เมื่อปักกิ่ง ‘ซ้อมยึดเกาะไต้หวัน’!

จีนคงไม่ได้เพียง “ลงโทษ” ประธานาธิบดีไต้หวันคนใหม่ไล้ ชิงเต๋อที่ประกาศในวันสาบานตนรับตำแหน่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าไต้หวันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจีน

แต่ยังต้องการส่งสัญญาณไปถึงอเมริกาว่าอย่ามายุ่งกับ “เรื่องในบ้านของฉัน”

ถามว่าสี จิ้นผิงกำลังจะเตรียมส่งกองทัพบุกยึดไต้หวันจริงไหม?

ก็ต้องบอกว่ายังไม่เกิดในเร็ว ๆ นี้แน่นอน

แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการ “ซ้อมความพร้อม” ครั้งใหญ่ที่ต้องการจะตอกย้ำให้ผู้นำไต้หวันคนใหม่อย่าได้กร่างเกินเหตุ

ภาษาจากปักกิ่งดุดันเต็มรูปบบ แต่ก็เป็นเพียง “วาทะสงคราม” ยังมิใช่เป็นการเตรียมบุกเกาะแต่อย่างไร

เพราะจีนรู้ดีว่า “ค่าใช้จ่าย” ในการเปิดศึกยึดเกาะจริง ๆ นั้นอาจจะแพงเกินกว่าที่จะคุ้มกับความเสี่ยง

แต่สี จิ้นผิงก็อยู่เฉย ๆ กับคำประกาศ “อันจองหอง” ของไล้ ชิงเต๋อไม่ได้เช่นกัน

เดี๋ยวจะเหลิง นึกว่าจะท้าทายปักกิ่งได้ง่าย ๆ

โฆษกกลาโหมของจีนย้ำว่า “จะดำเนินมาตรการตอบโต้จนกว่าจะเกิดการรวมชาติอย่างสมบูรณ์”

เขาใช้คำว่า “รวมชาติ” ไม่ใช้ “ปฏิบัติการยึดเกาะ” เพราะปักกิ่งยืนยันมาตลอดว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน

แม้ว่าจีนจะไม่เคยปกครองไต้หวันมาตั้งแต่เหมา เจ๋อตุงสถาปนาสาธารณะประชาชนจีนเมื่อปี ค.ศ. 1949 หรือ 75 ปีก่อน

อู๋ เชียน โฆษกกลาโหมของจีนสำทับว่าไล้ ชิงเต๋อ (จีนจะไม่ใช้คำว่า “ประธานาธิบดีไต้หวัน” เพราะไม่ยอมรับว่าไต้หวันมีผู้นำของตนเองได้) “ได้ท้าทายหลักการจีนเดียวอย่างรุนแรง…ผลักให้เพื่อนร่วมชาติของเราในไต้หวันเข้าสู่สถานการณ์อันสุ่มเสี่ยงต่อสงครามและภยันตรายอย่างยิ่ง”

โดยย้ำว่า “ทุกครั้งที่ ‘กลุ่มเอกราชของไต้หวัน’ ยั่วยุพวกเรา ก็จะผลักดันมาตรการตอบโต้มากขึ้นหนึ่งก้าว จนกว่าจะบรรลุซึ่งการรวมชาติที่สมบูรณ์ของแผ่นดินแม่”

แปลว่าครั้งนี้ทำให้ปักกิ่งต้อง “ขยับใกล้” การรวมชาติอีกหนึ่งก้าว

แต่ทั้งหมดมีกี่ก้าวไม่บอก

จีนเปิดปฏิบัติการซ้อมรบทุกทิศรอบเกาะไต้หวันตั้งแต่ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ที่แล้วโดยระดมกองกำลังทหารบก, เรือและอากาศ

ส่งทั้งฝูงเรือรบและเครื่องบินออกศึกซ้อมรบเต็มพิกัด

โดยระบุว่ากิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นมีเป้าหมายเพื่อฝึกซ้อมสมรรถนะใน “การเข้ายึดไต้หวัน”

แต่ก็จำกัดการซ้อมรบครั้งนี้ไว้เพียงสองวัน เพื่อไม่ให้ยืดเยื้อกลายเป็นไฟลามทุ่งได้

