ก้าวไกลจะเป็นใหญ่

น่าจะได้ข้อสรุปแล้วล่ะครับ

"นักโทษชายทักษิณ" โชว์กร่าง เพื่อ ก้าวไกลแลนด์สไลด์

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการแถลงผลโพลให้ขนลุกเล่น

สถาบันพระปกเกล้า (โพลพระปกเกล้า) โดย สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกับ สำนักส่งเสริมการเมืองภาคพลเมืองและศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง ๗๖ จังหวัด สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "ความนิยมในพรรคการเมืองและนายกรัฐมนตรี: ๑ ปีหลังการเลือกตั้ง ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖"

ใครใจไม่แข็งไม่ต้องอ่านต่อนะครับ

เสี่ยงหัวใจวาย!

ส่วนคนใจแข็งทั้งหลาย เชิญตามมาครับ

โพลพระปกเกล้า ตั้งคำถาม ๒ คำถาม

คำถามแรก ถ้ามีการเลือกตั้ง สส.ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต

ร้อยละ ๓๕.๗ ระบุว่า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล

ร้อยละ ๑๘.๑ ระบุว่า จะลงคะแนนเลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

ร้อยละ ๑๑.๒ ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย

ร้อยละ ๙.๒ ผู้สมัครจากพรรครวมไทยสร้างชาติ

ร้อยละ ๗.๘ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ

ร้อยละ ๕ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์

ร้อยละ ๑.๖ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา

ร้อยละ ๑.๒ ผู้สมัครจากพรรคประชาชาติ ตามลำดับ

ในขณะที่มีผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าจะลงคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจเลือกใครในตอนนี้ รวมกันอีก ร้อยละ ๑๐.๒

คำถามที่สอง ถ้ามีการเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะลงคะแนนให้แก่บัญชีรายชื่อของพรรคใด

ร้อยละ ๔๔.๙ ระบุว่า จะลงคะแนนให้พรรคก้าวไกล

ร้อยละ ๒๐.๒ ระบุว่า จะลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย

ร้อยละ ๑๐.๙ พรรครวมไทยสร้างชาติ

ร้อยละ ๓.๕ พรรคภูมิใจไทย

ร้อยละ ๓ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์

ร้อยละ ๑.๓ พรรคประชาชาติ

ร้อยละ ๐.๗ พรรคชาติไทยพัฒนา ตามลำดับ

นอกจากนี้น่าสนใจว่า ยังมีผู้ตอบที่ระบุว่าจะลงคะแนนให้พรรคการเมืองอื่นๆ หรือไม่ต้องการลงคะแนนให้พรรคใดเลยในตอนนี้ รวมกันถึงร้อยละ ๑๒.๖

ครับ...ถ้าเป็นตามนี้ ดูเหมือน พรรคพลังประชารัฐ  ประชาธิปัตย์ ยังไม่ฟื้น และสถานการณ์แบบนี้น่าจะฟื้นยาก

รวมไทยสร้างชาติ กับภูมิใจไทย ทรงๆ

เหลือพรรคใหญ่ ๒ พรรคที่ต้องแข่งกัน

หมดยุค เหลือง-แดง

แต่เป็น ส้ม-แดง เต็มตัว

ไม่แปลกใจกับผลโพลครับ เพราะถ้ามีเลือกตั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มันก็จะประมาณนี้

เรียกได้ว่า "นักโทษชายทักษิณ" ช่วยปลุกกระแสส้มฟีเวอร์โดยแท้

แทบไม่ต่างจากการเลือกตั้งปี ๒๕๔๔ วันนั้น "ทักษิณ" ฟีเวอร์เป็นของใหม่เพิ่งวางตลาด ใครๆ ก็อยากลอง โดยเฉพาะคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ก็เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคไทยรักไทย

ตั้งรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาได้ในที่สุด

เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อปี ๒๕๖๕ ก็อยู่ในข่ายเดียวกัน

เหลืองผสมแดงเจือส้ม เทคะแนนให้ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ๑.๓ ล้านเสียง

แล้วคนกรุงก็ได้ผู้ว่าฯ กทม.ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเลือกตั้งพรุ่งนี้ พรรคก้าวไกลจะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย อาจทะลุ ๓๐๐ เสียงด้วยซ้ำ

ไม่แน่อาจเหยียบ ๔๐๐ เสียง

ไม่ได้เมากาวเพราะใกล้กาวนะครับ แต่โหวตเตอร์ประเทศไทยมีลักษณะพิเศษ

คือขี้เบื่อ พอๆ กับขี้ลืม

ฉะนั้นทุบโต๊ะครับ หากมีการเลือกตั้ง รัฐบาลหน้าคือรัฐบาลก้าวไกล! แต่อาจจะในนามชื่อพรรคอื่น หากไม่รอดจากการยุบพรรค

และดีลลังกาวี จะมีจริงหรือไม่ จะโดยฝีมือใครก็ตาม แต่มันคือดีลรนหาที่ตาย

สำหรับพรรคก้าวไกล หากถูกยุบพรรค มันก็คือวิกฤตที่สามารถพลิกเป็นโอกาสได้อย่างง่ายดาย

การถูกยุบเพราะ ม.๑๑๒ จะกลายเป็นเงื่อนไขเชิงบวก หากไม่เล่นการเมืองแบบโง่ๆ เหมือนก่อน

จะเป็นข้ออ้างให้พรรคก้าวไกลไม่พูดถึงการแก้ ม.๑๑๒ อีกต่อไป หากชนะเลือกตั้งไม่ขาด ไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้

เมื่อหมดเงื่อนไขแก้ ม.๑๑๒ ทุกพรรคการเมืองพร้อมที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลอย่างคล่องคอ

แต่หากพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง ๓๐๐-๔๐๐ เสียง สะเทือนแน่นอน

ที่สะเทือนเพราะพรรคก้าวไกลไม่ได้วางแผนชนะเลือกตั้งในสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว

วุฒิสภา จะมีคนที่มีแนวคิดแบบพรรคก้าวไกลเป็นเสียงข้างมากเช่นกัน

ถึงตอนนี้อาจสายไปแล้วก็ได้ที่จะบอกว่าให้ระวังพรรคก้าวไกล เพราะเคยเตือนแล้วว่าการทัวร์ของ "ธนาธร" คือ แผนการบล็อกโหวตเลือก สว.แบบเนียนๆ

กกต.บอกว่า ไม่ผิด "ธนาธร" แค่เชิญชวนไปสมัคร สว.

พลาดไปแล้วครับ

ผู้สมัคร สว.สายสีส้มมีแทบทุกอำเภอ แต่ละสาขาอาชีพ ไม่ได้มาเดี่ยว

ถึงเวลาเลือกกันเองของผู้สมัคร สว. ระดับอำเภอ  ระดับจังหวัด จนถึงระดับประเทศ จะรู้กันเอง แล้วจะด่ากันขรม เลือกแบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ

อีกสะเทือนคือ เลือกตั้งท้องถิ่น

คราวที่แล้วสีส้มล้มไม่เป็นท่า มาคราวนี้บ้านเล็กบ้านใหญ่เริ่มหนาวในหน้าร้อน 

ก้าวไกลวางแผนยึดสนามภูธรทั่วประเทศ

สำนักโพลไหนว่างงานลองไปสำรวจดูแล้วจะรู้ ใครนอนมา

"ธนาธร" ขยับแล้วนะครับ....

 "...เหลือเวลาอีก ๓ ปี จะว่าไปก็ ๓ ปีพอดีเลย พรรคก้าวไกลต้องทำงานหนักกว่านี้ เราต้องการข้ามเส้น ๒๕๐  ให้ได้ ถ้าทำได้ในปี ๒๕๗๐ ทศวรรษ ๒๕๗๐ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง อีก ๓ ปี ทำงานให้หนัก วันนี้มาไกลกว่าที่พวกเราคิดตอนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้ว แต่ยังไม่พอ เรามีเวลาอีก ๓ ปี ไปสู่จุดนั้น..."

นี่...ก็เตือนกันไว้ ยิ่ง "นักโทษชายทักษิณ" โชว์ออฟ รัฐบาลเศรษฐายิ่งตาย ก้าวไกลยิ่งโต

แต่อย่าตกใจไป ก้าวไกลจะโตแต่ตัว หัวลีบ

เพราะโหวตเตอร์ ขี้เบื่อ พอๆ กับขี้ลืม ก้าวไกลมาไวไปไว ทุกอย่างขึ้นกับ "กระแส"

แล้วการเมืองจะเปลี่ยนโฉมอีกครั้ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทลายทุนผูกขาด

ชื่นใจ... ชื่นใจในความรวยของเศรษฐีไทยครับ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ ๓๑ แล้วครับ

นายกฯ ฝึกงาน

ขยี้ตาสิบที... แถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนแน่นะ "อิ๊งค์" ไปดูอีกทีกับการแถลงข่าววานนี้ (๑๒ ธันวาคม)

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ

ง่ายๆ แค่เลิกโกง

อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