พวกเขาชื่นชม...พวกเราขมขื่น

ช่วงนี้ถ้าหากใครติดตามการให้รางวัล การสำรวจความนิยม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง พรรคการเมือง รายการโทรทัศน์ คนอ่านข่าวหรือพิธีกรรายการต่างๆ เชื่อว่าหลายคนจะรู้สึกขมขื่นกับการที่คนที่มีคนจำนวนมากชื่นชมนักการเมือง พรรคการเมือง พิธีกร และรายการทางโทรทัศน์ เพราะหลายคนที่ได้รางวัล ได้รับความนิยม มีการกระทำที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก หลายคนตั้งคำถามว่าคณะกรรมการผู้ตัดสินให้รางวัล เขามีมาตรการตัดสินกันยังไง ขณะที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งกับคณะกรรมการชื่นชมผู้ได้รางวัล แต่พวกเราบางคนกลับขมขื่น มันหมายความว่าอย่างไร บางทีพวกเราอาจจะต้องถามตัวเองว่าพวกเราเป็นคนเชย เป็นคนโบราณ เป็นคนไร้รสนิยม เป็นคนมีวิจารณญาณบกพร่องหรือเปล่า จึงไม่เห็นด้วยกับรางวัลที่พวกเขาได้ หรือรู้สึกขมขื่นกับการให้รางวัลหรือการสำรวจคะแนนนิยมของนักการเมืองและพรรคการเมือง

การที่มีนิตยสารเล่มหนึ่งให้รางวัลคนที่เขาถือว่าเป็นผู้นำแห่งอนาคตที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง เขาให้กันมาหลายปีแล้ว แต่ละปีก็จะเป็นคนกลุ่มเดิม พรรคเดิมที่มีทัศนะเป็นปรปักษ์กับระบอบการปกครองของประเทศไทยที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นไปได้ไหมว่าผู้บริหารนิตยสารเล่มดังกล่าวสนับสนุนการทำงานของกลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองที่พยายามจะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย จึงให้รางวัลคนที่มีความพยายามจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอ หรือถ้าหากทำได้ พวกเขาอาจจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไปเลยด้วยซ้ำ เมื่อมีนิตยสารระดับโลกชื่นชมคนกลุ่มนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเรารู้สึกขมขื่นได้อย่างไร สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน หรือเขาจะทำไปเรื่อยๆ เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราจนชำรุดทรุดโทรมตามที่พวกเขาต้องการ

คนพวกนี้มีการทำผิดกฎหมายที่ทำให้พวกเขาโดนคดีมาตรา 112 แล้วพวกเขามักจะสร้างวาทกรรมว่ามาตรา 112 เป็นเครื่องมือของนิติสงครามที่นำมาจัดการกับคนคิดต่าง พอจับตัวได้ก็ไม่ให้ประกันตัวที่พวกเขาบอกว่าเป็นสิทธิพื้นฐาน มีผู้คนจำนวนมากพูดหลายครั้งหลายคราแล้วว่าคนที่โดนคดี 112 ไม่ใช่คนคิดต่าง แต่เป็นคนคิดชั่ว ทำชั่วที่ผิดกฎหมายอาญาด้านความมั่นคง ที่บอกว่าพวกเขาไม่ได้ประกันตัวก็ไม่ใช่นะ การทำผิดครั้งแรก พวกเขามักจะได้ประกันตัว แต่ที่ถูกถอนประกันในภายหลังนั้นเป็นเพราะพวกเขาทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว หรือทำความผิดเดิมซ้ำซาก

การที่มีเยาวชนที่เป็นแนวร่วมเสียชีวิตในคุก พวกเขาก็บอกว่าตายเพราะไม่ได้ประกันตัว พวกเขาโทษกระบวนการยุติธรรมของไทย จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เธอตายเพราะอดอาหาร ไม่ได้ตายเพราะไม่ได้ประกัน อย่าโทษกระบวนการยุติธรรมของไทย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนที่ใจดำอำมหิตยุยงส่งเสริมให้เยาวชนออกมาทำผิดกฎหมาย และเมื่อมีการประท้วงด้วยการอดอาหาร ก็ไม่มีใครไปพูดให้เธอเปลี่ยนใจ และเมื่อเธอตายก็โหนศพของเธอเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

เวลานี้ พวกเขาพยายามให้การตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้พ่วงคนที่โดนคดีทำผิดมาตรา 112 ด้วย โดยอ้างว่าการทำผิดกฎหมายดังกล่าวมีแรงจูงใจมาจากการเมือง อันนี้ถือว่ามั่วนะ มาตรา 112 เป็นกฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศ ไม่ให้ใครมาหมิ่นประมาท มาดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้าย เป็นกฎหมายที่เป็นสากล ประเทศไหนๆ เขาก็มีกฎหมายทำนองนี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการปกครองระบอบใด พวกที่โดนคดีมาตรา 112 ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ดูหมิ่น หยามเกียรติ ล้อเลียน หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ที่เป็นประมุขของชาติทั้งนั้น

