วันนี้...รู้กัน!
เรื่อง"นายกฯเศรษฐา ทวีสิน-นายพิชิต ชื่นบาน"
"ศาลรัฐธรรมนูญ"จะรับคำร้อง"๔๐ สว."ไว้วินิจฉัยหรือไม่?
แต่เหตุการณ์"พลิกผัน"ไปเร็ว จนตามกันไม่ทัน
๒๓ พค.ศาลฯจะประชุมพิจารณา
แต่ ๒๑ พค."นายพิชิต ชื่นบาน"ชิงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปซะก่อน!
บ้างว่า นายพิชิต"ระเบิดพลีชีพ"หวังให้ศาล"จำหน่ายคดี"ลาออกแล้ว ก็ไม่มีเหตุให้ต้องวินิจฉัย
ปกติ ก็เป็นเช่นนั้น"จำเลยตาย"ศาลก็จำหน่ายคดีทิ้ง!
แต่กรณีนี้ ไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะ"ตัวหลัก"ที่ถูก ๔๐ สว.ยื่นคำร้องให้ศาลฯตีความ คือ"นายเศรษฐา"ผู้ถูกร้องที่ ๑
นายพิชิต แค่ตัวเสริมเหตุ เมื่อ"ชิงลาออก"จบส่วนของนายพิชิต ส่วนของนายเศรษฐา"ไม่จบ"
เว้นแต่นายเศรษฐา"เลียนแบบดารา"คือลาออกตามนายพิชิตไปด้วยเท่านั้น
เมื่อพี่ท่านยังดำรงตำแหน่งนายกฯเซลล์แมนชนิดไม่รู้จักเหน็ด-จักเหนื่อยอยู่แบบนี้
ก็ต้อง continus กันต่อไป!
วันนี้ น่าจะออกจากอิตาลีตะรอนต่อญี่ปุ่นแล้ว กลับ ๒๔-๒๕ พฤษภา.ขอให้ยังอยู่ในฐานะ"นายกฯรัฐบาลไทย"
ไม่ใช่"นายกฯพลัดถิ่น"!?
ก็เข้าประเด็นที่อยากรู้กัน ๒๓ พฤษภา.-วันนี้ จะรู้กันใช่มั้ย ว่าศาลฯจะรับคำร้อง ๔๐ สว.หรือไม่รับ?
ผมว่า น่าจะ"ยังไม่"หรอกครับ!
ผมจะไล่ตารางเวลาให้ดู ศาลฯประชุม ๒๓ พค.
แต่ ๒๑ พค.นายพิชิต"ชิงพลีชีพ"
พอดี ๒๒ พค.เป็นวัน"วิสาขบูชา"ราชการหยุด การลาออกของนายพิชิต จึงเป็นข่าวทางสาธารณะ
ทางเอกสารเป็น"ทางการ"น่าจะยังเดินไปไม่ถึงศาลฯ
ด้วยเหตุนี้ ผมว่า"ไม่ต้องลุ้น"หรอก
การลาออกนายพิชิต ทำให้คำร้องต้องรอเอกสารครบถ้วน อาจยังไม่บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมก็เป็นได้
หรือ ถ้าบรรจุแล้ว....
ศาลฯอาจสั่งเลื่อนการพิจารณาคำร้องนี้ออกไปก่อนก็เป็นได้ เพื่อรอ"ข้อมูลครบถ้วน"เป็นทางการ
เพราะการลาออกเป็นสาระสำคัญอย่างหนึ่งประกอบการพิจารณาวินิจฉัย
เคสนี้ เท่าที่สดับตรับฟัง อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางท่านบอกว่า เป็นเรื่องใหม่ ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน
มีความซับซ้อนทั้งทางกฎหมายหลายฉบับ ทั้งทางพฤติกรรมผู้ถูกร้อง ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา
นับตั้งแต่ ต้องดูว่าคำร้องนี้ เข้า"ถูกช่อง-ถูกทาง"หรือไม่? เพราะพุ่งไปทางด้าน"ผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง"
ถ้าเป็นด้านจริยธรรม......
เป็นอำนาจ-หน้าที่ ปปช.จะไต่ส่วนแล้วส่งเรื่องให้"ศาลฎีกา"วินิจฉัย
ไม่ใช่สว.เป็นฝ่ายส่งเรื่องให้"ศาลรัฐธรรมนูญ"!
ชักสับสนละตอนนี้
แทนที่จะลุ้นกันว่า"ศาลรับ-ไม่รับ"คำร้อ' ถ้ารับ จะสั่งให้"หยุดปฎิบัติหน้าที่"หรือไม่?
วันนี้กลับต้องลุ้นกันว่า คำร้องของ ๔๐ สว.นี้"ชอบตามรัฐธรรมนูญ"หรือไม่?
"เท่าที่ดู-ที่ฟัง เรื่องนี้....
"ร้อยละ ๘๐-๙๐ จะ"ฟังไม่ได้ศัพท์-จับไปประเดียด"แล้วพูดกันแบบ"ตาบอดคลำช้าง"มากกว่า
คือ ไม่รู้ชัดๆว่า คำร้อง ๔๐ สว.นั้น ขอให้ศาลฯวินิจฉัยในประเด็นอะไรบ้าง ตามรัฐธรรมนูญมาตราไหนบ้าง?
เพียงรู้แบบขยุ้มรวมว่า เพราะตั้งนายพิชิต"ทนายถุงขนม"เป็นรัฐมนตรี
ทั้งคนตั้ง-คนถูกตั้ง จึงถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญ!
งั้น...เอางี้ ผมจะ"เก็บความ"ตามประเด็นคำร้อง ๔๐สว.ที่เขาขอให้ศาลฯตีความให้รู้เป็นธงไว้ จะได้ไม่หลงทิศ
ผู้ถูกร้องที่ ๑"นายเศรษฐา"ทั้งๆที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ผู้ถูกร้องที่ ๒"นายพิชิต"ขาดคุณสมบัติ
หรือมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๑๖๐(๔)และ(๕)ที่บัญญัติว่า
(๔) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
(๕) ไม่มีประพฤติกรรม อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ผู้ร้อง(๔๐ สว.)เห็นว่า........
นายเศรษฐาได้อาศัยตำแหน่งหน้าที่ความเป็นนายกฯกระทำการโดยอาจมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อประโยชน์แก่ นายพิชิต ด้วยการแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีหรือไม่?
ด้วยการเลี่ยงและบิดเบือนข้อเท็จจริงในการให้ข้อมูลแก่สังคมและประชาชนทำให้เข้าใจผิดว่า
คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจสอบคุณสมบัตินายพิชิตเรียบร้อยแล้ว ว่าไม่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
ซึ่งหมายความรวมถึงไม่ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๖๐(๔)(๕)
ตามความจริงแล้ว ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ฉบับ ลงวันที่ ๑ กย.๖๖ ยังไม่ได้วินิจฉัยคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ตามมาตรา ๑๖๐(๔)(๕)
ประกอบกับนายเศรษฐา ได้เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมี นายพิชิต ชื่นบาน เป็นหัวหน้าทนายความประจำตัว ไม่น้อยกว่า ๓ ครั้ง
ก่อนการเสนอทูลเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี
จึงเชื่อได้ว่า นายเศรษฐาอาจมีเจตนาไม่สุจริตและบิดเบือนข้อเท็จจริง ในการให้ข้อมูลแก่สังคมและประชาชน
ประกอบกับการที่นายเศรษฐาได้เข้าพบนายทักษิณดังกล่าว โดยมีข้อสังเกต
การพบครั้งที่ ๓ วันที่ ๑๒ เมษา.๖๗ก่อนวันที่ ๒๗ เมษา.๖๗ จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้ นายเศรษฐา ต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทักษิณและนายพิชิตหรือไม่?
เพราะหลังจากนั้น นายเศรษฐา จึงเสนอทูลเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๗
ทั้งนี้ นายเศรษฐา ควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิตได้กระทำความผิดตามคำสั่งศาลฎีกาที่ ๔๕๙๙/๒๕๕๑
และต่อมา สภาทนายความมีมติลงโทษให้ลบชื่อนายพิชิตออกจากทะเบียนทนายความ
แสดงว่านายพิชิตเป็นบุคคลที่มีการกระทำการอันเป็นการไม่ซื่อสัตย์สุจริตและฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จึงเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี
การกระทำของนายเศรษฐาที่เสนอทูลเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิต จึงเป็นการกระทำด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่
มีพฤติกรรมที่รู้เห็นและยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
เป็นการกระทำที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เป็นการคบค้าสมาคม กับผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่
ทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๐(๔)โดยเหตุขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
และการกระทำของนายเศรษฐา มีลักษณะต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ๑๖๐
ด้วยเหตุฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ที่ใช้บังคับกับคณะรัฐมนตรี ดังนี้
ข้อ ๗ ต้องถือว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
ข้อ ๘ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง หรือผู้อื่น
และมีพฤติการณ์ที่รู้หรือเห็น หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
ข้อ ๑๑ ไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ข้อ ๑๗ ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
ข้อ ๑๙ ไม่คบหาสมาคมกับคู่กรณี ผู้ประพฤติผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล หรือผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย
อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่
ผู้ร้อง(๔๐ สว.)จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรค ๓ ประกอบมาตรา ๘๒
ว่าด้วยความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรค ๑(๔) (๕) หรือไม่?
และขอศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๘๒ วรรค ๒"
เห็นโจทย์ที่สว.ตั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ก็จะเข้าใจชัดทันที ว่า
ตัวหลักอยู่ที่เศรษฐา นายพิชิตแค่ตัวรอง
เมื่อนายพิชิตลาออก คำร้องส่วนนายพิชิตตกไป แต่ของนายเศรษฐา...ไม่ตก!
และที่ยกมาให้ดูทั้งหมดนี้ เป็นการกระทำนายเศรษฐาที่ ๔๐ สว.ขอให้ศาลฯวินิจฉัยตามมาตรานั้นๆ
ที่พูดกันว่า ความผิดทางมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงนั้น รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๓๔,๒๓๕ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ปปช.เสนอเรื่องต่อ"ศาลฎีกา"วินิจฉัย
ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสว.จะร้องศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนี้เป็นอีกประเด็นที่อาจทำให้ศาลฯไม่รับคำร้อง
แต่เมื่อ ๔๐ สว.ขอให้ศาลฯวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรค ๓ ประกอบมาตรา ๘๒
ต้องบอกว่า"แหลมคม"สมฐานะสว.ยิ่งนัก!
เพราะมาตรา ๑๗๐ วรรค ๓ บอกให้นำความในมาตรา ๘๒ มาใช้บังคับแก่การสิ้่นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตาม(๒)(๔)หรือ(๕)หรือวรรคสองโดยอนุโลมฯ
มาตรา ๘๒ คือใบอนุญาตให้ สว.ไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๑๐ ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็น
-สั่งให้ผู้ถูกร้อง หยุดปฎิบัติหน้าที่ได้
-วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงได้
ดอกนี้ เสียบหัวใจเศรษฐาทะลุหลังไปถึงอก"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์"หลังเลย!
ที่ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็น"รัฐธรรมนูญปราบโกง"ก็ตรงนี้แหละ
ตรงมาตรา ๑๗๐ วรรค ๓ ประกอบ มาตรา ๘๒ คือ"ธนูพิฆาตอสูร"ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญซ่อนไว้ให้
๔๐ สว.ค้นพบ นำออกพาดสายน้าวศร ยิงเปรี้ยงออกไป ฤทธานุภาพครอบคลุมไปทั้งแผงวงจรมาตรา ๑๖๐(๔)(๕)และมาตรฐานทางจริยธรรมที่ใช้บังคับกับคณะรัฐมนตรี
ยิ่งประเด็น ที่เศรษฐา เคยส่งเรื่องให้กฤษฎีกาวินิจฉัยคุณสมบัตินายพิชิต ตามมาตรา ๑๖๐ มาก่อนแล้ว
มาตรา ๑๖๐ มีตั้ง ๘ อนุมาตรา....
แทนที่จะให้กฤษฏีกาวินิจฉัยให้ครบ กลับเจาะจงส่งให้เขาตีความเฉพาะ ๒ ข้อ
จนกฤษฎีกาต้องหมายเหตุเป็นการป้องกันตัวไว้ตอนท้ายหนังสือ ด้วยข้อความว่า
"การให้ความเห็นในกรณีนี้ เป็นการตอบข้อหารือตามที่ผู้แทนสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีชี้แจงต่อกรรมการกฤษฎีกา(คณะพิเศษ)ว่า
ประสงค์จะขอหารือเฉพาะกรณีมาตรา ๑๖๐(๖)ประกอบกับมาตรา ๙๘(๗)และมาตรา ๑๖๐(๗) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เท่านั้น"
นั่นว่าด้วยเรื่องเคยพ้นโทษคุกมาแล้ว ๑๐ ปี ซึ่งนายพิชิตติดคุกเลย ๑๐ ปีมาแล้วเท่านั้น
ฉะนั้น........
สรุป ในขั้นผมเอง ตามคำร้อง ๔๐ สว.ตรงที่ว่า
"...ทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๖๐(๔)โดยเหตุ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
และการกระทำของนายเศรษฐา มีลักษณะต้องห้ามความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ๑๖๐
ด้วยเหตุ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ที่ใช้บังคับกับคณะรัฐมนตรี"นั้น มีน้ำหนัก
ก็ขอจงเป็นตามนั้น.....
ในอนาคตกาลที่กำลังตามมา เทอญ.!
-เปลว สีเงิน
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อภิสิทธิ์’ ชี้วิกฤติ รัฐฯหลอมขั้วเหลว ระบอบทักษิณฟื้น!!
‘อภิสิทธิ์’ ชี้วิกฤติ รัฐฯหลอมขั้วเหลว ระบอบทักษิณฟื้น!! วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
ทักษิณ 'รีเทิร์น' นั่งเมือง
วันนี้คุยเรื่อง "หัวเขียง-หัวขวด" พรรคเพื่อไทยกันต่อ ที่เสนอกฎหมายให้ "นักการเมือง" เข้าไป "ควบคุมกองทัพ"
ร่างฯ 'หัวขวด' เพื่อใคร?
"นักการเมือง" คือคนโง่ เพราะทำอะไรก็ยาก มีกฎหมายหลักคือรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูกคือ พ.ร.บ.ต่างๆ
'Grab rider ต้วง'
ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา
สมรภูมิ ประชาธิปไตย | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
สมรภูมิ ประชาธิปไตย จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 08 ธันวาคม 2567
'ดร.บุญส่ง-นพ.ระวี' ส่องจุดจบ! ระบอบทักษิณ ภาค 2 | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 07 ธันวาคม 2567