
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน บอกว่าจะเรียกประชุม “คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการ” วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคมนี้
เป็นคำประกาศตอนที่อยู่อิตาลีเมื่อต้นสัปดาห์นี้ หลังจากตัวเลขจากสภาพัฒน์ออกมาบอกว่าไตรมาสแรกของปีนี้มีอัตราโตเพียง 1.5% ซึ่งต่ำที่สุดในอาเซียน
ไม่เป็นที่แน่ชัดนักว่าการเรียกประชุม “รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยเร็ว รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นั้นจะช่วยทำให้มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรที่ใหม่ไปกว่าที่เราได้รับทราบอยู่แล้ว
เพราะนักการเมืองมักจะคิดว่าการ “เรียกประชุมด่วนพิเศษ” นั้นคือการได้แก้ปัญหาแล้ว
ทั้งๆ ที่หน่วยงานของรัฐควรจะต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจตลอดเวลา และต้องมีการปรับแผนตามปัจจัยที่เปลี่ยนไป
โดยที่นายกรัฐมนตรีจะต้องสามารถบอกได้ว่าแผนตั้งรับและแผนรุกทางเศรษฐกิจนั้นเป็นเช่นไร
ไม่ใช่เป็นลักษณะมีปฏิกิริยาต่อตัวเลขชุดใดชุดหนึ่งแล้วก็ “ขอเรียกประชุม” ทุกครั้งไป
โดยไม่มีวาระที่แน่ชัดว่ารัฐบาลจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและมีแนวทางแก้แต่ละเรื่องอย่างไร
ยังไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลนี้มี “ครม. เศรษฐกิจ” อย่างเป็นเรื่องเป็นราวหรือไม่
เพราะใน ครม.เศรษฐาที่ 1 นั้น นายกฯ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลังด้วย จึงถือได้ว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้มีการแต่งตั้งเป็นเรื่องเป็นราว
เพราะรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจเป็นของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น
มีแนวทางการทำงานเหมือนจะแบ่งกันบริหาร ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน จึงกลายเป็นไม่มีเอกภาพของนโยบายเศรษฐกิจ
มาถึง ครม.เศรษฐา 1/1 คุณพิชัย ชุณหวชิร มาเป็นทั้งรองนายกฯ และรัฐมนตรีคลังแล้ว แต่ก็ไม่มีการประกาศตั้ง ครม.เศรษฐกิจอยู่ดี
พอนายกฯ พูดวันก่อนว่าจะมีการประชุม “คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการ” จึงเกิดคำถามว่า ตกลง ครม.เศรษฐกิจมีเป็นตัวเป็นตนหรือไม่
ความจริง ถ้านายกฯ ศึกษาที่รองนายกฯ พิชัยกับผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ บอกนักข่าวว่าที่เจอกันครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นมีการแลกเปลี่ยนกันประเด็นไหน ก็น่าจะเป็นแนวทางสำหรับการวางทิศทางของทิศทางเศรษฐกิจของประเทศได้
คุณพิชัยบอกว่าเคลียร์ใจผู้ว่าฯ แบงก์ชาติแล้ว ใช้เวลาคุยกันนานเกือบ 2 ชั่วโมง
คุณพิชัยบอกว่าทั้งสองคนเห็นตรงกันหลายเรื่อง ทั้งกรอบเงินเฟ้อ เร่งเสริมสภาพคล่องให้รายย่อยเข้าถึงแหล่งทุน
ส่วนดอกเบี้ยนโยบายเป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติไปทบทวนย้ำให้อิสระ
หลังจากนี้จะนัดคุยกันบ่อยขึ้น เพื่อทำงานให้สอบประสานกันมากที่สุด
ประเด็นที่เข้าใจตรงกันก็คือ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นสิ่งที่แบงก์ชาติและคณะกรรมการนโยบายการเงินสามารถใช้วิจารณญาณ เครื่องมือวิเคราะห์และดำเนินการได้
มีการพูดถึงกรอบเงินเฟ้อซึ่งปกติมีการทบทวนทุกปี โดยกรอบ 1-3% ใช้มาแล้ว 3-4 ปี
คุณพิชัยบอกว่าแบงก์ชาติคงไปดำเนินการว่าจะปรับอย่างไร ทั้งระยะสั้นและระยะปานกลาง จากนั้นก็มาพูดคุยกันเพื่อหาข้อยุติ
คุณพิชัยกับคุณเศรษฐพุฒิเห็นตรงกันว่าปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยสำคัญน้อยกว่าการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสภาพคล่อง ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข
โดยเฉพาะปัญหารายย่อย ภาคครัวเรือน เอสเอ็มอี และกลุ่มที่มีปัญหาจากโควิด
แม้จะได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่ยังไม่เรียบร้อย ต้องนำมาทบทวนอีกครั้ง
อีกทั้งยังคุยกันเรื่องการทำงานของสถาบันการเงินของรัฐเพื่อแก้ปัญหาในภาพรวม หากแก้ได้จะทำให้ยอดของหนี้ NPL ลดลงบ้าง และมีโอกาสเข้าถึงเงินทุน
จากนี้ไป นโยบายการเงินการคลังจะทำงานสอดประสานกันให้มากที่สุด
และหลังจากการหารือครั้งนี้แล้ว ก็จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. และแบงก์ชาติ ซึ่งอาจจะต้องมีการทำรายละเอียด และปรับหลักเกณฑ์บางเรื่องเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ผู้ว่าฯ ธปท.ก็ยืนยันว่าการพูดจากับ รมว.คลัง บรรยากาศดี แลกเปลี่ยน “ตรงไปตรงมา”
เห็นตรงกันว่าจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาเอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงสินเชื่อ
“ก็เป็นการคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ท่านก็พูดเหมือนกันว่าไม่ควรเห็นตรงกันทุกเรื่อง เพราะสวมหมวกคนละใบ ผมคิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วยบรรยากาศที่ดี” คุณเศรษฐพุฒิ บอก
ผู้ว่าฯ ธปท.บอกว่าได้เสนอแนวคิด 2 เรื่องเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นั่นคือ
การใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อที่มีความยืดหยุ่นกว่าการใช้การค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งต้องรองบประมาณจากภาครัฐ
โดยอาจเป็นรูปแบบบริษัทเพื่อมาทำหน้าที่ค้ำประกัน ซึ่ง รมว.คลังก็เห็นด้วย
นอกนั้นยังเสนอให้ทำ Open Data เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคที่อยู่กับหน่วยงานต่างๆ เช่น ข้อมูลการชำระค่าน้ำค่าไฟ เพื่อนำมาสู่การช่วยวิเคราะห์สินเชื่อได้
หากสถาบันการเงินหรือผู้เล่นรายใหม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ จะทำให้เกิดการแข่งขันในระบบมากขึ้น และจะเป็นการแก้ปัญหาส่วนต่างดอกเบี้ยระหว่างรายย่อยและรายใหญ่ได้อย่างยั่งยืน
“ที่เราดีใจคือท่านเห็นด้วยกับเรื่องที่เราคิดว่าสำคัญ คือ เรื่องการค้ำประกันสินเชื่อ และ Open Data ซึ่งท่านเองก็คิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น โดยเรามองว่ากลไกการค้ำประกันและ Open Data ต้องเดินไปด้วยกัน เพื่อให้มีข้อมูลในการประเมินความเสี่ยง โดยเราจะเริ่มทำ Open Data จากฝั่งเราให้ได้ก่อน แล้วจึงขยับไปคุยกับกระทรวงการคลัง เพราะมีข้อมูลหลายอย่างที่อยู่กับทางนั้น เช่น ข้อมูลภาษี”
ดร.เศรษฐพุฒิเล่าว่า นอกจากนี้ยังได้หารือถึงเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งปัญหาในปัจจุบัน คือ
1.เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ช้า เนื่องจากไทยพึ่งพาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเก่าๆ
2.การเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด
“เรามีความเห็นตรงกันว่าต้องการช่วยกลุ่มเปราะบาง ส่วนมุมมองเรื่องเศรษฐกิจไม่ได้ต่างกัน แต่การแก้ปัญหาทางรัฐบาลจะเน้นการแก้ปัญหาระยะสั้นมากกว่าการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยากและใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล”
ดร.เศรษฐพุฒิย้ำว่าปัญหาเชิงโครงสร้างถ้าไม่เริ่มตอนนี้แล้วจะเห็นเมื่อไร
ดังนั้นการแก้ปัญหาของเศรษฐกิจก็ต้องสร้างสมดุลระหว่างการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างกับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
ถ้านายกฯ จะลงมือแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างจริงจัง เริ่มด้วยประเด็นหลัก ๆ ที่ทั้งสองท่านแลกเปลี่ยนเอาไว้ก็จะไม่หลงทิศผิดทางแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

