ดีลล้มทั้งกระดาน!

นึกว่านิยาย...

เป็นเรื่องบังเอิญที่ผู้นำ และอดีตผู้นำประเทศมีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาล

ประเทศไทยเราอย่างที่ทราบกัน "นักโทษชายทักษิณ" ถูกอัยการสั่งฟ้องคดี ม.๑๑๒ พ่วง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 

๒ คดีรวมกันโทษหนักใช่เล่น

ยังลูกผีลูกคนอยู่

เรื่อง นายกฯ เศรษฐา ก็อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ

ยังไม่รู้จะได้ไปต่อ หรือหยุดเพียงแค่นี้

ส่วนที่อเมริกา คดีที่อัยการเขตแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก ยื่นฟ้องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ในความผิดคดีอาญาฐานจ่ายเงินให้แก่บุคคลเพื่อปกปิดข้อมูลอันอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี ๒๕๕๙

ทรัมป์ ถูกตั้งข้อหาในความผิดทางอาญา ๓๔ กระทง จากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินค่าปิดปาก ๑๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์ให้แก่ "สตอร์มี แดเนียลส์" วัย ๔๔ ปี ดาราหนังโป๊

รวมทั้งการจ่ายเงินปิดปากนางแบบเพลย์บอย และคนเฝ้าประตู

คดีนี้ศาลอาญาแมนฮัตตันตัดสินไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

มีความผิดใน ๓๔ กระทงดังกล่าวตามคำฟ้องของอัยการ!

หลังได้ประกันตัว ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์อย่างเจ็บแสบถึงคณะลูกขุนว่า

"ขี้โกง และ น่าอับอาย"

"ทรัมป์" ท้าให้รอดูคำตัดสินที่แท้จริงที่จะมาจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ ๕ พฤศจิกายน

ขณะที่ทีมหาเสียงของ "โจ ไบเดน" ออกแถลงการณ์ตามขยี้ "ทรัมป์" 

"ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย"

"ภัยคุกคามจากชายชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ มีผลใหญ่หลวงต่อประชาธิปไตยของประเทศยิ่งนัก"

อ่านข่าว "ทรัมป์" หันมามองการเมืองไทย...ก็ไม่ได้แย่อะไรนัก

เรามีสินบนถุงขนม ถือว่าไม่น้อยหน้าเลยทีเดียว

ก็ไม่ทราบว่า ที่อเมริกา จะวิจารณ์กันเรื่องอำนาจที่เหนือกว่า เล่นงาน "ทรัมป์" หรือไม่

ขวางทางไม่ได้สมัครเป็นประธานาธิบดีหรือเปล่า

มีเรื่องผู้มีบารมีแทรกแซงไหม

ถ้ามี คงต้องส่งนักการเมืองไทยไปศึกษาดูงานให้ละเอียดยิบ ว่าต่างหรือเหมือนในไทยอย่างไร เพราะเราถือเป็นต้นฉบับ

การเมืองอเมริกา ดูเหมือนจะเข้าใจยาก แต่ในความเป็นจริงการเมืองไทยมีความซับซ้อนกว่ากันมากมายหลายเท่าตัว

เช่นพรรคการเมืองในอเมริกาไม่มีการสืบทอดอำนาจทางสายเลือด แต่ที่ไทยมี

อเมริกาให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง เพราะยิ่งเลือกตั้งมากเท่าไร่ ประชาธิปไตยจะพัฒนาไปไกลเป็นเงาตามตัว

ผิดกับการเลือกตั้งในไทยยิ่งเลือกยิ่งแย่ เพราะสภาเต็มไปด้วยนักเลือกตั้ง กับนักกินเมือง

ถ้ากรณี "ทรัมป์" เกิดขึ้นในประเทศไทย จะมีพวกที่พูดเอาหล่อเอาสวยถวายหัวให้ประชาธิปไตยโจมตีว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง

ครับ...นักการเมืองทำผิด มีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นกว่าคนธรรมดา ทำให้นักการเมืองบางพวกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

มององค์กรอิสระ รวมถึงศาล โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประชาธิปไตย

โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ตั้งตนเป็นศัตรูกับองค์กรอิสระในแทบทุกเรื่อง

แต่บางคราวก็ไชโยโห่ร้องเมื่อมีคำตัดสิน คำวินิจฉัย ที่ตัวเองได้ประโยชน์

กลับกันเมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คำสรรเสริญเยินยอถึงบรรพบุรุษว่อนโลกโซเชียลไปหมด

กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ๔๐ สว. พรรคก้าวไกลค้านอย่างออกนอกหน้าว่า องค์กรอิสระไม่ควรแทรกแซง กำหนด ชี้นำฝ่ายบริหาร ควรจะให้สภาเป็นฝ่ายที่คานอำนาจ

