การเมืองเวียดนามวุ่นๆ มาหลายปี เหตุเพราะการปราบคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ
พอขุดคุ้ยเข้าลึกๆ ก็เจอผู้นำระดับสูงที่เข้าถูกโยงใยกับความประพฤติที่น่ารังเกียจเหล่านี้
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน มีการประกาศตั้งนายพลโต แลม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเป็นประธานาธิบดี
เท่ากับเป็นการยกระดับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการปราบปรามการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางขึ้นสู่ตำแหน่งที่ทรงอำนาจเป็นอันดับ 2 ในการเป็นผู้นำระดับชาติของเวียดนาม
เหตุเกิดเมื่อวันพุธก่อน รัฐสภาเวียดนามได้เลือกนายพลโต แลม ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคคอมมิวนิสต์ให้มาเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร
มีอำนาจหน้าที่รองจากเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เท่านั้น
พลเอกโต แลม จะดำรงตำแหน่งแทนอดีตประธานาธิบดีหว่อ วัง เถิง ผู้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคม หลังจากอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 1 ปี
โดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามบอกสาธารณชนว่า อดีตผู้นำรายนี้ “ละเมิดกฎของพรรค”
การโยกย้ายครั้งถือเป็นการสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำเวียดนามครั้งล่าสุด เหมือนเป็นซีรีส์ดรามาความวุ่นวายการเมืองระดับสูงกันเลยทีเดียว
การรณรงค์ปราบปรามฉ้อราษฎร์บังหลวงของเวียดนามเริ่มต้นมาหลายปีแล้ว พอเอาจริงเรื่องนี้ก็หนีไม่พ้นว่าจะต้องเผชิญกับการไปแตะผู้มีอำนาจ
เป็นที่กล่าวขวัญกันว่า นายพลโต แลม ได้รับการยอมรับ เพราะเป็นหัวหน้าโครงการปราบปรามการคอร์รัปชันภายใต้ชื่อ “เตาหลอมที่ลุกโชน (blazing furnace)”
ซึ่งเป็นนโยบายที่วางโดยเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหงียน ฟู จ่อง
ทำให้จับกุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลและนักธุรกิจเวียดนามหลายพันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ระดับนำที่ถูกกดดันให้ต้องไขก๊อก เพราะมีความมัวหมองเรื่องความประพฤติที่เข้าข่ายน่าสงสัย มีตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีเหงียน ซวน ฟุก และสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร (Politburo) ที่มีอยู่ 6 คน จากสมาชิกรวมทั้งหมด 18 คนของเวียดนาม
รวมทั้งอดีตประธานสภาฯ ซึ่งต่างก็ต้องก้าวลงจากตำแหน่ง เพราะข่าวการพัวพันกับกิจกรรมที่ส่อพิรุธไปทางเอาผลประโยชน์ส่วนตนเหนือผลประโยชน์ของชาติ
ต้นเมษายนที่ผ่านมานี้เอง เชือง มี้ ลัน นักธุรกิจสาวชื่อดังที่สุดคนหนึ่งในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เวียดนามถูกศาลตัดสินประหารชีวิต
โดนข้อหาคดีฉ้อโกงมูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 450,000 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับเกือบ 3% ของจีดีพีของเวียดนาม เมื่อปี 2022 เลยทีเดียว
มีความเชื่อในหมู่นักเฝ้ามองการเมืองเวียดนามว่า การขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของโต แลม แม้จะเป็นเก้าอี้ที่ไม่มีอำนาจมากนัก แต่ก็อาจจะเป็นการปูทางให้เขาก้าวเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คนใหม่แทน เหงียน ฟู จ่อง ที่ปีนี้อายุ 80 ปี และอยู่ในตำแหน่งเบอร์ 1 ของประเทศเป็นสมัยที่ 3 แล้ว
แต่ก็ใช่ว่าประวัติการทำงานของนายพลโต แลม จะไร้มลทินเสียทั้งหมด เพราะเขาเคยถูกวิจารณ์ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการปราบปรามองค์กรประชาสังคมต่างๆ ในเวียดนามมาแล้ว
รวมถึงกรณีการลักพาตัวอดีตนักการเมืองเวียดนามในกรุงเบอร์ลิน เมื่อปี 2017 แต่เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
ในประมาณ 3 ปีก่อน มีผู้พบเห็นเขาในวิดีโอที่กำลังรับประทานสเต๊กเคลือบทองคำเปลวในร้านอาหารหรูในลอนดอนที่บริหารงานโดยเชฟชื่อดัง Nusret Gökçe หรือที่รู้จักกันในชื่อ Salt Bae
คลิปวิดีโอนั้นก่อให้เกิดเสียงถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง และในที่สุดเชฟคนนั้นก็ถอดวิดีโอออกจากช่องทางออนไลน์
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกำลังเดินตามรอยพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต้องเอาจริงกับเรื่องฉ้อฉลในระดับสูง
อย่างที่ สี จิ้นผิง เคยประกาศเอาไว้ว่า “ถ้าพรรคคอมมิวนิสต์มีคอร์รัปชัน พรรคก็อยู่ไม่ได้ พรรคอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้”
แม้ผลของการเขย่าระดับหัวจะต้องเจอกับความผันผวนทางการเมือง ก็ดูเหมือนว่าระดับนำของพรรคก็เตรียมใจแล้วว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายเช่นนี้
จึงนำมาซึ่งความวุ่นวายทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะที่เวียดนามได้กลายเป็นทางเลือกแห่งการผลิตระดับสากลแทนจีน
การปราบคอร์รัปชันที่มุ่ง “จับปลาตัวใหญ่” มาจากนโยบายเบอร์ 1 ของพรรคเหงียน ฟูจ่อง
ปฏิกิริยาลูกโซ่ส่งผลให้ประธานาธิบดี 2 คนต้องถูกบีบให้ลาออกตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
สำหรับประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว เขามีอีกตำแหน่งหนึ่งที่เสริมบารมีในการทำงานการเมือง นั่นคือ รองหัวหน้าคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตของพรรคคอมมิวนิสต์อีกด้วย
พอขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี โต แลม ก็ก้าวขึ้นสู่ระดับผู้นำ 1 ใน 4 หรือ “4 เสือ” ของโครงสร้างอำนาจการเมืองในเวียดนามทันที
อีก 3 เสือคือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ นายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา
ความวุ่นวายทางการเมืองในเวียดนามเกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐกำลังเป็นไปอย่างคึกคัก...จนจีนเกิดความระแวงเพื่อนบ้านเวียดนาม
ปีที่แล้วเวียดนามดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมูลค่า 37 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
หากจะยังรักษาความไว้วางใจของทุนต่างชาติ รัฐบาลเวียดนามก็ต้องจัดการกับความอึมครึมของอำนาจรัฐ และการต้องวิ่งเต้นจ่ายสินบนในระดับสูงด้วย
เล มิงห์ ไค รองนายกรัฐมนตรี เตือนว่า การเติบโตของเวียดนามอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและค่าเงินที่อ่อนค่าลง
เขาบอกว่ารัฐบาลเวียดนามจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค
น่าติดตามว่าการปราบคอร์รัปชันแกนนำระดับพรรคและรัฐบาลของเวียดนามจะทำได้ตลอดรอดฝั่ง โดยไม่มีผลข้างเคียงทางการเมืองและการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาระหว่างกลุ่มต่างๆ หรือไม่
เพราะจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการชำระสะสางสิ่งโสโครกในระบบการเมืองของเวียดนามจะไปตลอดรอดฝั่งจริงหรือไม่เพียงใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว