สีกากีทุกข์ใจ

คงต้องลุ้น คงต้องรอดูว่าวันที่ 20 พ.ค. 2567 บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.จะได้กลับมาทำหน้าที่  "แม่ทัพใหญ่สีกากี" นั่งทำงานภายใน "กรมปทุมวัน" ตามเดิมหรือเปล่า หลังจาก นายกฯ เศรษฐา มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ไปปฏิบัติราชการนอกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. 2567 ด้วยเหตุตามหนังสือคำสั่งระบุ "มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามควรที่ปรากฏถึงความขัดแย้ง จนเป็นที่ประจักษ์ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและประชาชนทั่วไป แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ทั้งในทางการบริหารงานบุคคล และงานด้านกระบวนการยุติธรรม จนถึงขนาดมีการกล่าวหาต่อกันและกันในเรื่องส่วนตัว" ซึ่งตามกฎ ตามระเบียบจะครบกำหนดช่วยราชการ 60 วัน ในวันจันทร์ที่ 20 พ.ค.นี้พอดิบพอดี ซึ่งดูตามสถานการณ์โอกาสที่ นายกฯ เศรษฐา จะเซ็นต่อเวลาให้ช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ต่ออีกระยะหนึ่งมีโอกาสสูง เพราะจับสัญญาณจาก 

บิ๊กนัย-พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นายกฯ แต่งตั้งขึ้น ออกมาแย้มคณะกรรมการฯ จะขอขยายเวลาการตรวจสอบออกไปอีก 30 วัน จากที่จะครบเวลาวันที่  20 พ.ค.เช่นกัน...แบบนี้เพื่อไม่ให้ถูกข้อครหา "กลั่นแกล้ง" ดำเนินการกับ "บิ๊กโจ๊ก" ฝ่ายเดียว ก็คงต้องรั้ง "บิ๊กต่อ" ให้อยู่ในกรุไปก่อน ๐

ไม่รู้จะออกมาแบบไหนกับสิ่งที่ "สีกากี" อยากเห็นจากการ "ปฏิรูปตำรวจ" ที่สะท้อนออกมาผ่านผลสำรวจความคิดเห็นของ ซูเปอร์โพล เรื่อง "เปิดใจตำรวจ" กรณีศึกษาตัวอย่างข้าราชการตำรวจทุกสายงานกระจายทั่วประเทศ จำนวน 2,253 ตัวอย่าง ถึงความคิดเห็นของตำรวจต่อการปฏิรูปตำรวจ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.5 ระบุ ปฏิรูปแล้วให้ตำรวจมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รองลงมาคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.1 ระบุ ปลอดการแทรกแซงจากการเมือง ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.4  ระบุ เพิ่มตำรวจสายตรวจ ป้องกันและปราบปราม ดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.3 ระบุ ปฏิรูปแล้วต้องคืนตำรวจให้ประชาชน ไม่เอาตำรวจไปเดินตามนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.6 ระบุ ให้ตำรวจเติบโต เชี่ยวชาญในสายงานของตนเอง ห้ามมีการสไลด์ข้ามสายงาน....จะได้แค่ฝันหรือทำได้จริง เพราะทั้งเรื่องปลอดการเมืองแทรกแซง ไม่เดินตามก้นนักการเมือง  ไม่ใช้เส้นสายในการแต่งตั้ง ก็ต้องอยู่ที่ "ผู้มีอำนาจ" จะยอมปล่อยมือหรือไม่ "ผู้นำตำรวจ" เองก็ต้องทำตัวให้เป็นแบบ  "หัวไม่ส่าย" ซึ่งดูแล้วความหวังของเหล่า "สีกากี" คงยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ๐

การปฏิรูปตำรวจให้ตรงใจ ให้ได้ตามที่ "สีกากี" ต้องการก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้เสียเลย เพียงแต่ผู้ที่จะทำต้องเอาจริงเอาจัง อย่างที่ 3 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ ทั้ง บิ๊กนัย-พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ บิ๊กศรี-พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ ประธานชมรมพนักงานสอบสวน และเจ้าของฉายามือปราบอีสานตอนบน พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รวมทั้ง บิ๊กเอก-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษาชมรมพนักงานสอบสวน ลุกขึ้นมาเรียกร้อง "ปฏิรูปตำรวจ"  หากเข้าเกียร์ห้าเดินหน้าเต็มตัว โอกาสที่ความทุกข์ใจจากการรับราชการตำรวจ ที่สะท้อนผ่านผลสำรวจ ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 79.8 ระบุ จำนวนตำรวจไม่เพียงพอต่อจำนวนประชาชนที่ต้องดูแล ทั้งประชาชนในภูมิลำเนาและประชากรแฝง รองลงมาคือร้อยละ 72.6 ระบุ กฎหมายเป็นอุปสรรคต่อ การทำงานของพนักงานสอบสวน และอื่นๆ และร้อยละ 67.5 ระบุ เป็นหนี้ รายได้ไม่เพียงพอ จะได้รับการแก้ไขปรับปรุงก็มีโอกาสสูง เพราะอย่างน้อยทั้งบิ๊กนัยและบิ๊กเอก ก็มีฐานเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ยิ่ง "บิ๊กนัย" เองก็มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจแห่งพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาลปัจจุบันแบบไม่ธรรมดา ถ้าประสานงานกันดีๆ ขอให้ผู้มีอำนาจเสียสละให้ตำรวจ ก็เชื่อว่าจะคลายทุกข์ใจให้ตำรวจไม่ยาก ๐

