ทักษิณ "คนฆ่าตัวเอง"

ตามสไตล์ "คนมีบารมีเหนือ ๓ สถาบันอำนาจ" ประเทศ  แต่สู้ตามนิยาม "เก่งแต่ปากส่วนขี้เต็มกางเกง" ยังไง ก็ยังงั้น!

เมื่อวันเสาร์ ไปเป็นประธานฉลองบวชลูกพรรคเพื่อไทย ที่ปทุมธานี นักข่าวถาม "๑๘ มิ.ย.จะไปศาลตามอัยการนัดมั้ย?"

ตอบซะหมาหอนเกรียวทั้งอำเภอ

"แน่น้อนนน ส่วนจะต่อสู้คดีอย่างไรนั้น ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยคดีนี้ และคดีนี้จะเป็นตัวอย่างให้คนเห็นว่า ตอนปฏิวัติยัดข้อหาอย่างไร

คดีนี้ เป็นคดีที่ไม่มีมูลเลยแม้แต่นิดเดียว ก็พยายามที่จะนำไปตีความเพื่อให้มันมีมูล

เมื่อคนหนึ่งสั่งฟ้อง คนอื่นก็ไม่กล้าที่จะสั่งไม่ฟ้อง เลยสั่งฟ้อง ซึ่งไม่ใช่หลักกฎหมาย จริงๆ แล้ว ไม่มีอะไร"

แรงไม่ตกดีจริงๆ

"กังวลเรื่องประกันตัวมั้ย?" นักข่าวขยิกถาม

ก็ตอบด้วยความเร็วเหนือแสงทันที

 “โอ๊ยไม่มีอะไรหรอก คดีแทบจะไม่มีมูลแบบนี้ เขาเรียกว่าเป็นผลไม้ของต้นไม้ที่เป็นพิษ คือการทำคดีแต่ละข้อกล่าวหาตั้งแต่ต้น ที่มีการข่มขู่ ตั้งแต่ในชั้นพนักงานสอบสวน โดยผู้บังคับบัญชา คดีไม่ควรเป็นคดี"

"ต้นไม้พิษ" กับ "ขี้โกงสารพัดพิษ" นี่ ออกลูกมาเป็นคอกหรือเป็นดอก ผมก็ไม่แน่ใจ

แต่น่าจะเป็นต้นไม้ประจำตระกูลนะ เพราะเห็นพูดถึงประจำและบ่อยมาก

แน่น้อนนนเสียงสูงแบบนี้ ทำให้นึกถึงยิ่งลักษณ์ตอนตอบนักข่าวว่าไม่หนีขึ้นมาฉับพลัน

"ดิชั้นเองไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ แม้ดิชั้นเป็นผู้หญิง แต่ดิชั้นก็กล้าเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ ค่ะ"

สบัดไมค์เสร็จ ก็เบะปาก ก่อนสะบัดหน้าซ่อนแสยะ..เริ่ดค่ะแม่คู้ณณณณ แม่ทูนหัวของบ่าว!

พี่ก็ไม่หนี น้องก็ไม่หนี

แต่ "เผ่นแน่บ" ทั้งคู่!

วานซืนพี่ยืนยัน "ไม่หนี" อีกแล้ว

แต่ถามคำ ตามพจนานุกรมตระกูลแม้ว "ไม่หนี" แปลว่า "ช่องหมาลอด" อย่างนั้นใช่หรือเปล่า?

ปากเก่งอยู่แหม็บๆ เมื่อวาน (๑๐ มิ.ย.) ข่าวจากสำนักงานอัยการมีว่า

"ทีมทนายทักษิณ ได้ร้องขอความเป็นธรรมถึงอัยการสูงสุด เรื่องการพิจารณาสั่งฟ้องนายทักษิณ ตามมาตรา ๑๑๒             สรุปใจความตามหนังสือที่ยื่น ว่า

"คณะกรรมการสอบสวนขณะนั้น ถูกข่มขู่จากรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนขาดความเป็นอิสระในการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี

ทำให้นายทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาสั่งคดีจากอัยการสูงสุด

จึงขอให้อัยการสูงสุด (อสส.) ทบทวนการสั่งฟ้องนายทักษิณ ตามมาตรา ๑๑๒ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ใหม่อีกครั้ง เพื่อความยุติธรรมด้วย"

ต้องให้มันได้ยังงี้ซีน่า ไม่งั้นเสียชื่อ "นักโทษเทวดา" หมด!

