อันว่าพระเสาร์(๗)นั้น จัดอยู่ในกลุ่มบาปเคราะห์ ที่มักบันดาลด้านลบให้ทุกดวงชะตา แต่หากจะเป็นด้านบวกก็ต้องผ่านด้านลบก่อน หรือเกิดผลลบจนแทบจะถอดใจแล้วกลายเป็นบวก หรือทุกขลาภ ลาภทุกข์
สมญานามของพระเสาร์ในทางโหรคือเป็นตัวโทษตัวทุกข์ หรือเทพเจ้าแห่งความระทม เดินหรือจรไปที่ใดจะอยู่ในราศีนั้นราวสองปีครึ่ง จึงกลุ่มคนที่ถูกเกณฑ์ร้ายจังๆจากตัวโทษทุกข์นี้แต่ละคราวจะถูกกดดันด้วยทุกข์ยาวนานทุกข์แล้วทุกข์เล่าเฝ้าแต่ทุกข์
เฉกเช่นรอบนี้ที่ตั้งแต่1มีนาคม 2566 มาแล้วที่ตัวโทษทุกข์เทพเจ้าแห่งความระทมนี้(พระเสาร์จร7)เข้าเดินในราศีกุมภ์ในบรรดาทุกข์ที่มีอีกหลายรูปแบบ กลุ่มคนที่ได้รับผลร้ายโดยตรงจึงมักถูกทุกข์กดดันหนัก แถมจะยาวนานไปถึง14กุมภ์ภาพันธ์ 2569 อีกต่างหาก
เจาะจงมาที่ตั้งแต่ประมาณ5มิถุนายนยาวไปถึงประมาณ10 พฤศจิกายน 2567 ที่ตัวโทษทุกข์(พระเสาร์จร7)จะเดินผิดปกติอย่างมากและหลายรอบ
จึงกลุ่มคนที่เจอทุกข์จังๆคงรับมือยาก ด้วยทุกข์ตัวนี้ที่กำลังเดินผิดปกติอุตหลุด แถมยากต่อการทำนายอีกต่างหาก แต่ก็พอจะมีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆให้รับมือได้บ้างสำหรับกลุ่มคนที่กำลังรับรังสีด้านลบจากพระเสาร์อย่างหนัก-จังๆคือ
1.ท่านที่ลัคนาสถิตราศีกรกฎ(ทำนายตามลัคนาเท่านั้น-โปรดอย่านำไปใช้แบบชาวราศี) ภาพรวมด้านทุกข์ของพวกท่านรอบนี้คือ 1 มีนาคม 2566-14 กุมภาพันธ์ 2569 มีโอกาสเจอเข้ากับอาการความร้อน-ฟืนไฟ-เจ็บไข้ได้ป่วยตามโฉลก…เกรงชีวา มรณา(ป่วยหนัก)ให้เกรงไฟ…(พระเสาร์จร7เดินในภพที่แปด-มรณะ) เช่น
พวกท่านจึงมีโอกาสต้องรับมือการการเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเอง หรือแม่-พ่อ หรือคู่ชีวิตหรือลูกหรือคนรักกระทบอารมณ์ให้เศร้า เจอกระบวนการรักษาเช่นฉายรังสี หรือแสง(ไฟ)
ส่วนระยะที่พระเสาร์จรเดินผิดปกติก็ขอให้ปรับตัว-อารมณ์-ปรับแผน-งาน-สู้ๆๆอุตหลุดเป็นระยะๆไปจนกว่าจะประมาณวันที่10พฤศจิกายน2567แล้วสถานการณ์จะนิ่งและจัดการง่ายขึ้น
สิ่งที่มีค่าที่สุดของพวกท่านขณะที่หัวหน้าดาวร้ายคุกคามและระรานหนักแถมวิกลคติคือเดินผิดปกติคือ หัวหน้าดาวดียังคุ้มครองดวงชะตาให้รอดไปถึง 13 พฤษภาคม 2568 ด้วยเกณฑ์โหรที่เรียกว่าสิงหเกณฑ์(พฤหัสบดีจร5เดินในราศีพฤษภ-เป็นสิบเอ็ด-ลาภะกับลัคนา)
ตัวอย่างเช่นในวรรณคดีรามเกียรติ์พิเภกที่ครองกรุงลงกา ถูกยักษ์มหาบาลที่ฤทธิ์มากยกทัพมาตีจะฆ่าให้ตายเพื่อแก้แค้นแทนทศกัณฑ์ แต่ด้วยเพราะสิงหเกณฑ์นี้หนุมานจึงเหาะดั้นเมฆออกมาช่วยให้พิเภกรอดตาย
และชีวิตจริงหนึ่งรายที่เห็นคือเจ้าชะตาคงเริ่มป่วยสะสมมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2566 ตามโฉลก ..เกรงชีวา มรณาให้เกรงไฟ….แต่กระบวนการรักษาเรื่อยๆเฉื่อยๆเพราะยังมีคนอื่นป่วยหนักกว่ามากตามประสาโรงพยาบาลรัฐ
แต่ช่วงได้ได้สิงหเกณฑ์คนๆนี้วูบต่อหน้าหมอใหญ่ให้รีบประคอง นักศึกษา
แพทย์มากันเต็มห้องแล้วได้สู่กระบวนการรักษาจริงจังเสียที มหัศจรรย์เป็นที่สุด
2.ท่านที่ลัคนาสถิตราศีสิงห์(ทำนายตามลัคนาเท่านั้น-โปรดอย่านำไปใช้แบบชาวราศี) พวกท่านค่อยๆสะสมทุกข์แล้วมาตั้งแต่ 1 มีนาคม 2566 และจะยาวนานไปถึง 14 กุมภาพันธ์ 2569 ด้วยดวงแตก-พินทุบาทว์-ช้ำ-ชีวิตเหมือนถูกแบ่งเป็นสองซีก ห่วงหน้าพะวงหลัง ทำให้ทุกข์ราวหินใหญ่ทับอกในระดับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ บริวารทั้งหลายในชีวิตมีปัญหาตามโฉลก..ถอยอาหาร บริวารจะจากไกล…(พระเสาร์จร7เดินในราศีกุมภ์เล็งลัคนา)
เก็บตกทุกข์ประมวลมาให้พอเป็นตัวอย่างให้เช่นพ่อหรือแม่หรือคนในครอบครัวป่วยหรือจากไป หรือคู่ครองป่วยให้รับมือ หรือหน่วยงานที่ทำอยู่มีปัญหา หรือมีปัญหาในการเรียนต่อระดับสูงหรือที่ต่างประเทศให้ต้องแก้ไข หรือเจอคดีความทั้งแบบเราฟ้องเขา-เขาฟ้องเรา
จึงระยะที่ตัวทุกข์(พระเสาร์จร7)เดินผิดปกติระหว่างประมาณ 5 มิถุนายน-ประมาณ 10 พฤศจิกายน 2567 นี้พวกท่านคงต้องปรับแผนรับมือทุกข์จากดวงแตกอุตหลุดโดยใช้ความเป็นผู้นำที่ติดตัวอยู่ในสายเลือดของพวกท่านรับมือ
แรงหนุนสำคัญที่จะใช้เป็นอาวุธคือตั้งแต่ 30 เมษายน 2567-13 พฤษภาคม 2568พวกท่านมีหัวหน้าเทวดาประจำตัว-หัวหน้าดาวดี(พฤหัสบดีจร5) คอยดูแลปกป้องคุ้มครอง-ถลึงตาช่วยเบรคความร้ายกาจของหัวหน้าดาวร้ายที่ทำให้ดวงชะตาแตกได้ จึงไม่ว่าชีวิตจะแตก-ทุกข์แค่ไหนก็อยู่ในอาการ…ไข้หายเอง คนยำเกรงจะรุ่งเรือง…(พฤหัสบดีจร5อยู่เดินอยู่ในราศีพฤษภภพที่สิบ-กัมมะ)
เช่นจะมีคดีความคนขู่จะฟ้องหายไปเองหรือบางท่านเจอคนในครอบครัวป่วยเลือดออกในสมอง อีกไม่นานหายเป็นปกติก็เคยมีมาเล่าให้ผู้เขียนฟัง
จึงมั่นใจได้ว่าเมื่อพวกท่านปรับแผนสู้แล้ว ไม่ว่าเรื่องด้านลบในชีวิตจะเกิดให้พะวักพะวน ห่วงหน้าพะวงหลังขนาดไหน พวกท่านก็จะสู้และแก้ปัญหาได้ดีทีเดียว
ลัคนาสถิตราศีพิจิก (ทำนายตามลัคนาเท่านั้น-โปรดอย่านำไปใช้แบบชาวราศี) พวกท่านเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสเจอกับทุกข์จากหัวหน้าดาวร้ายเดินในราศีกุมภ์ ระหว่าง 1 มีนาคม 2566-14 กุมภาพันธ์ 2569ไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่งในระดับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก บอกใครก็ไม่ได้ ถึงบอกได้ก็ต้องตีฝ่าทุกข์เองไม่มีใครช่วยได้ตามโฉลก…จะมีทุกข์ เพื่อนฝูงปลุกให้หม่นหมอง…(พระเสาร์จร7เดินในราศีกุมภ์ภพที่สี่-พันธุ)
ประมวลทุกข์ของพวกมาเป็นตัวอย่างเช่น ป่วยเองหลายระดับที่แม้เพื่อนๆเห็นใจขนาดไหนพวกท่านก็ต้องฟันฝ่าเอง หรือเกิดปัญหาพ่อแม่หรือคนในครอบครัวป่วยที่พวกท่านต้องรับมือ หรือเกิดปัญหางาน-นายหนักมากจนน้ำตาซึม หรือมีปัญหาหนี้ หรือปวดหัวลูกน้อง-คนใช้-บริวารทั้งหลายเหล่านั้นในชีวิต
ส่วนระหว่างที่ตัวทุกข์เดินผิดปกติระหว่าง5มิถุนายน-10 พฤศจิกายน 2567 ขอให้ปรับแผนในการรับมือให้บ่อยๆไปตามสถานการณ์ เพราะคาดว่าน่าจะรับมือยากเอาเรื่อง ประเภทเดี๋ยวบวก-เดี๋ยวลบ-เดี่ยวทุกข์-เดี๋ยวถอย
ตัวช่วยที่มีค่ามากในช่วงนี้คือเงินที่สะสมไว้- เด็กๆในดูแลหรือลูกหลานหรือแฟนที่คงช่วยได้มากกว่าเพื่อนฝูง(พฤหัสบดีจร5ตัวแทนการเงิน-กะฎุมภะและลูกๆแฟน-ปุตตะกำลังเดินในราศีพฤษภ-เล็งลัคนา)
หรืออีกนัยหนึ่งในมุมของโหรหัวหน้าดาวดี(พฤหัสบดีจร5)กำลังเล็ง-สาดแสงส่งถึงลัคนาเต็มที่ จึง ไม่ว่าหัวหน้าดาวร้ายจะระรานขนาดไหน แต่เพราะการใช้สติ-ปัญญาของพวกจะทำให้ผ่านพ้นและได้ลาภแบบสบายๆตามโฉลก …ลาภโดยหมาย ได้ง่ายดายด้วยปัญญา…
เกณฑ์นี้จะช่วยพวกท่านไปถึง 13 พฤษภาคม 2568 หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่
(ยังมีต่อตอนต่อไป)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมดปัญญา...เทวดาต้องรอด
เวลานี้ มีคนบางคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีหน่วยงานใด ไม่มีกฎหมายมาตราใดจะเอาโทษเขาได้
ว่าด้วยความสำคัญของ 'จังหวะ' และ 'โอกาส'
อาทิตย์นี้...ก็ 22 ธันวา.เข้าไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงช่วงจังหวะ คริสต์มาส ที่คงมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง บทเพลงอันสุดจะซาบซึ้ง ตรึงใจ ไม่ว่าประเภท จงกระเบน-จงกระเบน (Jingle Bells)
ตั้ง'นายพล'ไปต่อ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 นาย ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ลัคนามังกรกับเค้าโครงชีวิต ปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ลูกหลาน-ความรัก-ความหวัง ตลอดปียังอดเอาทุกข์นำหน้าชีวิตไม่ได้- ตั้งแต่พฤษภาคมเป็นต้นไประวังป
นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง
'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!
คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน