"สำรวจตลาดเลือกตั้ง"

ชั่วโมงนี้.....

"คนกรุง" นอกจากตื่น "โอมิครอน" แล้ว ที่รองลงมา ก็ตื่น "เลือกตั้งซ่อม" เขต ๙ หลักสี่-จตุจักร นี่แหละ!

เมื่อวาน (๖ ม.ค.๖๕) เปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อมวันแรก ๗ พรรค ๗ ผู้สมัคร  เรียงให้ดูตามหมายเลขที่จับสลากกันได้ ดังนี้

เบอร์ ๑ นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ พรรคไทยภักดี

เบอร์ ๒ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า

เบอร์ ๓ นายสุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย

เบอร์ ๔ น.ส.กุลรัตน์ กลิ่นดี พรรค ยุทธศาสตร์ชาติ

เบอร์ ๕ นายรุ่งโรจน์ อิบรอฮีม พรรคไทยศรีวิไลย์

เบอร์ ๖ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ พรรคก้าวไกล และ

เบอร์ ๗ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ

ก็จะเห็นว่า "พรรคประชาธิปัตย์" ไม่ส่งคนเข้าสนามแข่งขัน! อ้างว่า กทม.เขต ๙ เป็นพื้นที่เดิมของพลังประชารัฐ

ในฐานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล "เพื่อมรรยาท" จึงไม่ส่งคนลงแข่ง

ดูเป็นการเปิด "ทางถอย-ทางหมอบ" ที่ผ่าเผยและสวยงาม และมองอีกมุม เป็นการสะบัดฝ่ามือใส่หน้าพลังประชารัฐกลายๆ เรื่อง "มรรยาทพรรคร่วม" ก็คงไม่ผิด

เพราะเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร เขต ๑ และสงขลา เขต ๖ เป็นพื้นที่ของประชาธิปัตย์แท้ๆ แทนที่พลังประชารัฐ จะหลีกทางให้เพื่อน กลับส่งคนลงแข่งทั้ง ๒ ที่

ชุมพร-สงขลา เลือก ๑๖ มกรา. ส่วนกทม.เขต ๙ เลือก ๓๐ มกรา.

ที่ชุมพร-สงขลา ถ้าพลังประชารัฐแพ้ ทั้งสองจังหวัด อ้างได้ว่า "เสมอตัว"

แต่ถ้าพูดถึงศักดิ์ศรี "เสียทั้งหน้า-เสียทั้งทรง" เป็นสัญญาณ "ขาลง" มีผลถึงเลือกตั้งใหญ่

เท่าที่ฟัง ที่ชุมพร พลังประชารัฐ ยังสู้พลังลูกหมีของประชาธิปัตย์ไม่ได้

แต่ที่สงขลา น.ส.สุภาพร "ประชาธิปัตย์" แม้เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน เรื่องเสียงน่ะ น.ส.สุภาพร หรือ "น้ำหอม" กินขาด!

แต่เรื่องคะแนน คงต้องลุ้นกันจนกรรมการขานหมายเลขใน "บัตรใบสุดท้าย" นั่นแหละ

เพราะคู่แข่งคือ "นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์" ของพลังประชารัฐ ในภาคใต้ มีใครล่ะ ที่จะไม่รู้จักนายอนุกูล

ในเมื่อ น.ส.สุภาพร "ประชาธิปัตย์" แพ้ไม่ได้

นายอนุกูล "พลังประชารัฐ" ก็ต้อง " ชนะลูกเดียว"

แล้วจะยังไง?

ก็ต้องสรุปว่า เขต ๖ สงขลา "ใครดี-ใครอยู่" หน้าตัก "ใครมี-ใครหมด" เท่านั้นแหละ เป็นตัวชี้ขาด

แต่ผมยังเชื่อว่า น.ส.สุภาพร ภรรยาของ ส.ส.เดชอิศม์ น่าจะเฉือนชนะ

ผลเลือกซ่อม ๑๖ มกรา.จะว่าไป ก็ไม่ต่างดัชนีชี้วัดถึงอนาคตของพรรคทั้งสองในเลือกตั้งใหญ่

ถ้าประชาธิปัตย์ยังแพ้ในพื้นที่ตัวเอง อนาคตก็น่าห่วง

ส่วนพลังประชารัฐ ชี้วัดในด้านว่า......

ถ้าพลังประชารัฐมีแค่ "พลเอกประวิตรกับธรรมนัส" ไม่มีพลเอกประยุทธ์ คนจะเลือกพรรคนี้ต่อไปมั้ย?

ย้อนมาดูทางเขต ๙ กทม.บ้าง การที่ประชาธิปัตย์ไม่ส่งคนลงสมัคร ถือว่าประเมินสถานการณ์ถูกต้อง เพราะลงไปก็แพ้ แล้วจะลงไปตอกย้ำแผลแตก เพื่ออะไร?

ถึงประชาธิปัตย์ไม่ลง.........

แต่อดีต "คนประชาธิปัตย์" ลงชิงชัยกันถึง ๒ คน ๒ พรรค คือ "พรรคไทยภักดี" ของ "หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม" ที่ส่งนายพันธุ์เทพลงแข่ง

และนายกรณ์ จาติกวณิช ที่ดีดตัวออกจากประชาธิปัตย์มาตั้ง "พรรคกล้า" ได้ส่งเลขาฯ พรรค "นายอรรถวิชช์" ลงแข่ง

และนายอรรถวิชช์ ก็เป็นอดีต ส.ส.เขตนี้ของพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน การลงสมัครครั้งนี้ ดูจะได้เปรียบคนอื่นๆ ตรงที่เคยเป็นเจ้าของพื้นที่มาก่อนหลายสมัย

และการลงแข่ง ชนิดมีตำแหน่ง "เลขาฯ พรรค" การันตี แสดงว่านายอรรถวิชช์มั่นใจมาก

แต่ผลงานการทำหน้าที่ ส.ส.ในรัฐสภาของหมอวรงค์ ในเรื่อง "โกงจำนำข้าว" เอาทั้งนายกฯ และรัฐมนตรีเข้าคุกบ้าง หนีคุกบ้าง โดดเด่น "ได้ใจ-ได้ศรัทธา" ชาวบ้านมาก

เมื่อแยกจากประชาธิปัตย์มาตั้งพรรคไทยภักดี ชิมลางด้วยการส่งคนลงสมัครในศึกเลือกตั้้งซ่อม

ชนกับพรรคคนกันเอง ชนกับพลังประชารัฐและกับเพื่อไทย ซึ่งต่างมีแต้มต่อคนละด้าน-สองด้าน

เบอร์ ๑ พันธุ์เทพ เบอร์ ๒ อรรถวิชช์ เบอร์ ๓ สุรชาติ และเบอร์ ๗ สรัลรัศมิ์
เบอร์ ๑ พรรคไทยภักดี ยังไม่มี "ฐานคะแนน" ในพื้นที่ มีแต่คะแนนศรัทธาล้วนๆ บวกกับคนเสื้อเหลือง
เบอร์ ๒ พรรคกล้า นายอรรถวิชช์ "เจ้าถิ่นเก่า" มี "ฐานคะแนนเดิม" เป็นแต้มต่อ โดยเฉพาะในเขตจตุจักร เสียงแน่น

ส่วนเบอร์ ๓ พรรคเพื่อไทย กับเบอร์ ๗ นางสรัลรัศมิ์ พูดถึง "ฐานคะแนน" ต่างคน-ต่างมี "แยกสี" กันออกไปชัดเจน

โดยนายสุรชาติ "อดีต ส.ส." ฐานคะแนนเสื้อแดง "แน่นปึ้ก" โดยเฉพาะในเขตหลักสี่
ส่วนนางสรัลรัศมิ์ ลงแทน "นายสิระ" สามีที่พ้นสภาพไป

พูดถึงฐานคะแนน ในเขตหลักสี่ นายสิระก็พอฟัด-พอเหวี่ยงกับนายสุรชาติ

แต่ที่นายสิระเฉือนชนะนายสุรชาติครั้งที่แล้ว นั่นเพราะคนต้องการให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ จึงเทคะแนนให้พลังประชารัฐ

เลือกซ่อม ๓๐ มกรา.นี้ .......

ผลเลือกตั้งระหว่างนายสุรชาติกับนางสรัลรัศมิ์ จะเป็นคำตอบว่า

คนเขต ๙ "หลักสี่-จตุจักร" จะเลือกใคร ระหว่าง

พลังประชารัฐ ยุค "ผยองกับนายกฯ"

กับเพื่อไทย ยุค "คลับเฮาส์" เห่าสั่งการ

หรือไม่เลือกทั้ง ๒ พรรค....

หันไปเลือก "ไทยภักดี" ที่ชัดเจนเรื่อง "ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์"

หรือ "พรรคกล้า" ที่มีสโลแกน "เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก"

เสียดายที่ "พรรค ๔ กุมาร" ของอุตตม-สนธิรัตน์-สมคิด-กอบศักดิ์" เพิ่งเปิดตัว ยังไม่เปิดพรรค

ถ้าลงสนามซ่อมครั้้งนี้อีกพรรค คงเรียกความสนใจได้อีกโข

พรรคไทยภักดี กับพรรค ๔ กุมาร ที่ประกาศตัวแล้ว จากสังเกต ชาวบ้านให้น้ำหนัก-ให้ความสนใจด้าน "ทิศทางเปลี่ยน" ทางการเมืองในอนาคตมาก

ยิ่งนายกฯ ประยุทธ์กับพรรคพลังประชารัฐ ทีท่าจะไปด้วยกันไม่ได้ด้วยแล้ว เมื่อ ๔ กุมารประกาศลงสนาม เท่าที่ฟัง คนเชื่อเครดิต "นายสนธิรัตน์" ด้านเศรษฐกิจที่เป็นจริงมาก

ทำไป-ทำมา.......

เพื่อไทย อาศัยแค่ "เสื้อแดง" ก็หากินทางการเมืองเลือกตั้งได้สบายๆ

แต่พลังประชารัฐ เมื่อบ่งท่าที "อยากเป็นใหญ่" ไม่ต้องพึ่งบารมีพลเอกประยุทธ์ ในความที่ไม่มีฐานเสียง-ฐานคะแนนแน่นอน มีแต่คะแนนศรัทธานายกฯ

ถึงตอนนี้ จึงเริ่มแกว่ง!

ยิ่ง "ไทยภักดี" เปิดตัว "พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช" ที่ลาออกจาก "นายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ" มาเป็นเลขาธิการพรรคด้วยแล้ว

พรรคไทยภักดีกับพรรค ๔ กุมาร จึงเป็นพรรคการเมือง "ทางเลือกใหม่" ของประชาชนไปทันที

คุยกันคร่าวๆ ไว้แค่นี้นะ อย่าไปปักใจอะไร เพราะการเมืองไทย เปลี่ยนได้เป็นรายนาที!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ร่างฯ 'หัวขวด' เพื่อใคร?

"นักการเมือง" คือคนโง่ เพราะทำอะไรก็ยาก มีกฎหมายหลักคือรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกคือ พ.ร.บ.ต่างๆ

'Grab rider ต้วง'

ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา