จะดีแค่ไหน หากเราจะมีโปรแกรมดูแลรักษาสุขภาพที่สอดคล้องเหมาะสมกับตัวเราจริงๆ หรือหากเราเจ็บไข้ได้ป่วยโดยเฉพาะด้วยโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายแรงที่รักษายาก ก็มียาและวิธีการรักษา “เฉพาะ” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเราเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจดูเป็นไปได้ยาก แต่ด้วยองค์ความรู้ทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าและเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การแพทย์ในวันนี้สามารถมุ่งไปที่การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคลได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ส่งต่อให้ผู้ป่วยเกิดความมั่นใจ และได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นโอกาสใหม่ที่จะมาช่วยดูแลสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในอนาคต
ธนพล วีราสา หัวหน้าสาขาการจัดการธุรกิจสุขภาพ (HBM) วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า ในอดีตแนวทางการดูแลสุขภาพหรือรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหรือเป็นโรคเดียวกัน โดยมากมักมีวิธีการดูแลรักษาที่มีมาตรฐานเดียวกัน
แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้เกิดแนวทางใหม่ที่เรียกว่า การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Healthcare and Personalized Medicine) ซึ่งสามารถทำการรักษาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด และให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตาและถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาปฏิวัติวงการแพทย์ในอนาคต
การดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคล คือ แนวทางการดูแลสุขภาพและการรักษาที่ออกแบบมาเฉพาะหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยนำข้อมูลพื้นฐานของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านสุขภาพ ประวัติการรักษา สิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการกินอยู่ การใช้ชีวิต รวมไปถึงข้อมูลระดับลึกอย่างข้อมูลทางพันธุกรรมมาใช้ในการตรวจคัดกรองความเสี่ยง ทำนายแนวโน้มการเกิดโรค ตรวจวินิจฉัย วางแผนและกำหนดวิธีการรักษา เลือกใช้ยา รวมไปถึงแนะนำแนวทางป้องกันและดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาน้อยลง ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาลดลง โอกาสหายขาดหรือรอดชีวิตเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในภาพรวม
สำหรับ 3 ปัจจัยหลัก หนุน Personalized Healthcare โตเร็ว คือ 1.เทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data & Analytics) จีโนมิกส์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การวินิจฉัยการรักษา และการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคลมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2.ประชากรสูงอายุทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังหรือโรคร้ายแรงสูง และ 3.ผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสำคัญของวงการแพทย์ทั่วโลก
สิ่งที่น่าจับตาควบคู่ไปกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์คือ โอกาสทองของธุรกิจ Health & Wellness ไทย ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยคาดการณ์ว่าการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคลจะมีอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อธุรกิจ Health & Wellness ไทยในอนาคต ดังนี้ 1.เกิดบริการสุขภาพวิถีใหม่ ที่ Personalized ยิ่งกว่าเดิม โรงพยาบาล คลินิก และธุรกิจสุขภาพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการโดยมุ่งเน้นไปที่บริการตรวจหาความเสี่ยง ให้คำปรึกษา และดูแลรักษาสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น แพทย์จำเป็นต้องเพิ่มทักษะความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละรายมากขึ้น
ส่วน 2.ผู้บริโภคยุคใหม่จะหันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคจะหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตนเอง (Self-Care) และจะมีบทบาทในการเลือกวิธีดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร เลือกการออกกำลังกาย 3. Personal Healthcare ในอนาคตจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการรักษา ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสแจ้งเกิดของธุรกิจใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ทำให้ธุรกิจเดิมมีโอกาสขยายตลาดมากขึ้น
แม้การดูแลสุขภาพและการรักษาเฉพาะบุคคลจะมีแนวโน้มเติบโตสูงทั้งในปัจจุบันและอนาคต แต่การเข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ใหม่แบบมุ่งเน้นเฉพาะบุคคล รวมทั้งค่าใช้จ่ายและการใช้ข้อมูลส่วนตัวมาวินิจฉัยหรือทำนายการเกิดโรค ยังเป็นข้อจำกัดของคนทั่วไปในสังคมจำนวนมาก ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นช่วงเวลาแห่งการวางรากฐานและเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี นโยบายด้านระบบสุขภาพ การสนับสนุนการวิจัยและการพัฒนาบุคลากรที่เชี่ยวชาญ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการรักษาแบบเฉพาะบุคคลให้แก่ประชาชนในวงกว้าง.
รุ่งนภา สารพิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม
แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ
ของขวัญรัฐบาล
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว
ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ
ปี68ธุรกิจบริการอาหารยังโตต่อเนื่อง!
“ธุรกิจบริการอาหาร” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2568 จากอานิสงส์ท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้การบริโภคอาหารน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีการอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.
ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก