2565: ปีแห่งการ แก้หนี้ครัวเรือนคนไทย?

เมื่อวานเขียนถึงเรื่องโควิด-19 ทำให้จำนวน “คนจน” ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

วันนี้คงต้องเขียนถึงคำประกาศจากรัฐบาลว่าตั้งเป้าให้ปี 2565 เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” อย่างจริงจัง

ผมสนใจว่าจะทำอย่างไรและมีแผนจริงจังเพียงใด

เพราะแบงก์ชาติมีตัวเลขบอกว่าหนี้ครัวเครือนได้เพิ่มสูงกว่าหลายประเทศแล้ว

ไตรมาสแรกตัวเลขนี้อยู่ที่ 90.5% ของจีดีพีของประเทศ

และยังไม่มีทีท่าว่าจะมีมาตรการอะไรที่จะทำให้หนี้ครัวเรือนของคนไทยลดลงได้เลย

รัฐบาลตั้งเป้าปี 2565 "ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน" กางโรดแมปแก้หนี้ข้าราชการ นำร่องครูและตำรวจ

ตรงกันข้ามจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เป็นผลจากรายได้ประชาชนหดตัว ขณะที่ภาระหนี้เดิมที่มีอยู่เพิ่มสูงขึ้น

รายงานนี้พบว่า หนี้ครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นหนี้เพื่อที่อยู่อาศัย 34% สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต 28% และมีความซับซ้อนมากขึ้น          

เพราะมีเจ้าหนี้หลากหลาย        

ทั้งหนี้จากธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีสัดส่วน 72% คิดเป็น 3 ใน 4

ส่วนที่เหลืออยู่นอกการกำกับดูแลของ ธปท.

มาตรการจึงต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน ไม่ใช่เฉพาะ ธปท. เพียงอย่างเดียว

ที่ผ่านมา ธปท.เร่งแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทั้งต้นน้ำ คือ ให้ความรู้ทางการเงินแก่ภาคประชาชน ไม่ก่อหนี้เกินตัว

กลางน้ำ คือ ออกมาตรการกำกับดูแล และวางกฎเกณฑ์ ควบคุมดูแลเจ้าหนี้  

และปลายน้ำ คือ วางโครงสร้างพื้นฐาน สร้างเครื่องมือ กลไกในการแก้ปัญหาหนี้ เช่น คลินิกแก้หนี้ ทางด่วนแก้หนี้ มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ เป็นต้น

รวมทั้งมาตรการลดเพดานดอกเบี้ย สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ลงอีก 2-4%             

และมาตรการดูแลในสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 จนล่าสุดมาตรการระยะ 3 ในช่วง พ.ค.2564

ที่ผ่านมา ธปท.เข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้แล้วกว่า 1.66 ล้านล้านบาท หรือ 4.4 ล้านบัญชี

เช่น โครงการคลินิกแก้หนี้ ช่วยไปแล้วกว่า 1.9 หมื่นคน 6 หมื่นบัญชี วงเงิน 5 พันล้านบาท

ทางด่วนแก้หนี้ กว่า 2.8 แสนราย

มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ กว่า 2.67 แสนบัญชี

และล่าสุดสินเชื่อเช่าซื้อ กว่า 2.2 หมื่นราย

ในระยะต่อไป ธปท.จะดำเนินการใน 4 เรื่อง คือ

1.วางโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ซึ่งมีเครดิตบูโรดำเนินการอยู่ ก็จะดึงข้อมูลเจ้าหนี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์

2.ผลักดันให้เจ้าหนี้ ให้สินเชื่อด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม ไม่ให้ลูกค้ามีหนี้เกินตัว ต้องมีความสามารถในการชำระหนี้

3.ให้ความรู้การบริหารหนี้ กับประชาชนครบวงจร และ

4.ส่งเสริมให้มีช่องทางการกู้ยืมเงินที่มีความหลากหลายและเหมาะสม เช่น ที่ดำเนินการอยู่คือ พีทูพี เลนดิ้ง เป็นต้น

ทางการบอกว่า นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ มีการดำเนินการครอบคลุม 8 ประเด็น คือ             

1.การแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา    

2.การกำหนดให้การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ ผ่านกลไกธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินของรัฐ

3.การแก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์

4.การแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ โดยเฉพาะข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจ           

5.การปรับลดและทบทวนโครงสร้างและเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม และการออกมาตรการคุ้มครองสิทธิ์ของลูกหนี้

6.การแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล

7.การแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อยและ SMEs

8.การปรับปรุงขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม

ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเติม เพื่อในปี 2565 จะสามารถขยายผลสัมฤทธิ์ของการแก้ปัญหาหนี้สิน และคลี่คลายภาระหนี้ครัวเรือนได้มากขึ้น

ในส่วนของการแก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ การขับเคลื่อนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

คือ บุคลากรครู และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินบุคลากรครู มีแนวทางแก้ไขปัญหา ได้แก่

1.ยุบยอดหนี้ โดยใช้ทรัพย์สินและรายได้ในอนาคตของครู เพื่อให้ยอดหนี้ลดลง และสามารถชำระคืนได้จากเงินเดือน เช่น ใช้เงินบำเหน็จตกทอดมาชำระหนี้บางส่วน

2.ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 5 เพื่อให้สอดคล้องกับสินเชื่อ หักเงินเดือนข้าราชการที่มีความเสี่ยงต่ำ

3.ปรับลดค่าธรรมเนียมทำประกันชีวิตและการค้ำประกันโดยบุคคลที่ไม่จำเป็น

4.ยกระดับระบบการตัดเงินเดือนข้าราชการให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีสหกรณ์ครูจำนวน 20 แห่ง ครอบคลุมครูทั่วประเทศกว่า 200,000 คน สมัครเข้าร่วมดำเนินการตามแนวทางที่กระทรวงกำหนด และคาดว่าจะมีเพิ่มในระยะต่อไป

ขณะที่การแก้ปัญหาหนี้ตำรวจ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 4,600 ราย (ข้อมูล ณ กันยายน 2564)            

ได้รับการแก้ปัญหาหนี้แล้ว 2,100 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 2,500 ราย

และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ เพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ในช่วงสถานการณ์โควิดในการพักชำระหนี้เงินต้น การจัดทำโครงการปล่อยเงินกู้ระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับสมาชิกในครอบครัว และการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสมาชิกที่มีหนี้

เรื่อง “หนี้” เป็นเรื่องใหญ่ เป็นการบั่นทอนการทำงานของคนไทยจำนวนมาก และเป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายหลักของรัฐบาล ตลอดไปถึงเศรษฐกิจระดับปากท้องของประชาชนทุกระดับ

จะตั้งคณะกรรมการกี่ชุดกี่รัฐบาลก็แก้ไม่ได้ หากไม่ยังแก้ที่ “ปลายเหตุ” อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