สมแล้วที่เขาร่ำลือ เป็น "เจ้าสำนักผีโม่แป้ง"

ตอน อสส.นัดฟังคำสั่ง ทำหนังสือ "ขอความเป็นธรรม" ยืดเวลาคดีออกไป นั่นนับเป็นเรื่องปกติ

ยืดแล้ว อสส.นัดฟังคำสั่งอีกที ก็อ้างป่วย เลื่อนไป ก็ยังปกติ นัดฟังใหม่

คราวนี้ อัยการอ่านคำสั่งเลยว่า "สั่งฟ้อง" พร้อมนัดวันนำตัวไปส่งฟ้องศาล

พอใกล้วัน ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ อสส. "ทบทวนการสั่งฟ้อง" อีกแล้ว

ตรงนี้ ถือว่า อปกติ!

อ้างหน้าตาเฉยว่า พนักงานสอบสวนตอนนั้น ถูกรัฐบาล คสช.ข่มขู่ จนขาดอิสระรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี

ทักษิณอ้าง เขาถูกรัฐบาล คสช. "ยัดข้อหา" พูดกันชัดๆ!

ชาวบ้านฟังแล้ว "มึนตึ้บ

ตกลงอัยการจะดำรงมาตรฐานในการสั่งคดี ๑๘ มิ.ย.นี้ นำตัวทักษิณไปส่งฟ้องศาลตาม "คำสั่งฟ้อง" เดิม ที่สั่งไปแล้ว

หรือจะสร้าง "มาตรฐานใหม่"

ด้วยการยอมทบทวน "คำสั่งฟ้อง" ตามที่นักโทษเทวดายื่นคำร้อง แล้วเลื่อนนำตัวทักษิณส่งฟ้องศาลออกไปก่อน?

มันก็มีเรื่องให้ลุ้นกันเป็นรายวันได้ดีจริงๆ

ใครว่างัยไม่รู้นะ

แต่ผม "ฟันธง" เลยว่า "อสส.ไม่ทบทวน" ให้เป็นไปตามคำสั่งเดิม คือ ๑๘ มิ.ย. ทักษิณต้องไปพบอัยการ เพื่อให้อัยการนำตัวไปส่งฟ้องศาล

หลักฐานใหม่ "คสช.ยัดข้อหา-ข่มขู่พนักงานสอบสวน" ถ้ามี

ก็เอาไปสู้กันในศาลโน่น ไม่ใช่อ้างลมเพ-ลมพัดหวังยืดคดีในชั้่นอัยการแบบนี้

ขืนยอมตาม "กระบวนการยุติธรรม" จะวิบัติหมด!

ส่วนทักษิณจะไปพบอัยการตามนัดวันที่ ๑๘ มิ.ย.หรือไม่ ถึงตอนนี้ ไม่ต้อง "วัดใจอัยการ" กันหรอก

โน่น...ต้องไป "วัดใจทักษิณ" ว่าแน่จริง หรือแน่แต่ปาก?

ก็บอกแล้ว ว่าเดือนมิถุนา.คาบกรกฎา. จะมีเรื่องสนุกให้ลุ้นกัน

เรื่อง "เศรษฐา" จะอยู่หรือไปน่ะ เขา "มองข้ามช็อต" กันไปตั้งนานแล้วล่ะ...ลุง!

คือมัน "ไม่มีราคา" อะไรเลย ในตลาดเครดิตผู้นำรัฐบาล                   ในตลาด "ตุ๊กตาเสียกระบาล" ล่ะก็พอมี

ก็นักโทษยืนค้ำกระบาลเป็น "นายกฯ ตัวจริง" ซะขนาดนั้น                 หุ่นเชิดจะมีน้ำยาอะไร

ดูซี..."ตลาดหุ้น-ตลาดทุน" พุ่งหัวดิ่งเหว วันแล้ว-วันเล่าจนไม่เห็นอนาคต มันก็บอกชัดอยู่แล้ว

รัฐบาลเศรษฐาในแอ่งตีนทักษิณ นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ "หมดความเชื่อมั่น" ในศักยภาพประเทศ

บินไปผลาญเงินเกือบทั่้วโลก

โม้แหลก นักลงทุนประเทศนั้น-ประเทศนี้สนใจมาลงทุน

แล้วดูซี บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ๆ ของโลก เดี๋ยวบริษัทนั้น ย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม ไปอินโดฯ เดี๋ยวไปมาเลย์

ตอนนี้ ทั้งกูเกิล ทั้งไมโครซอฟต์ ทุ่มงบร่วมแสนล้าน เขี่ยไทยทิ้ง ไปตั้งฐานผลิตอยู่มาเลย์เพื่อนบ้านเรา 

เมื่อวาน ผู้ผลิต "เซมิคอนดักเตอร์" รายใหญ่ของโลกไต้หวัน-เนเธอร์แลนด์ "ร่วมทุน"

ประกาศ ย้ายฐานการผลิตไปสิงคโปร์!

