ภายใต้สีสัน บรรยากาศ แห่งการ อยู่ๆ กันไป ...นอกเหนือไปจาก นักการเมือง ทั้งหลายแล้ว ดูเหมือนแต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่าย ต่างออกอาการซึมๆ เซาๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่ประเภทที่หนักไปทาง ไฮเปอร์ แอคทีฟ อย่างบรรดาเด็กแว้น เด็กเวร ทั้งหลาย เจอเข้ากับการขึ้นโรง ขึ้นศาล ติดคุก ติดตะราง หาช่อง หาทางประกันตัวแทบไม่ได้ เลยกลายสภาพเป็น ไก่หงอย ออกอาการคล้ายๆ ผู้ติดเชื้อ Omicron กันไปเป็นรายๆ...
-----------------------------------------------
คือแม้ไม่ถึงกับตาย...แต่คงต้องอ่อนเปลี้ย เพลียแรง ไอค็อกๆ แค็กๆ ไอกระด๊อกกระแด๊กไปตามเรื่อง ตามราว แต่ก็นั่นแหละ ท่ามกลางความสลบไสล ซึมๆ เซาๆ ในลักษณะเช่นนี้ บรรดาผู้ที่ต้องถือเป็น มนุษย์พันธุ์พิเศษ หรือประมาณคล้ายๆ พวก สัตว์ประหลาด ทั้งหลาย
ประเภทมีทั้งปีก ทั้งหาง เขี้ยวยาวเฟื้อยเลื้อยลากดิน เกล็ดแตกลายงา แถมพ่นไฟได้ด้วยอีกต่างหาก อันได้แก่บรรดา นักการเมือง ระดับเสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ และสมเสร็จ ฯลฯ ในแต่ละพรรค แต่ละราย ย่อมต้องถือเป็น ข้อยกเว้น อย่างมิอาจปฏิเสธ การแสดงออกถึงความกรี๊ดๆ กร๊าดๆ ความคึกคัก โครมคราม ไม่ว่าในส่วนบุคคล หรือในแง่พรรคพวก องค์กร จึงเริ่มปรากฏให้เห็นไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ...
----------------------------------------------------
ยิ่งภายใต้ความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ทางการเมือง...ที่ทำให้สถานะความเป็นรัฐบาล ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ยุทธ์โทรม ชักก่อให้เกิดคำถาม เกิดความสับสน ระส่ำระสาย ปรากฏให้เห็นเป็นข่าวคราวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูยิ่งจะส่งผลให้เกิด ความเคลื่อนไหว เกิดเสียงแกรกๆ กรากๆ อันเนื่องมาจากการ ลากเขี้ยว ผ่านพื้นคอนกรีต หรือผ่านไปตามถนน หนทาง ต่างๆ เกิดการรวมกลุ่ม รวมตัว แยกกลุ่ม แยกตัว จนคล้ายๆ ใกล้จะถึง คิวเลือกตั้ง กันในวันนี้ วันหน้า เอาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าโดยกำหนดการอย่างเป็นทางการ อาจเหลือเวลาอีกยาวเป็นปีๆ ก็ตาม...
--------------------------------------------------------
แต่ไม่ว่าจะเกิด ความเคลื่อนไหว กันในลักษณะไหนต่อลักษณะไหนก็เถอะ!!! มันคงไม่ได้ก่อให้เกิดสีสัน บรรยากาศ แห่งการเปลี่ยนแปลง การยกระดับ พัฒนา อะไรต่อมิอะไรมากมายซักเท่าไหร่นัก คือยังคงเป็นเพียงแค่ความเมามันซ์ซ์ซ์ ความกรี๊ดๆ กร๊าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ ของกลุ่ม คนหน้าเดิม พวกเดิมๆ พรรคเดิมๆ อีกต่อไปนั่นเอง ไม่ได้มีอะไรใหม่ ไม่ได้มีอะไรผิดแผกแหวกแนว ไปจาก กระแสการเมือง ที่ไหลแบบวนไป-วนมา ร่วมๆ เกือบศตวรรษไปแล้วก็ว่าได้ อย่างมาก...ก็อาจแค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนกล่อง เปลี่ยนขวด เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง ฯลฯ อะไรประมาณนั้น แต่บรรดาเนื้อหา สาระ ที่ถูกบรรจุไว้ภายในแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม...
--------------------------------------------------------
แม้แต่ประเภทที่พยายามจะ พลิกฟ้า-คว่ำดิน ก็ตาม...เอาไป-เอามาแล้ว ก็ยังเต็มไปด้วยพวกที่ถนัดและเชี่ยวชาญในการลื่นไถล แฉลบออกข้าง พร้อมที่จะล่อหลอก ล่อลวงใครต่อใคร แบบชนิดไม่ต่างไปจาก เปาปล้อนปลิ้น ไม่ใช่ เปาบุนจิ้น ฉบับของแท้แต่ดั้งเดิมแต่อย่างใด แต่อย่างว่า...ภายใต้กระแสการเมืองโดยทั่วไป ที่ยังเต็มไปด้วยพวก รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก เหมือนดังที่อภิมหานักทฤษฎีทางการเมืองชาวอิตาลี อย่าง นิโคโล แมคเวียลลี ท่านเคยสรุปเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วนั่นแหละว่า... “คนทั่วไปนั้นเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา ที่มักถูกครอบงำโดยความต้องการในปัจจุบัน จนผู้ที่เชี่ยวชาญในการหลอกลวง สามารถพบผู้ที่พร้อมจะให้หลอกลวงได้เสมอๆ” ทำนองนั้น สิ่งที่อาจดูแปลกๆ-ใหม่ๆ ในแง่ รูปแบบ สุดท้าย...ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากเดิมๆ นั่นคือการมุ่งแสวงหาอำนาจและอิทธิพล เพื่อ ตัวกู-ของกู เพื่อพวกกูพรรคกู ไปด้วยกันทั้งนั้น...
--------------------------------------------------------
ส่วนสิ่งที่ต้องถือเป็น เนื้อหา สำหรับความเป็นไปทางการเมือง ไม่ว่ารูปไหนต่อรูปไหน ไม่ว่าจะเผด็จการ หรือประชาธิปไตยฉบับของแท้แต่ดั้งเดิม หรือฉบับพิเศษที่มีลักษณะโดยเฉพาะก็ตาม คงหนีไม่พ้นไปจากสิ่งที่ อภิมหาพระ อย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเคยย้ำแล้ว ย้ำอีก ขณะยังคงมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด นั่นก็คือต้องมี ธรรมะ หรือคุณธรรม ศีลธรรม มโนธรรม และความยุติธรรม ฯลฯ เป็นรากฐาน อันนี้นี่แหละ...ที่มันเป็นสิ่งที่ขาดหาย สูญหาย ไปจากสิ่งที่เรียกว่า การเมือง ชนิดแทบไม่เหลือติดปลายนวมยิ่งเข้าไปทุกที ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันเลย วนไป-วนมา เลยต้องตกอยู่ภายใต้วัฏจักร วงจร ที่เรียกขานกันในนาม วงจรอุบาทว์ ร่วมๆ ศตวรรษมาแล้วเห็นจะได้...
----------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะพรรคเก่า พรรคใหม่ นักการเมืองหน้าเก่า หน้าใหม่ หรือหน้าไหนๆ ก็เถอะ ไม่ว่าจะงัดเอามาตรการ นโยบายใดๆ ออกมาปลิ้นปล้อน หลอกลวง หรือออกมา หาเสียง กันในลักษณะไหน แต่ถ้าโดยวัตรปฏิบัติแล้ว ปราศจากเสียซึ่งคุณธรรม ศีลธรรม มโนธรรม ยุติธรรม หรือไม่ได้ยึดมั่นต่อ ธรรมะ ใดๆ เอาไว้เลย ก็ล้วนแล้วแต่ไม่น่าจะเสียเวลาไปกรี๊ดๆ กร๊าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น สู้หันมาปรับตัว ปรับใจ หันมายกระดับตัวเอง พัฒนาตัวเอง ให้ยึดมั่นต่อ ธรรมะ มากๆ เข้าไว้ อันนั้นนั่นแหละ...ที่อาจพอช่วยให้ ประชาธิปไตย ไม่ต้องกลายสภาพไปเป็น ประชาธิป-ตาย เหมือนอย่างที่ ท่านพุทธทาสฯ ท่านได้บอกกล่าวไว้แล้วล่วงหน้า ว่า “ประชาธิปไตย ที่ว่าของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชนนั้น ใช้ได้แต่เฉพาะประชาชนที่มีธรรมเท่านั้น เพราะถ้าประชาชนไม่มีธรรม มันต้องกลายเป็นประชาธิป-ตายเท่านั้นเอง...”
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก พุทธทาสภิกขุ... “ธรรมมีความเป็นประชาธิปไตยอยู่ภายในตัวเอง เพราะหมายถึงความไม่เห็นแก่ตัวอยู่โดยธรรมชาติ อย่าแยกความไม่เห็นแก่ตัวออกจากประชาธิปไตยอีกต่อไปเลย...”.
--------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น