
“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ควันหลงการตั้ง อ.วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ในรัฐบาลบิ๊กตู่และรัฐบาลทักษิณ ก่อนมาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ยังไม่จบ คอมเมนเตเตอร์การเมืองอย่าง เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาชำแหละว่า “เพื่อไทย : ความน่าเชื่อถือล้มละลาย” โดยมีสาระสำคัญว่า เมื่อนายเศรษฐาไปอ้อนวอน ทาบทาม วิษณุมาเป็นที่ปรึกษากฎหมาย หลายคนในพรรคเพื่อไทยบอกว่า ไม่รู้จะตอบคำถามกับสังคมอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าตระบัดสัตย์ หักหลังประชาชนมาแล้ว จนถูกตั้งฉายาว่า เพื่อไทยการละคร และนโยบายที่ประกาศบนเวทีหาเสียงก็ไม่สามารถทำได้ตามที่โฆษณาหาเสียงไว้หลายอย่าง เช่น
1.การไม่จับมือกับ 3 ป. คนทำรัฐประหารร่วมรัฐบาล 2.จะปิดสวิตช์ สว. แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยภายในหนึ่งปี 3.แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้กับคนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ทุกคน 4.ค่าไฟฟ้าครัวเรือนที่แพงอยู่จะถูกลงทันที 5.ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดจะไม่มีการขึ้นราคา 6.ครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท จะเติมให้ครอบครัวละ 20,000 บาททันที 7.จะขึ้นค่าแรง 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี เดือนละ 25,000 บาท 8.จะแก้ปัญหายาเสพติดให้หมดไปทันที แต่ตอนนี้ยาเสพติดแพร่ระบาดไปทั้งเมือง
นโยบายที่หาเสียงไว้ทั้งหมด ยังไม่มีนโยบายใดทำสำเร็จได้เลย ล่าสุดกลับนำเอานายวิษณุมาใช้งานเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ยิ่งเป็นการตอกย้ำความตระบัดสัตย์ของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง การกลับไปกลับมา กลับกลอกเหมือนลิงหลอกเจ้า ยิ่งทำให้พรรคเพื่อไทยล้มละลายในเรื่องคำพูด ขาดความเชื่อถือจากประชาชนโดยสิ้นเชิง
๐ กัญชายังประเด็นร้อนการเมือง ที่พร้อมจะปะทุขึ้นมาทุกเมื่อระหว่างพรรคเพื่อไทยและ พรรคภูมิใจไทย หลัง สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เตรียมนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ด้วยการประชุมรับฟังความเห็นจากนักวิชาการ สมาคม ราชวิทยาลัย และเครือข่ายภาคประชาสัมคม โดยข้อสรุปจากวงประชุมนี้เห็นว่าควรนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด โดยอ้างว่าเด็กเข้าถึงง่าย ไอคิวลดลง อุบัติเหตุเพิ่ม และต้นทุนค่ารักษาพยาบาลพุ่งจาก 3 พันล้าน เป็น 2 หมื่นล้าน
ร้อนไปถึงพรรคภูมิใจไทยที่เคยปลดล็อกพืชสีเขียวนี้ออกจากบัญชียาเสพติด “มิสเตอร์กัญชา” ศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ออกมาโต้เดือดว่าเหมือนการจัดฉาก เลือกเฉพาะกลุ่มต้านกัญชามาแสดงความเห็นฝ่ายเดียว บิดเบือนข้อมูลคนใช้ ผิดหลักการรับฟังความเห็น และยังสร้างความอึดอัดแก่ข้าราชการสาธารณสุขที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาล
ต้องยอมรับว่า กัญชาเป็นนโยบายตั้งแต่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ และรัฐบาลปัจจุบันที่แถลงไว้เพื่อการแพทย์ เพื่อสุขภาพ และเศรษฐกิจ จู่ๆจะเอาไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ที่บอกว่าค่ารักษาคนที่ป่วยกัญชาสูงขึ้นจาก 3,000 ล้านบาท มาเป็น 20,000 ล้านบาท ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เอาข้อมูลนี้มาจากไหน จาก สปสช. หรือกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันกัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ใช้ 30 บาทได้ มีผู้ใช้อยู่ จะตอบคนไข้ผู้เป็นเจ้าของประเทศอย่างไร
การที่อดีต รมว.สาธารณสุข นายอนุทิน ได้ออกประกาศเรื่องกัญชาเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย ตามนโยบายรัฐบาลและเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติดที่ปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติดของพระราชบัญญัติยาเสพติด 2522 มิใช่การออกประกาศตามอำเภอใจ
ช่วงนั้นคณะกรรมการยาเสพติดก็เห็นด้วยกับการปลดล็อก ซึ่งท่านสมศักดิ์ก็เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมก็เห็นด้วย ผ่านมาไม่นาน จู่ๆ ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์จะออกประกาศเพื่อยกเลิกประกาศดังกล่าวจึงไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมายและสวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเพราะประมวลกฎหมายยาเสพติดมีศักดิ์สูงกว่าประกาศกระทรวงที่รัฐมนตรีเตรียมจะออก จึงฝากท่านได้โปรดพิจารณาทบทวนข้อกฎหมายให้ดีๆอย่าทำผิดกฎหมาย
จะต้องจับตาว่าเรื่องกัญชาจะจบอย่างไร ทั้งที่จริงๆ พรรคร่วมรัฐบาลควรสนับสนุนกันไม่ควรหักกันเอง ขณะที่พรรคก้าวไกลขอยืนอยู่บนภู “ดูหมูกัดกัน”.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บันทึกจันทร์สุดท้ายของปี 2568 อีกไม่กี่เพลาก็จะขึ้นศักราชใหม่ 2569 ...ประเทศไทยจะก้าวไปทางไหน?!?.. ก็ขอบันทึกสะกิดเตือน @ บรรทัดนี้เลยว่า ใจเย็นๆ ค่อยๆ พินิจพิจารณา ประมวลข้อมูล ทบทวน ไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่า เลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ เราอยากได้ใครมาเป็น "ผู้นำ" พาชาติบ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่เหมาะที่ควร!!
บันทึกหน้า 4
จาก "หนู" หนึ่งเดียว กลายเป็นสอง ก่อนหน้านี้ถามกันทุกวันถึง 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของภูมิใจไทย ในงานแถลงนโยบาย "พูดแล้วทำพลัส" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ชัดเจนว่า "อนุทิน ชาญวีรกูล" ฉายเดี่ยว โฆษกพรรคย้ำแล้วย้ำอีก
เข้าใจคนชายแดน
ถ้าเอ่ยชื่อ กวาง–ไตรศุลี ไตรสรณกุล นาทีนี้ หลายคนคงนึกถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหญิงของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ทำงานเงียบ สุขุม แต่เดินเกมเร็ว ไม่หวือหวา ทว่าจับงานอยู่หมัด
บันทึกหน้า 4
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงคุกรุ่นอยู่ต่อเนื่องอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ แม้วันที่ 24 ธ.ค.2568 จะเป็นวันแรกในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี ในวาระพิเศษ
บันทึกหน้า 4
การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ไทยยังเหนือกว่าทุกด้าน สมรภูมิตามแนวชายแดน ทหารกล้าของเราบุกยึดพื้นที่คืนกลับมาเกือบเบ็ดเสร็จ ในเวทีสากล นานาชาติก็เข้าใจสถานการณ์ดี
บันทึกหน้า 4
บรรยากาศการเมืองไทยเวลานี้ ถ้าใครยังคิดว่าเป็นช่วงพักหายใจ บอกเลยคิดผิด เพราะสนามจริงของการเลือกตั้งปี 2569 เปิดเกมกันแล้วแบบไม่ต้องรอเสียงนกหวีด ใครมีของก็เริ่มโชว์ ใครยังตั้งหลักไม่ทันก็เริ่มเห็นทรงชัดขึ้นทุกวัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ต่างขยับกันคึก แต่พรรคที่ถูกสปอตไลต์ส่องแรงสุด นาทีนี้หนีไม่พ้น “เพื่อไทย”

