ลุยปั๊มรายได้จากการท่องเที่ยว

จากนโยบายของรัฐบาลที่ยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) และต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายของการเป็น Aviation Hub ที่มีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางกว่า 150 ล้านคนต่อปีภายในปี 2573 จากการที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ทำให้กระทรวงมีการตั้งเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านบาท

ล่าสุด นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-26 พฤษภาคม 2567 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแตะระดับ 14 ล้านคน และในสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 20-26 พฤษภาคม

จากการมีวันหยุดในวันวิสาขบูชา (Wesak day) ในหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ (Short haul) เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก หรือเพิ่มขึ้น 7.3% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นถึง 36,242 คน หรือ 44.49% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์นี้ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 596,552 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 24,595 คน หรือร้อยละ 4.30 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 85,222 คน

สำหรับ5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 122,458 คน มาเลเซีย 117,711 คน อินเดีย 45,825 คน เกาหลีใต้ 25,067 คน และลาว 24,346 คน โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซียและอินเดียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 44.49% และ 7.84% ในขณะที่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ลาว และจีน มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 12.41% 9.59% และ 2.27%

ส่วนสัปดาห์ถัดไปคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การมีวันหยุดในประเทศมาเลเซีย (Agong’s birthday) และการมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย เช่น การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวันและคาซัคสถาน และการยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก 8 ด่าน แก่นักท่องเที่ยวมาเลเซียและลาว

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 พบว่าประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 พ.ค.67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 14,326,507 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 682,975 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 2,831,662 คน มาเลเซีย 1,909,740 คน รัสเซีย 836,868 คน อินเดีย 810,513 คน และเกาหลีใต้ 785,600 คน

ขณะที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการและแนวทางการตรวจลงตรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ผ่านมาถดถอยเรื้อรังมายาวนาน โดยทำให้อัตราการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงขึ้น หนี้ครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น

ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น คือการให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา หรือฟรีวีซ่า ให้กับ 93 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 36 ประเทศ จากเดิมที่ 57 ประเทศ สามารถพำนักในไทยไม่เกิน 60 วัน โดยเป็นมาตรการของไทยฝ่ายเดียว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยประเทศที่เพิ่มขึ้น เช่น อินเดีย ไซปรัส ฟีจี จอร์เจีย คาซัคสถาน มอลตา ไต้หวัน เป็นต้น เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้

นอกจากนี้ การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) ได้ปรับปรุงรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองใหม่เพิ่มเป็น 36 ประเทศ จากเดิม 19 ประเทศ สำหรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเปิดวีซ่าฟรีเพิ่มขึ้น 36 ประเทศ สามารถพำนักยาวขึ้นอีกเป็น 60 วัน ทำให้กระทรวงการต่างประเทศสูญเสียรายได้ 12,300 ล้านบาท ถือว่ายอดเงินไม่น้อย แต่หากเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ได้เล็งไปที่ระดับ 8 แสนล้านบาท-1 ล้านล้านบาท

ขณะที่วีซ่าประเภทคนต่างด้าวที่มีทักษะและทำงานทางไกลผ่านระบบดิจิทัล หรือทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกัน กลุ่มฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระ ปัจจุบันสามารถพำนักได้ 60 วัน และอยู่ได้ครั้งเดียว 30 วันเท่านั้น จะให้สิทธิประโยชน์อายุวีซ่าขยายเป็น 5 ปี สามารถพำนักได้ครั้งละ 180 วัน และขยายอยู่ต่อได้อีกไม่เกิน 180 วัน ส่วนกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่เข้ามาเรียนระดับปริญญาตรีขึ้นไป โดยขยายเวลาพำนักในประเทศไทยหลังสำเร็จการศึกษาได้ 1 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกหากต้องการหางานทำ เดินทางท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นๆ.

 

กัลยา ยืนยง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ต้องเคร่งครัดและแก้ไขจริงจัง

สืบเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา รถไฟฟ้า “สายสีเหลือง-สายสีชมพู” ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าโมโนเรล 2 สายแรกของประเทศไทย ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการและสาธารณชน

จับตา “AI” เปลี่ยนตลาดแรงงานทั่วโลก

ปัจจุบันต้องยอมรับว่า AI เข้ามามีบทบาท และมีประโยชน์ในภาคธุรกิจหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาดที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้ามากขึ้น หรือแม้กระทั่งการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจในหลากหลายมิติ ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของภาคธุรกิจในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บี้เร่งสปีดแหลมฉบังเฟส 3

เมื่อพูดถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นโครงการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

จับตา“ทุเรียนไทย”ราคาสูง แต่ผลผลิตแผ่ว

ถ้าพูดถึง “ทุเรียน” ประเทศไทยถือเป็นเบอร์ต้นๆ ของราชาผลไม้ชนิดนี้ ไม่ว่าจะขายในประเทศหรือส่งออก เรียกได้ว่าสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลเองก็ได้เร่งสนับสนุนเรื่องการส่งออกทุเรียน

เตรียมแผนท่องเที่ยวรับโลว์ซีซั่น

จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 มิ.ย.2567 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 15,543,344 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 736,096 ล้านบาท

แรงงานอ่อนดิจิทัลฉุดศก.สูญ3.3พันล้าน/ปี

“สถานการณ์แรงงาน” ยังเป็นอีกประเด็นที่น่าจับตา โดยข้อมูลล่าสุดจาก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้เปิดเผยถึงภาพรวมการจ้างงานในไตรมาส 1/2567