การสำรวจคะแนนนิยมของนักการเมืองและพรรคการเมือง ผลที่ออกมามันน่าแปลกใจที่คนในกลุ่มตัวอย่างนิยมชมชื่นคนที่ได้คะแนนนำมาเป็นที่ 1 ให้คะแนนนำทั้งตัวบุคคลและพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรหลายๆ เรื่อง พวกเขาวุ่นวายกับการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 สมาชิกในพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองของเขามีคนทำผิดกฎหมายรวมๆ แล้วเกือบ 100 คดี บางคนมีคดีมากกว่า 10 คดี รวมทั้งมาตรา 112 ด้วย แต่ทำไมบุคคลในกลุ่มตัวอย่างของการสำรวจยังยอมรับได้ และชื่นชมพวกเขาสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ทั้งคนทั้งพรรค พวกเขามองไม่เห็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ชำรุดทรุดโทรมเลยหรือไร

ตอนนี้คนที่โดนมาตรา 112 ก็ลอยหน้าลอยตาอยู่ในสภาหลายคน มีทั้งที่คนที่โดนศาลตัดสินลงโทษให้ติดคุกแล้ว แต่ก็ได้ประกันตัวกันทั้งนั้น บางคนก็กำลังรอวันพิพากษา นอกจากพวกเขาที่ได้รับคะแนนนิยมสูงจะทำผิดกฎหมายแล้ว พวกเขายังโกหกเป็นไฟ พวกเขาโกหกกี่เรื่อง กี่ครั้งกี่ครา แล้วก็โดนจับโป๊ะได้แทบทุกครั้ง แต่ทำไมคนจึงไม่เห็นว่าคนโกหกเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ จะให้มาเป็นผู้นำประเทศหรือมาตั้งรัฐบาลได้ยังไง อย่าลืมข้อความที่ว่า “คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี”

นอกจากการทำผิดกฎหมาย การโกหกแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเขาพยายามจะยกเลิกสิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของไทย ทำให้ค่านิยมที่ดีงาม ความเชื่อ ความศรัทธาหลายๆ อย่าง เป็นผลทำให้วัฒนธรรมไทยเสื่อมอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ สิ่งที่พวกเขาทำให้วัฒนธรรมของไทยเราเสื่อมก็คือค่านิยมเรื่องความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และแผ่นดินไทย เรื่องการเคารพนบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ เรื่องการนับถือศาสนา เรื่องการเคารพกฎกติกาต่างๆ ทั้งในสถานศึกษาและที่ทำงาน เวลานี้ในกลุ่มเยาวชนบางพวก ความมีระเบียบวินัยเสื่อมไปหมด ไม่เคารพกฎกติกาของการอยู่ร่วมกัน โดยอ้างเรื่องความทัดเทียมอันไม่มีอยู่จริงในโลก เรื่องการไม่ยอมถูกกดทับให้เป็นทาส เป็นการยัดเยียดข้อมูลที่ผิดๆ ใส่หัวเยาวชนจนมีพฤติกรรมและทัศนคติที่ผิดๆ

การที่พวกเขามีเรื่องไม่ดีไม่งามมากมาย แต่พวกเขายังได้คะแนนนิยมสูง เป็นเพราะหน้าตา วาทกรรม พื้นฐานในการหาเสียงของพวกเขา โดยเฉพาะคำว่า “เปลี่ยนแปลง” รวมทั้งนโยบายประชานิยมที่มีมากกว่า 100 ข้อ แสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนหนึ่งอยากได้ผลประโยชน์จากประชานิยม บางคนก็เบื่อนักการเมืองเก่าๆ ที่ทำงานการเมืองแบบน้ำเน่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง และมีประชาชนจำนวนมากที่เป็น FC ของนักการเมืองที่มีลักษณะเป็นโอปปาดาราเกาหลี

ไม่ใช่ความนิยมชมชื่นทางการเมืองเท่านั้นที่ทำให้พวกเรารู้สึกขมขื่น ในแวดวงสื่อสารมวลชนก็ทำให้เราขมขื่นได้เช่นกัน คนหน้าจอที่ได้รางวัล เพราะรายการ Rating ดี แต่การทำงานของเขาหลายครั้งมีคนตำหนิว่าเป็นการทำงานที่ไร้จรรยาบรรณ แต่เขาก็ได้รางวัล ไม่รู้ว่าคณะกรรมการตัดสินจาก Rating โดยไม่สนใจจรรยาบรรณของการทำหน้าที่สื่อมวลชนหรือเปล่า ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เราก็คงทำอะไรไม่ได้ คงต้องขมขื่นกับความชื่นชมของคนบางกลุ่มบางพวกต่อไป

แต่จะโทษคนทำสื่ออย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องถามว่าทำไมรสนิยมของคนบางกลุ่มบางพวกจึงเป็นเช่นนี้ที่ทำให้รายการบางรายการที่ไร้จรรยาบรรณได้รางวัลประดับเกียรติยศกันแบบนี้ ถ้าจะหายขมขื่นคงต้องรณรงค์ให้มีการปรับรสนิยมและวิจารณญาณกันอย่างเข้มข้น แม้มันจะยาก แต่เราก็ควรเริ่มต้นนับหนึ่ง ถ้าหากไม่เริ่มรณรงค์กัน เราอาจจะต้องขมขื่นกับความชื่นชม และคะแนนนิยมที่พวกเขามีให้กับคนที่มีปัญหาด้านจริยธรรมไปอีกนาน แล้วประเทศไทยที่รักของเราจะเป็นเช่นไร ลองคิดดูกันหน่อยนะ หรือจะปล่อยเลยตามเลย โดยไม่คิดจะแน่วแน่แก้ไขอะไรกันเลย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม