
ทำไมพรรครัฐบาลชนะแต่เครียด?
ทำไมพรรคฝ่ายค้านแพ้แต่ประกาศชัยชนะ?
เพราะชนะไม่ขาด และแพ้ไม่ราบคาบ
ตลอด 6 สัปดาห์ของการหย่อนบัตรเลือกตั้งของอินเดีย นักวิเคราะห์การเมืองส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า พรรคภารติยะชนตะ หรือ BJP ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี จะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย
แต่พอผลการนับคะแนนออกก็พากันตื่นตะลึงไม่น้อย
เพราะจากการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดของโลกที่นับคะแนนเสร็จเมื่อวันอังคารที่แล้ว ปรากฏว่าพรรครัฐบาลสูญเสียเสียงส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจเมื่อทศวรรษที่แล้ว
BJP ได้ที่นั่งเพียง 240 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมี 543 ที่นั่ง ซึ่งขาดเสียงข้างมากมากกว่า 30 ที่นั่ง และบังคับให้ต้องหันไปพึ่งพาพันธมิตรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่
สาเหตุหนึ่งของความสูญเสียของพรรค BJP คือความพ่ายแพ้ที่ไม่คาดคิดในรัฐที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
มีสัจธรรมในแวดวงการเมืองอินเดียว่าถนนสู่อำนาจในเมืองหลวงนิวเดลีนั้นต้องตัดผ่านเมืองลัคเนา เมืองหลวงของรัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือ
ลัคเนาเป็นพื้นที่สำคัญทางการเมืองอย่างมาก
ด้วยประชากรประมาณ 241 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านของอินเดียอย่างปากีสถาน รัฐมีที่นั่งในรัฐสภา 80 ที่นั่งหรือ 15% ของทั้งหมด
อย่างนี้จะไม่ให้เมืองนี้กลายเป็นหัวใจของการหาเสียงของทุกพรรคได้อย่างไร
ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรค BJP ชนะ 62 ที่นั่งจากทั้งหมด 80 ที่นั่งของรัฐนี้
แต่ครั้งนี้ ร่วงลงมาเหลือเพียง 33 ที่นั่ง
ในระหว่างการหาเสียง โมดีและพรรคชาตินิยมฮินดูของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์เพราะจุดยืนของนายกฯ เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมในอินเดีย
เหตุเพราะโมดีไปร่วมพิธีเปิดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดู-มุสลิมอย่างเปิดเผยเมื่อเดือนมกราคม
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวมุสลิม 38 ล้านคนในรัฐอุตตรประเทศ ออกมาลงคะแนนเสียงให้กับพรรคฝ่ายค้านเพื่อ “สั่งสอนรัฐบาล”
BJP คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะพ่ายแพ้อย่างหนักในรัฐนี้
เพราะแต่ไหนแต่ไรมารัฐอุตตรประเทศเป็นฐานที่มั่นของพรรคนี้มาตลอด
อีกเหตุผลหนึ่งของการถดถอยในผลการเลือกตั้งครั้งนี้คือการคัดเลือกผู้สมัคร นั่นคือการนำเอาคนข้างนอกมาลงแทนคนเก่าแก่ในพื้นที่
แต่ที่น่าจะเป็นเหตุผลหลักของความพ่ายแพ้คือความไม่พอใจของคนยากจนในชนบท
ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ เกษตรกรได้จัดการประท้วงครั้งใหญ่เพื่อเรียกร้องเรื่องราคาพืชผลตกต่ำ
มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการบรรเทาหนี้ และจ่ายเงินบำนาญสำหรับคนงานในภาคเกษตรกรรม
แต่ BJP ไม่สามารถให้ความมั่นใจกับกลุ่มเกษตรกรกลุ่มใหญ่ที่เป็นฐานเสียงสำคัญของทุกพรรคการเมืองได้
ชาวไร่ชาวนาของอินเดียที่เข้าข่ายยากจนข้นแค้นมีจำนวนมาก และมีผลต่อการเลือกตั้งทุกครั้ง
และ BJP สูญเสียที่นั่งหรือไม่ก็ไม่สามารถเพิ่มที่นั่งในหลายรัฐที่การชุมนุมได้ปะทุขึ้น รวมถึงรัฐปัญจาบที่มีความสำคัญด้านฐานเสียงเลือกตั้งอีกรัฐหนึ่ง