พฤษภาแรง.. สูญเสียคนหลายวงการ รายแรกเป็นทหาร ซึ่งเกี่ยวพันกับเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516  นั่นคือ “ผู้การณรงค์” พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร บุตรชายของ จอมพลถนอม กิตติขจร ที่เสียชีวิตในวัย 90 ปีที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปหลายสิบปี ในวัย 81 เขาเคยให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งสำคัญ ก่อนจะเงียบหายไปใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างเรียบง่าย และจากไปอย่างสงบ...รายต่อมาคือตำนานทหารเหล่าปืน อย่าง  “บิ๊กกลด” พล.อ.วัฒนชัย วุฒิศิริ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด ที่เสียชีวิตในวัย 89 ปี หลังรักษาตัวที่ รพ.พระมงกุฎเกล้ามาราว 2 เดือน สำหรับ  พล.อ.วัฒนชัย จบหลักสูตร จปร.รุ่น 4 เกษียณอายุราชการแล้วลงเล่นการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นอดีต สส.กาญจนบุรี และ รมช.กลาโหมมาก่อน สำหรับเส้นทางของทหารเหล่าปืนอาจจะไม่ได้ราบรื่นในรั้ว ทบ.เท่าใดนัก จะมีก็เพียง พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ทะลุไปถึงเก้าอี้นายกฯ แต่ก็ผ่านการรัฐประหารมา ว่ากันว่า ปัจจุบันทหารในหน่วยระดับนำของเหล่าปืนเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ แต่ดูเหมือนเป็นธรรมเนียมว่าจะถูก "บอนไซ" ไม่ได้เข้าใกล้เก้าอี้ 5 เสือ ทบ.วันยังค่ำ แม้ปัจจุบันหน่วยสำคัญๆ เช่น นปอ. หรือ ปตอ. มีบุคลากรและยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งล้วนมีความทันสมัย ตอบโจทย์ยุทธวิธีในการรบใหม่ๆ แต่จารีตก็ไม่ได้เปลี่ยนตามโลก ๐

หลังจากนิมนต์ “หลวงตาม้า” มาทำพิธีที่กองบัญชาการกองทัพไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “บิ๊กออฟ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด ก็เดินทางร่วมคณะนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ไปเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศส มีการลงนามในความตกลงด้านกลาโหม อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยมี พล.อ.จิรวิทย์ เดชจรัสศรี ผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร กลาโหม เป็นตัวแทน ซึ่งฝรั่งเศสก็มีข้อเสนอให้ไทยในหลายส่วน ทั้งเครื่องบิน รถถัง โดรน และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดย “บิ๊กออฟ” ร่วมพูดคุยในภาพใหญ่มีการวางแผนพัฒนากองทัพ ในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งได้มีการพูดคุยว่าฝรั่งเศสสามารถช่วยพัฒนากองทัพไทยได้ในส่วนไหนบ้าง รวมถึงในเรื่องการซ้อมรบ

งานต่อเนื่อง พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เสร็จสิ้นการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกของนักเรียนนายสิบทหารบก ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฎ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี “ผบ.พ้ง” พล.ต.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบกให้การต้อนรับ โดยผู้บัญชาการทหารบกได้พบปะพูดคุย และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนักเรียนนายสิบทหารบก ก่อนจะตรวจเยี่ยมการฝึกบุคคลท่าเบื้องต้นและท่าอาวุธ ของนักเรียนนายสิบทหารบก รุ่นที่ 28 ประจำปีการศึกษา 2567 พร้อมให้โอวาท สำหรับ ผบ.พ้ง  ตท.27 เป็นทหารเสือราชินีเช่นเดียวกับ “บิ๊กต่อ” มาอยู่ที่ผบ.พล.ร.9 หลายปี แต่นิ่งๆ อยู่นาน เพิ่งขยับขึ้นนายพลเมื่อโผโยกย้ายที่ผ่านมานี้ ๐

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง

ปรับฮวงจุ้ยหรือ?

ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ

อนุสติจากไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย!!!

อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โดยความเป็นไปของ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือจะเรียกว่า กฎวิทยาศาสตร์ ไปจนถึง กฎของพระผู้เป็นเจ้า