“วันนี้ขวัญตกใจมาก..
เพราะมีพี่ๆ นักข่าวโทรมาทางผู้ช่วยขวัญเยอะมาก เรื่องที่มีการประกาศขายบ้านของคุณพ่อ ขวัญเลยขออนุญาตชี้แจงผ่านทางนี้นะคะ
สมบัติของคุณพ่อที่ประกาศขายทุกชิ้น ขวัญไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เพราะที่ผ่านมา สมบัติของพ่อขวัญไม่เคยเข้าไปยุ่ง
แม้คุณพ่อจะเคยยกที่ดินที่บ้านอยุธยาให้ ขวัญก็ขอไม่รับ และขอให้พ่อยกให้ญาติคนอื่นแทน เพราะน่าจะเป็นประโยชน์กับเขามากกว่า
เพราะสำหรับขวัญ สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดคือการที่ได้เกิดมาเป็นลูกคุณพ่อ สรพงศ์ ชาตรี พระเอกในหัวใจของลูกคนนี้ตลอดไปค่ะ”
นี่..เป็นความรู้สึกที่ “ขวัญ” หรือ “พิมพ์อัปสร เทียมเศวต” ลูกสาวคุณสรพงศ์ กับคุณทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา” ได้โพสต์
หลังมีคนออกมาโพสต์ประกาศขายบ้านของอดีตพระเอกผู้ล่วงลับ ย่านรังสิต ในราคา 99 ล้านบาท!
ส่วนผมก็ตกใจเหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับบ้านไม้สักทองของพี่เอกถูกขาย แต่ตกใจกับข่าวที่เข้าหูว่า เวลานี้วัดสรพงศ์ หรือวัดหลวงพ่อโต ริมถนนมิตรภาพ อ.สี่คิ้ว บรรยากาศเงียบเหงาไปมาก
มาก..ถึงขนาดที่ คุณดวงเดือน จิไธสงค์ ภรรยาคุณสรพงศ์ที่รับผิดชอบดูแล “มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” กระวนกระวายใจ กินไม่ได้-นอนไม่หลับ
เพราะขืนเงียบเหงา ไร้ผู้ใจบุญแวะไปเยี่ยม-ไปทำบุญเหมือนครั้งคุณสรพงศ์ยังมีชีวิตอยู่ อย่างนี้ต่อไป ก็ไม่รู้จะเอาปัจจัยจากไหนมาเป็นค่าใช้จ่าย-ดูแลวิหารแห่งนี้!
ลำพังคุณดวงเดือนที่เสมือนหนึ่งลูกผู้หญิงตัวคนเดียว เห็นจะมืดบอด-จนปัญญาที่จะบริหารจัดการวิหารหลวงพ่อโตต่อไปได้
จึงได้ยินว่า คุณดวงเดือนได้เดินทางเข้ากราบนมัสการพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อขอคำแนะนำว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้วัดที่ไม่ใช่วัดได้มีชีวิตชีวาเหมือนแต่ก่อน
ซึ่งในความรู้สึกผม หนทางที่น่าจะเป็นไปได้คือต้องยกสถานที่แห่งนี้ให้เป็น “วัด” ที่หมายถึง “ที่อยู่ของพระสงฆ์” สำหรับปฏิบัติกิจทางศาสนา
เพราะตลอดมา แม้จะเรียกวัดสรพงศ์ก็ดี วัดหลวงพ่อโตก็ดี วัดโนนกุ่มก็ดี แต่ก็ไม่มีการปฏิบัติศาสนากิจ ด้วยไม่มีพระสงฆ์พำนักแม้แต่รูปเดียว!
นี่..ผมก็คิดเอาเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุณดวงเดือนจะได้รับการคำแนะนำจากพระผู้ใหญ่มาอย่างไร ให้รอดู-รอฟังอีกที?
ก็..ให้คิดถึงคุณสรพงศ์นะ คืนก่อนก็นอนดูหนังเรื่อง “เสาร์ 5” ที่แสดงกับคุณกรุง ศรีวิไล คุณนิรุตต์ ศิริจรรยา อยู่เลย
คิดเล่นๆ ในใจ สมัยนี้ถ้ามี “ขบวนการเสาร์ 5” ที่เป็นกลุ่มปฏิบัติการลับ คอยกวาดล้างขบวนการข้ามชาติ และคนชั่วช้าสามานย์ ก็น่าจะดี..
เผื่อจะช่วยตำรวจ อัยการ ศาล เบางานลงได้บ้างน่ะ!
พูดถึงอัยการ..หลังถูกมองจากสายตาสังคมไม่สู้ดีมานาน วานนี้มีเสียงแซ่ซ้อง-ปรบมือให้พอได้ชื่นใจ
ที่ท่านอัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีนั่งจ้อกับสื่อมวลชนที่เกาหลีใต้เมื่อปี 58 โน้น!
และแม้จะยังไม่สามารถนำตัวส่งฟ้องศาลได้ ด้วยนายทักษิณ “ปอดแหก” จากการติดเชื้อโควิด แต่ก็ได้เลื่อนนัดไปเป็นวันที่ 18 มิ.ย.67 ..แค่ไม่กี่อึดใจ!
“ขอขอบคุณท่านอัยการสูงสุดท่านนี้ ที่ทำให้องค์กรอัยการมีความน่าเชื่อถือและศรัทธามากขึ้น”
เปล่า..ไม่ใช่คำพูดผม หากคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เป็นคนโพสต์ ส่วนผมไว้รอ..
“ขอขอบคุณศาล” ขอรับ!.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประชาชนควรพึ่งประชาชน
วันนี้-1 มกราคม.. เริ่มต้นปฏิทินหน้าแรกของปีใหม่ พ.ศ.2568 ก็ขออนุญาตกล่าวคำอำนวยพรให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความสมหวัง ไม่เจ็บ ไม่จนกันนะครับ!
ผลพวงจาก 'ฉายา'
หยิกแกมหยอก หรือเหน็บแนมทีเล่นทีจริงพอได้ยิ้มหัว นั่นคือ เจตนารมณ์ ความตั้งใจแรกในการมอบฉายาให้กับ “ดารา นักร้อง คนบันเทิง” ที่ผม (สันต์ สะตอแมน) ได้เสนอต่อนายกสมาคมนักข่าวบันเทิงในยุคนั้น
เอาที่สบายใจ
อย่าเพิ่งยุบสภานะ! ผมขอร้องทั้งนายกฯ แพทองธาร ทั้งนายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ เพราะไม่รู้ใครมีอำนาจ (ตัดสินใจ) เหนือใครใน “รัฐบาล ‘พ่อ’ เลี้ยง” นี้?
หอยสังข์พันล้าน
จะมองว่า เป็นข่าวตลกก็มองได้.. แต่สำหรับเรื่องของกฎหมายแล้ว ผิดก็คือผิด เปรียบเหมือนขับรถฝ่าไฟแดง จะอ้างว่าฝ่าแค่ชั่วไม่กี่วินาทีไม่น่าผิดความผิดไม่ได้ฉันใด..
ยอมรับ..คนโลภมาก
วันนี้-คิดถึงลุงตู่! เปล่า..ไม่ได้คิดจะเอาลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรอกครับ!
เชื่อทักษิณป่วยจริง?
ศาลอนุญาตให้ออกนอกประเทศได้แล้วเหรออ?