โฆษกจากศูนย์บัญชาการทางทหารของกองทัพจีน หรือที่เรียกเป็นภาษาทางการว่ากองกำลังปลดปล่อยประชาชน (PLA) ประจำภาคพื้นตะวันออกกองทัพจีนกำลังทดสอบความสามารถในการปฏิบัติการ ร่วมกันเพื่อยึดกุมอำนาจ จู่โจม และควบคุมพื้นที่สำคัญ

สื่อรัฐบาลจีนแจ้งว่าเครื่องบินขับไล่ที่บรรจุกระสุนจริงได้ซ้อมการบินเข้าหาเป้าหมาย

เครื่องบินทิ้งระเบิดบินเป็นรูปขบวนทำงานผสานกับเรือรบ จำลองการโจมตีเป้าหมายที่มีความสำคัญ

สหรัฐฯ ก็ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้จีนยับยั้งชั่งใจแต่ไม่ได้บอกว่าสหรัฐฯจะเข้ามาช่วยไต้หวันอย่างไรหรือไม่หากมีการโจมตีไต้หวัน

องค์การสหประชาชาติก็เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการยกระดับความตึงเครียด

ทีวีทางการจีน CCTV ให้เวลารายงานเรื่องนี้อย่างยาวเหยียด

มีการเผยแพร่คลิปการซ้อมรบครั้งนี้พร้อมคำบรรยายและดนตรีประกอบในท่วงทำนองปลุกใจเต็มที่

แถมด้วยกราฟิกของกองทัพของจีนเป็นภาพจำลองของการระดมยิงขีปนาวุธไปยังจุดที่ตั้งยุทธศาสตร์หลัก ๆ บนเกาะไต้หวัน

โดยมีจุดประสงค์สำคัญคือเพื่อ “ตัดเส้นเลือดใหญ่ของกลุ่มสนับสนุนเอกราชไต้หวัน”

ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งในไต้หวัน จีนก็พยายามจะกล่าวหาว่าไล้ ชิงเต๋อคือ “ผู้แบ่งแยกดินแดนที่อันตราย”

ปักกิ่งบอกว่าเขาคือคนที่จะนำ “สงครามและความถดถอย” มายังเกาะไต้หวัน

แต่ไล้ ชิงเต๋อก็ยังคงยืนหยัดเสียงแข็ง

ทันทีที่จีนประกาศซ้อมรบปิดล้อมเกาะ เขาก็แถลงว่าจะ “ยืนอยู่แนวหน้า” เพื่อปกป้องไต้หวัน

แม้จะจงใจไม่เอ่ยถึงการซ้อมรบของจีนตรง ๆ

ภาษาดุดันมาจากกระบอกเสียงทางการจีนทุกทิศทุกทาง

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนส่งเสียงดังสนั่นว่า

 “ฝ่ายผลักดันเอกราชไต้หวันจะพบว่าหัวจะแตกสลายและเลือดจะไหลท่วมเมื่อ พุ่งเข้าชนกับความยิ่งใหญ่…กระแสของจีนที่ต้องการบรรลุเป้าหมายการรวมชาติอย่างสมบูรณ์”

ปฏิบัติการของจีนครั้งนี้นอกจากจะกระจายไปทุกทิศทุกทางรอบ ๆ ช่องแคบไต้หวันคือด้านเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตกแล้ว ก็ยังปิดล้อมรอบ ๆ เกาะจินเหมิน เกาะหม่าจู เกาะอู่ฉิว และเกาะตงอิ่น

ซึ่งเป็นเกาะต่าง ๆ ที่รัฐบาลไต้หวันปกครองดูแลอยู่แม้จะตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งจีนก็ตาม

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2022 ตอนที่แนนซี เพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ไปเยือนไต้หวัน ปักกิ่งก็แสดงปฏิกิริยาในทำนองเดียวกัน

แต่ดูเหมือนครั้งนี้จะแรงกว่าเพราะเป็นการ “สั่งสอน” ผู้นำคนใหม่ของไต้หวัน ไม่ใช่แขกผู้มาเยือน

แม้จะเป็นการส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่จีนก็คงจะจำกัดปฏิบัติการ “ซ้อมยึดเกาะ” ไว้ในระดับนี้

ถือเป็นการยกระดับขึ้นมาชั้นสูงสุดแล้ว

อยู่ที่ว่าไล้ ชิงเต๋อจะมีท่าทีแข็งกร้าวกว่าเดิมหรือจะลดความกร่างลงได้มากน้อยเพียงใด

ต่างคนต่างรู้กติกาของเกมกันพอสมควรอยู่แล้ว!