แต่พรรคก้าวไกลเองก็เคยร้องศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้วินิจฉัยว่าคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา และการลงมติของสมาชิกรัฐสภา จำนวน ๓๙๔ คน ในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ที่เห็นชอบว่าการเสนอชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการเสนอญัตติซ้ำ

คือ...พรรคก้าวไกลมองว่า ไม่ใช่การเสนอชื่อซ้ำ

เป็นการร้องเพื่อผลักดัน "พิธา" เป็นนายกรัฐมนตรี หวังใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นใบเบิกทางสู่อำนาจ

หากเชื่อว่า องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ คืออำนาจนอกระบบ พรรคก้าวไกลก็ควรมีมาตรฐานเดียวคือ ไม่ยอมรับองค์กรเหล่านี้

ไม่ใช่ใช้บริการเมื่อเห็นช่องทางว่าตัวเองจะได้ประโยชน์

ฉะนั้นไม่ว่าเรื่อง "นักโทษชายทักษิณ" หรือ กรณี นายกฯ เศรษฐา หากมองในมุมกระบวนการยุติธรรมปกติ  ก็จะพบว่า เป็นเรื่องปกติทั่วไป ที่มีการทำผิดกฎหมาย และต้องมีการดำเนินคดี

หากมองในมุมดีลการเมือง ความซับซ้อนจะเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาล และต้องหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่าใครทำดีลกับใคร เพื่ออะไร

เพราะดีลการเมืองจะฉกฉวยเอา คำพิพากษา หรือคำวินิจฉัยของศาลไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง

ความเห็นของ "จตุพร พรหมพันธุ์" น่าสนใจครับ

"...ทักษิณเป็นคนกลัวคุกและคิดทำเพื่อตัวเองเท่านั้น  ดังนั้นก่อนถึง ๑๘ มิถุนายนนี้ จะเห็นร่องรอยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น

ถ้าทักษิณ ไม่หลบหนีไปต่างประเทศ แต่ยอมถูกนำตัวฟ้องต่อศาลอาญาข้อหาคดี ม.๑๑๒ แล้ว นายเศรษฐา ต้องหลุดจากนายกฯ เพื่อแลกกับการได้ประกันตัว ถ้ารอผลวินิจฉัยของศาล รธน. ยิ่งจะเสี่ยงกับผลร้ายตามมามากกว่า...”

นี่คือการวิเคราะห์เพราะเชื่อว่ามีดีลการเมือง

แต่หากวิเคราะห์ไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ "นักโทษชายทักษิณ" มีแค่ ๓ ทางเลือก

อยู่สู้คดี อาจจะรอดคุก หรือไม่รอดก็ได้

อีกทางคือหนี

แต่ยังมีเวลามากพอที่จะหนี เพราะต้องต่อสู้ ๓ ศาลอย่างแน่นอน

ใช้เวลาเป็นปี

หรือกรณีนายกฯ เศรษฐา หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็ยังไม่แน่ว่าจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอน

หากถอดถอนก็เปลี่ยนรัฐบาล

ไม่ถอดถอนก็ทำงานต่อ

แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า มีร่องรอยการเมืองในคดีของ "นักโทษชายทักษิณ" และ "นายกฯ เศรษฐา" เต็มไปหมด

กลายเป็นแยกกันไม่ออกไม่ว่าจะมีดีลหรือไม่ก็ตาม

เอาแค่การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วันนี้ก็เริ่มจะลังเลกันแล้วว่า ควรจะนิรโทษกรรมผู้ต้องคดี ม.๑๑๒ ด้วยหรือไม่   

จากที่ก่อนหน้านี้พรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังเฉยๆ กันอยู่

ที่แน่ๆ ดีลการเมืองเพื่อช่วยคนเพียงคนเดียว จะล้มทั้งกระดาน

ฉะนั้นต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า สส.ไม่ใช่วัวควาย ที่ใครจะมาจูงจมูกได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คิดถึง สว.ลากตั้ง

ก็เรียบร้อยกันไป... เห็นหน้าเห็นตากันไปแล้วนะครับ สำหรับ ๒๐๐ สว. ที่มาจากการเลือกกันเอง และเลือกไขว้ สารภาพตามตรงว่า...เกือบทั้งหมด ไม่รู้จัก

แผน 'ล้าง' ก้าวไกล?

ข่าวล่า มาไว ตามแทบไม่ทัน ก็เรื่องที่ว่าพรรคเพื่อไทยตั้งธงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตัด สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ออกจากสารบบ เพื่อขวางก้าวไกลไม่ให้ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

ครบ ๙๒ ปีชิงอำนาจ

๒๔ มิถุนายน บรรจบมาอีกครั้ง ครบรอบวันเปลี่ยนแปลงการปกครองทีไร ต้องนึกถึง หนังสือ "เบื้องแรกประชาธิปตัย"

คดี ๑๑๒ ควรจบแบบไหน

เป็นความคิดที่ดี "โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา" นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว พิธีกรรายการข่าว มีข้อเสนอที่น่าสนใจ โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล