
เป็นข่าวที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับกลุ่มผู้มีอำนาจไม่น้อยทีเดียวเมื่อประธานาธิบดีอิหร่าน เอบราฮิม ไรซี เสียชีวิตในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสำหรับผู้นำสูงสุด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี
ผลงานของไรซีอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก อีกทั้งยังมีการประท้วงจากประชาชนกลุ่มต่างๆ เป็นระยะๆ แต่บทบาทของเขาในการกระชับอำนาจของกลุ่มผู้นำที่ผ่านมาสอดคล้องกับแนวทางอนุรักษนิยมไม่น้อย
นักวิเคราะห์มองว่าผลงานด้านบริหารประเทศ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้นดูเหมือนจะน้อยกว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ ด้วยซ้ำไป เช่น โมฮัมหมัด คาทามี ซึ่งสร้างประวัติด้านการปฏิรูปด้านต่างๆ มากกว่า หรือฮัสซัน รูฮานี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่เตหะราน ด้วยการเจรจากับมหาอำนาจโลกหลายชาติ
แต่ทันทีที่ชนะเลือกตั้งและรับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2021 รับไม้ต่อจากรูฮานี ไรซี ถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญในแผนการของ “ผู้นำสูงสุด” ในการกระชับอำนาจเบื้องบนเพื่อคงไว้ซึ่งฐานอำนาจเดิม
ถึงจุดหนึ่งมีการคาดหมายด้วยซ้ำว่า ไรซีคือทายาทที่จะก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำสูงสุด” รับช่วงต่อเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เพราะผู้นำสูงสุดอิหร่านวันนี้อยู่ในวัย 85 ปี จึงมีการวางระบบสืบทอดอำนาจเอาไว้แล้วอย่างเป็นระบบ ถึงขั้นที่มองกันว่าไรซีในวัย 63 ปี วันนี้คือ “บุตรบุญธรรม” ของท่านผู้นำสูงสุด
การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของไรซีจึงทำให้เกิดอาการช็อกในระดับบนอย่างเห็นได้ชัด เพราะอิหร่านไม่เพียงเป็นตัวละครสำคัญในการเมืองตะวันออกเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทโยงไปถึงสงครามในซีเรียและยูเครนอีกด้วย โดยยืนข้างเดียวกับรัสเซียและจีนอย่างเหนียวแน่นมาตลอด
แม้ว่าการบริหารประเทศของประธานาธิบดีไรซีไม่ได้ราบรื่นดั่งหวัง เพราะทันทีที่รับตำแหน่งบริหารสูงสุดในรัฐบาลก็ต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงรัฐบาล เพราะความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจมาจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินสกุลเรียลอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งเมื่อมีการสืบเสาะไปในอดีต ฝ่ายต่อต้านก็กล่าวหาว่าไรซีเมื่อคราวเป็นอัยการและผู้พิพากษา เคยมีส่วนโยงกับการพิจารณาคดีที่ส่งผู้เห็นต่างทางการเมืองเข้าคุกเป็นจำนวนมาก
ก่อนเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ที่คร่าชีวิตประธานาธิบดีนั้น มีการคาดกันว่าเขาจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สองในปีหน้า
แต่ไรซีก็มีอันต้องจากไปก่อนเวลาอันควร รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องจัดให้มีการลงคะแนนเสียงภายในเพื่อเลือกผู้นำใหม่ภายใน 50 วัน
นั่นหมายความว่าท่านผู้นำสูงสุดคาเมเนอีและกลไกของศูนย์กลางอำนาจสำคัญอื่นๆ จะต้องเริ่มเตรียมการอย่างเร่งด่วนสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่ต่อระบบการเมืองของอิหร่านในจังหวะเวลาที่เรียกได้ว่าละเอียดอ่อนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
ไม่ต้องสงสัยว่าการเสียชีวิตของประธานาธิบดีไรซีจะต้องส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจด้านนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศที่สำคัญ
แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วนโยบายสำคัญๆ ของประเทศจะถูกกำหนดโดยผู้นำสูงสุดคาเมเนอี แต่อิหร่านย่อมไม่ต้องการให้ชาวโลกโดยเฉพาะศัตรูอย่างอิสราเอลเห็นสัญญาณของความอ่อนแอหรือความไม่มั่นคงทางการเมืองในช่วงของการเปลี่ยนผ่านนี้ โดยเฉพาะในขณะที่ความตึงเครียดยังดำรงอยู่ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล
นำมาซึ่งความตึงเครียดที่พุ่งสูงขึ้นระหว่างอิหร่านกับตะวันตกและอิสราเอล อันได้รับแรงกระตุ้นอย่างแรงจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 7 เดือน
หนทางหนึ่งที่ชาวอิหร่านระบายความไม่พอใจต่อผู้มีอำนาจคือการคว่ำบาตรการเลือกตั้ง ปฏิเสธที่จะไปหย่อนบัตรลงคะแนนเสียง
น่าสังเกตว่าในปี 2021 จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ลดลงต่ำกว่า 50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี 1979 สัญญาณแสดงความไม่ยอมรับมาตรฐานการเมืองเห็นได้ชัดจากการในการเลือกตั้ง สส.ปีนี้ เพราะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งต่ำเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ที่ระดับต่ำกว่า 41%
สองกรณีนี้สร้างความกระอักกระอ่วนให้กับผู้มีอำนาจพอสมควร เพราะแต่ไหนแต่ไรมา กลุ่มกุมอำนาจอ้างความชอบธรรมทางการเมืองด้วยการที่มีประชาชนออกมาแสดงฉันทามติอย่างท่วมท้นเสมอมาตั้งแต่เกิดปฏิวัตอิสลามที่โค่นระบบพระกษัตริย์ชาห์
แต่การกุมอำนาจไว้ในกลุ่มผู้นำปัจจุบันสำคัญกว่าการแสวงหาความชอบธรรมจากความเห็นพ้องของประชาชน เสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปจากคนรุ่นใหม่ และการเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกสมัยใหม่จึงไม่ได้รับความสนใจมากเท่าใด
สำหรับคนข้างนอกแล้ว ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นนโยบายต่างประเทศของอิหร่านจากนี้ไป ระดับนำของอิหร่านได้ยึดนโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟันกับตะวันตกและอิสราเอล และพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัสเซียและจีน เพื่อคานอำนาจตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ
อิหร่านให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อกลุ่มติดอาวุธที่เรียกว่าฝ่าย “อักษะแห่งการต่อต้าน” ซึ่งรวมถึงกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอน กองกำลังติดอาวุธอิรักและซีเรีย กบฏฮูตีในเยเมนและฮามาส
ทุกครั้งที่พันธมิตรเหล่านี้โจมตีกองกำลังอิสราเอลและสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ก็จะมีเสียงยืนกรานจากรัฐบาลอิหร่านว่าเป็นการตัดสินใจอย่างอิสระของแต่ละกลุ่ม พร้อมย้ำว่าอิหร่านไม่ต้องการให้เกิดสงครามระดับภูมิภาคเต็มรูปแบบ และไม่ได้ต้องการจะก่อให้เกิดความขัดแย้งโดยตรงกับสหรัฐฯ
การสูญเสีย “ทายาททางการเมือง” คนสำคัญอย่างประธานาธิบดีไรซีจึงเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผู้นำสูงสุด ที่จะต้องเร่งรัดการวางโครงสร้างอำนาจใหม่เพื่อยังสามารถครองอำนาจ และยังควบคุมสถานการณ์การเมืองในประเทศและในภูมิภาคได้
เหตุร้ายที่เกิดฉับพลันเช่นนี้กำลังท้าทายความสามารถของผู้นำระดับบนสุดของอิหร่านในการปรับตัวให้คงไว้ซึ่งอำนาจและความน่าเกรงขามสำหรับศัตรูตะวันตกและอิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