ผลการเลือกตั้งสะท้อนว่า BJP เสียที่นั่งในรัฐพิหารทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจนที่สุดอย่างเห็นได้ชัด
แปลว่าพรรครัฐบาลถูกฐานเสียงผู้ยากไร้ “ลงโทษ” เสียแล้ว
ปัญหาคนตกงานก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของความพ่ายแพ้ของ BJP
จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น รายได้ลดลง และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากที่ไม่พอใจกับผลงานด้านการสร้างงานของพรรครัฐบาล
ตัวเลขคนว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 8.1% ในเดือนเมษายน ขยับจาก 7.4% ในเดือนมีนาคม
ที่สำคัญ เยาวชนคิดเป็นประมาณ 83% ของผู้ว่างงาน
อีกทั้งเพราะผู้สนับสนุนที่เป็นฮินดูดั้งเดิมของ BJP อาจจะตายใจเพราะเชื่อว่าอย่างไรเสียพรรคก็เชื่อว่าจะได้ที่นั่งมากกว่า 400 ที่นั่ง
ทำให้ผู้สนับสนุนหลายคนสันนิษฐานว่าพรรคจะกลับมาสู่อำนาจไม่ว่าพวกเขาจะออกมาหย่อนบัตรเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม
เหตุผลอีกด้านหนึ่งคือฝ่ายค้านของอินเดียได้ฟื้นกลับจากความสับสนวุ่นวายภายในของตน
ก่อนเลือกตั้ง พันธมิตรฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคคองเกรสดูเหมือนจะตกอยู่ในความอลหม่านภายในกันเอง
เพราะผู้นำ 2 คนถูกจับกุมด้วยข้อหาที่มีผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของพรรคพอสมควร
และผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าฝ่ายค้านคงไม่มีโอกาสแข่งกับโมดีที่ดูเหมือนจะยืนหยัดบนฐานที่มั่นคง
แต่กลับปรากฏว่าฝ่ายค้านได้ที่นั่งมากกว่า 230 ที่นั่ง โดยพรรคองเกรสพรรคเดียวได้ที่นั่งเพิ่มเกือบสองเท่าเป็น 99 ที่นั่งจาก 52 ที่นั่งคราวก่อนหน้านั้น
ในช่วง 18 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ราหุล คานธี ผู้นำอาวุโสของพรรคคองเกรสและทายาทแห่งราชวงศ์การเมืองเนห์รู-คานธี ออกตระเวนเป็นระยะทางหลายพันกิโลเมตรสองครั้งเพื่อแสดงความใกล้ชิดกับชาวบ้าน
โดยย้ำในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายแก้ปัญหาการว่างงาน ราคาข้าวของที่แพงขึ้น
และโจมตีต่อเนื่องว่ารัฐบาลโมดีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มธุรกิจและมหาเศรษฐี ไม่สนใจคนยากคนจนอย่างจริงจัง
เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาอย่างนี้ การที่โมดียังรักษาตำแหน่งนายกฯ เป็นสมัยที่สามก็คงจะทำให้บารมีลดน้อยถอยลง
การสูญเสียเสียงข้างมากในสภาอาจส่งผลเสียต่อวาระการปฏิรูปของโมดีอย่างปฏิเสธไม่ได้
การที่มีเสียงส่วนมากในสภาลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญนั้น จะส่งผลกระทบต่อความสามารถของโมดีในการดำเนินนโยบายปฏิรูปตามที่ได้หาเสียงเอาไว้
นโยบายปฏิรูปที่โมดีถือว่าเป็นคำมั่นสัญญากับประชาชน มีทั้งเรื่องการผ่อนปรนการได้มาซึ่งที่ดินและการนำกฎหมายแรงงานมาใช้อย่างเท่าเทียมกันทั่วทั้งรัฐ
รวมไปถึงการออกกฎหมายธรรมาภิบาลสำหรับพื้นที่เกิดใหม่ เช่น เทคโนโลยีหรือพลังงานหมุนเวียน การแปรรูป การสร้างรายได้ เป็นต้น
ผลการเลือกตั้งอินเดียครั้งนี้จึงกลายเป็น “ชัยชนะที่ไม่หอมหวาน” เลยสำหรับโมดี
แต่กลับกลายเป็น “ความพ่ายแพ้ที่สร้างกำลังใจ” ให้กับผู้นำฝ่ายค้านราหุลที่เริ่มมีความหวังจะขึ้นมาเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งสมัยหน้าเสียที!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

