อย่าติดตามเฉพาะตัวเลข GDP ต้องดูจุดเปราะบางที่ต้องแก้เร่งด่วน

 เศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร อย่าดูแต่ตัวเลข GDP เพราะมีความ “ผิดปกติ” หลายด้านที่ต้องแก้ไข ซึ่งอาจจะไม่สะท้อนในภาพของตัวเลขอัตราเติบโตแต่ละไตรมาสเท่านั้น

KKP Research เตือนว่าแม้ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยจะโตได้ต่ำ แต่ก็ทยอยฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง และทำให้หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่กำลังฟื้นตัวได้ดี อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีลักษณะที่ไม่ปกติ

ความจริงแล้วเศรษฐกิจไทยมีจุดปราะบางที่เพิ่มขึ้น และในหลายภาคส่วนชะลอตัวมาตั้งแต่ก่อนโควิด แต่เพิ่งสะท้อนปัญหาที่ชัดเจนขึ้นในช่วงนี้

โดยมีประเด็นที่สำคัญ คือ

ดุลการค้ากับสหรัฐฯ และจีน

 (1) เศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการบริโภคในภาคบริการ

ในระหว่างปี 2021-2024 หรือหลังการระบาดของโควิดเป็นต้นมา การผลิตในภาคบริการเติบโตเฉลี่ยปีละ 3.0% เทียบกับภาคการผลิตที่ยังเติบโตติดลบ 0.5%

ยิ่งไปกว่านั้นการเติบโตของการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรไม่ได้เพิ่งชะลอตัวลง แต่มีการส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิดแล้ว และยังเป็นปัญหาต่อเนื่องต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนการเติบโตที่กระจุกตัว ใน

ขณะที่มีธุรกิจและแรงงานในหลายภาคเศรษฐกิจที่เผชิญ

กับวิกฤตเศรษฐกิจ

 (2) เศรษฐกิจไทยถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์จากต่างประเทศเป็นหลัก

โดยอุปสงค์ในประเทศมีทิศทางเติบโตได้ช้าลงมาโดยตลอด เปรียบเทียบกับอุปสงค์ต่างชาติที่นับรวมการส่งออกสินค้า และการส่งออกบริการที่ขยายตัวได้ดีกว่าซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย โดยทั้งการบริโภคและการลงทุนในประเทศมีทิศทางชะลอตัวลง สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาแรงส่งจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง

 (3) ภาคการผลิตในหลายส่วนของไทยเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างและชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 ตามที่ได้วิเคราะห์ไปในส่วนก่อนหน้า ภาคอุตสาหกรรมไทยจำนวนมากส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิดแล้ว และปัญหาที่เจอในปัจจุบันไม่ใช่ปัญหาใหม่

ในภาคการผลิตด้วยกันเองมีสินค้าจำนวนมากที่กำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง และอาจไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะข้างหน้า

KKP Research วิเคราะห์ให้เห็นภาพว่า หากเปรียบเทียบกับช่วงปลายปี 2019 มาจนถึงปัจจุบัน ตัวเลข GDP กลับมาที่จุดใกล้เคียงกับระดับเดิม ในขณะที่

ค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตของ GDP ไทยในฝั่งการผลิต (%YoY)

ภาคการผลิตจำนวนมาก ณ สิ้นปี 2023 ยังมีปริมาณการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนโควิด-19 ปี 2019 โดยคิดเป็นกว่า 66% ของมูลค่าเพิ่มในภาคการผลิตทั้งหมด สะท้อนการเติบโตที่แตกต่างกันอย่างมาก

KKP Research ชี้ให้เห็นว่าผลของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องในหลายภาคเศรษฐกิจ เริ่มสะท้อนผ่านตัวเลขเศรษฐกิจใน 3 มิติ ที่ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจในบางภาคส่วนยังไม่ฟื้นตัวและเริ่มส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นวงกว้างมากขึ้น

และกลับมากระทบให้เศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในระยะข้างหน้า

โดยเริ่มเห็นสัญญาณผลกระทบใน 3 มิติ คือ

1) สัญญาณการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรม การชะลอตัวของภาคการผลิตต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาเริ่ม

ส่งผลกระทบชัดเจนมากขึ้นต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม โดยในช่วงที่ผ่านมายอดการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับระดับปกติ โดยโรงงานปิดตัวไปแล้วถึง 1,700 แห่งนับตั้งแต่ต้นปี

2023 ถึงปัจจุบัน โดยเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2023 และหากประเมินเป็นรายอุตสาหกรรมจะพบว่า อุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนโรงงานปิดตัวต่อโรงงานเปิดตัวใหม่มากที่สุด คือกลุ่มการผลิตหนังและรองเท้า การผลิตยาง อุตสาหกรรมการเกษตร การผลิตเครื่องจักร และภาคการขนส่ง

KKP Research พบว่าภาคการผลิตที่มียอดการปิดตัวโรงงานมากขึ้น เป็นอุตสาหกรรมเดียวกับอุตสาหกรรมที่มีการผลิตหดตัวลงมากในช่วงก่อนหน้ายอดการปิดโรงงานสะสมตั้งแต่ต้นปี 2023 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน

2) ผลกระทบต่อการจ้างงานและการบริโภคเริ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น การปิดตัวของโรงงานอุตสาหกกรมที่ปรับตัวสูงขึ้น เริ่มส่งผลเพิ่มเติมต่อการจ้างงานที่รุนแรงมากขึ้น โดยยอดแรงงานที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ต้นปี 2023 ถึงปัจจุบันในภาคอุตสาหกรรมมียอดรวมกว่า 42,000 ตำแหน่ง

สอดคล้องกับดัชนีการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมที่สะท้อนว่า การจ้างงานของการผลิตในบางภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำและมีทิศทางปรับตัวลดลง

3) ดุลการค้าชะลอตัว ค่าเงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวอ่อนค่ามากกว่าในอดีต ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องเริ่มส่งผลต่อดุลการค้าของไทยชัดเจนขึ้น

โดย KKP Research ประเมินว่าดุลการค้าของไทยในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มแย่ลง จากการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนเพื่อการบริโภคในประเทศที่มากขึ้น โดยในปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวลดลงของดุลการค้าในกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมัน ต่างจากช่วงปี 2022-2023 ปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขันของไทย ทำให้ดุลการค้าของไทยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 และค่าเงินบาทในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มอ่อนค่าลงกว่าในอดีต

KKP Research ชี้ถึงความท้าทายในการติดตามภาวะเศรษฐกิจ และการประมาณการเศรษฐกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลกและไทย รวมทั้งเน้นย้ำประเด็นสำคัญว่าการ

ติดตามเฉพาะตัวเลข GDP จะไม่เพียงพอต่อการทำความเข้าใจเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ ในภาวะที่การเติบโต

เศรษฐกิจในแต่ละส่วนแตกต่างกันอย่างมากในปัจจุบัน การประเมินภาพเศรษฐกิจเชิงลึกยังสะท้อนให้เห็น

ความสำคัญในการสร้างแรงขับเคลื่อนใหม่ให้แก่เศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยเฉพาะการปรับปรุงปัญหาเชิง

โครงสร้างในภาคอุปทานของไทย เพื่อให้เศรษฐกิจในทุกภาคส่วนกลับมาเติบโตไปพร้อมกันในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่

ในวัฏจักรขาขึ้น

การละเลยการแก้ไขปัญหาในภาคอุปทานและดำเนินนโยบายเฉพาะการกระตุ้นอุปสงค์ จะกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยลดต่ำลงในระยะยาว หากมัวแต่ดูตัวเลข GDP โดยไม่เจาะลึกลงไปที่ “จุดเปราะบาง” ที่ต้องแก้ไขด่วนก็เท่ากับจะแพ้ในวันข้างหน้า!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