องปกติ จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ “ไข่เศรษฐา” ทำสถิติแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่ร่วมราคาน้ำมันเบนซินที่จะ 2 ลิตรร้อยแล้วแต่ต่างเงียบฉี่กันทั้งบาง...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ดูเหมือนช่วงนี้ “พรรคเพื่อไทย” ของตระกูลชินวัตรจะเกิดอาการ “ราหูอม” อย่างไรอย่างนั้น เพราะ ตั้งแต่ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางกลับไทยแบบเท่ โดยเป็นวีวีไอพีประเทศที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวแล้ว

บันทึกหน้า 4

ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ส่อวุ่นอีก แม้ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะการเลือกตั้ง แต่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี 2555 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้ว

บันทึกหน้า 4

“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อย่างไม่เป็นทางการ) ปรากฏว่า นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายก อบจ. หมายเลข 1 ได้คะแนนทั้งสิ้น 203,010 คะแนน

บันทึกหน้า 4

บันทึกกันในวันแรกของครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความคาดหวังว่า บรรยากาศบ้านเมืองว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจจะเขยิบดีขึ้น โดยเฉพาะดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ที่โงนเงนง่อกแง่กซะเงาะซะแงะมาตั้งแต่ต้นปี จะโงหัวขึ้นอย่างสม่ำเสมอ

บันทึกหน้า 4

ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางกบาล "นายใหญ่" อุตส่าห์ภูมิใจนำเสนอน้องเขยวางตัวประมุขสภาสูง นึกว่าเป็นเทวดาเสกได้สารพัดอย่างเหมือนคราวดันก้น "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ต้องน้ำตาตกร่วงตกเก้าอี้ชนิดล็อกถล่ม ได้แค่ 10 คะแนน

บันทึกหน้า 4

เรียกว่าสายตาทางการเมืองใน วันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 ต่างจับจ้องไปที่เวที “อิมแพ็ค ฟอรัม เมืองทองธานี” เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ โดยมีผู้ที่ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับจังหวัด จากทั้ง 77 จังหวัดใน 20 กลุ่มอาชีพ รวม 2,995 คน