ที่เข้ามาลงทุนในไทยก็มี กลุ่มทุนจีนเทาร่วมทุนกับกลุ่มอำนาจกากีเทา ตั้งเครือข่าย "คอลเซ็นเตอร์" และเว็บพนันออนไลน์ พ่วงบัญชีม้านั่นไง

๑๐ เดือนเศรษฐา เฟอะฟะ-ไร้ฝั่ง จนตอนนี้เห็นหมายืนขี้กลางถนน ก็แทบจะทึกทักเป็น "ซอฟต์พาวเวอร์" ไปด้วยซ้ำ!

"นายกฯ ตัวจริง" นั่นเหมือนกัน

ตอน อสส. "สั่งฟ้อง" ก็สงบเสงี่ยมไปพัก ยังนึกภาวนา ถ้ารู้จัก "เจียมตัว-เจียมตน" แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ขอให้ตลอด-รอดฝั่ง

ดีได้พักเดียว ก็ดีแตก

คน "ดีแตก" เนี่ย ไม่ตาย ก็คางเหลือง เที่ยวให้สัมภาษณ์เลเพลาดพาดไปถึงบ้านป่ารอยต่อ เชื่อมโยงไปถึง ๔๐ สว.ที่ร้องศาลรัฐธรรมนูญเรื่องเศรษฐา กระทบชิ่งไปถึง ๒ ป.โน่น

มันเท่ากับแก้ผ้าให้โลกเห็น........

ว่าทักษิณไม่เคยรู้สึกตัวเองว่า "ได้ทำผิด" อะไรไว้บ้าง มีแต่โทษคนอื่นว่ากลั่นแกล้ง-ใส่ร้ายเขาตะพึด

โทษกระบวนการยุติธรรม โทษ คสช. โทษพลเอกประวิตร พลเอกประยุทธ์ โทษสื่อ

ส่วนนายพาพายา ป๊อก..ป๊อก ป.นั้น ไม่ต้องพูดถึง!

เมื่อดีแตก ก็กร่าง พล่าน ทำตัวเป็นพระยาเหยียบเมือง คับพอง เดินสายแสดงอำนาจ-บารมีไปทั่ว ด้วยย่ามใจ

ขนาดขึ้นเวทีฉลองงานบวชลูกพรรคเขาเมื่อวันเสาร์ จับไมค์ได้เท่านั้นแหละ ปลุกระดมทันที

"ผมกลับมาแล้ว....
พี่น้องชาวเสื้อแดงก็ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันนะ วันนี้ ผมซาบซึ้ง ที่เห็นพี่น้องเสื้อแดงยังแข็งแรง โดยเฉพาะพี่น้องเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานี

บางคนมากอดผม และร้องไห้ นึกไม่ถึงว่าผมจะกลับมา ผมก็ยอมรับว่า นึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าผมเองจะได้กลับมา"

อดีต ๑๘ ปี "แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา" จะวนลูปสู่บรรยากาศ "เผาบ้าน-เผาเมือง" กันอีกครั้งแล้วหรือ?

ประโยคที่ทักษิณโฟนอินจากนอกประเทศมาถึงเสื้อแดง เมื่อปี ๕๓ ยังก้องอยู่ในหูไม่หาย

"ให้พี่น้องต่างจังหวัดไปที่ศาลากลาง ผมอยากฝากบอกคนเสื้อแดงทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่งว่า

ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นรุนแรงกับพี่น้องคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ พี่น้องเสื้อแดงต่างจังหวัดไปที่ศาลากลางให้เต็มที่”

จะเอากันอย่างนี้ในเดือน-สองเดือนนี้ ทักษิณออกเดินนำหน้าเลย

หรือจะ "หนีก่อน" แล้วค่อยโฟนอินเข้ามา?

มีเวลาให้นอนคิดอีก ๗ วัน จะเลือกแบบที่ ๑ หรือแบบที่ ๒ ตกลงปลงใจแบบไหนแล้ว ค่อยประกาศอีกที ก็ยังทันนะ

ไม่ใช่อะไร ถ้าเอาแบบแรก

คนเสื้อแดงเขาจะได้ประจำจุด

ถ้าแบบหลัง นายใหญ่ "ขึ้นฝั่ง" หนีรอดแล้ว

พวกเขาจะได้ไม่ต้อง "แบกเรือตามขึ้นภูเขา" ให้ดูเป็นงั่งรอบ ๒ ไงล่ะ!?.

-เปลว สีเงิน

๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗

คนปลายซอย