จีน-ฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้: พายุและคลื่นลมรุนแรง

ความตึงเครียดระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายลงเลย

เพราะต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันอย่างดุเดือดอย่างต่อเนื่อง

ไทยเราก็คงเฝ้ามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด  เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเราทั้งคู่

แต่หากความระหองระแหงระหว่างปักกิ่งกับมะนิลาไม่มีทางสงบด้วยการเจรจาก็จะนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รังแต่จะสร้างปัญหากับเอเชีย

เพราะจีนชี้นิ้วไปกล่าวหาว่าสหรัฐฯ เข้ามายุแหย่ฟิลิปปินส์ให้ไม่ยอมเลิกราต่อจีน

วอชิงตันยืนยันว่าต้องเข้ามาช่วยฟิลิปปินส์เพราะมีสนธิสัญญาด้านความมั่นคงที่ต้องช่วยกันหากเพื่อนถูกรังแก

ล่าสุดฟิลิปปินส์ระบุว่า ได้ส่งเรือไปยังพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ ด้วยข้อกล่าวหาปักกิ่งได้สร้าง “เกาะเทียม” ในบริเวณที่เป็นจุดของการอ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่

เรือที่ว่านี้คือหน่วยยามชายฝั่งซึ่งได้ส่งเรือลำหนึ่ง “เพื่อติดตามกิจกรรมผิดกฎหมายของจีนที่สร้าง 'เกาะเทียม' ในบริเวณนั้น”สำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์  มาร์กอส จูเนียร์ ระบุในถ้อยแถลง

พร้อมเสริมว่า เรืออีก 2 ลำถูกส่งไปประจำการหมุนเวียนในพื้นที่บริเวณนั้น

โฆษกหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ พลเรือจัตวา เจย์ ตาร์เรียลา แจ้งว่ามี "การบุกเบิกพื้นที่ขนาดเล็ก" ของสันดอน Sabina Shoal ซึ่งมะนิลาเรียกว่า Escoda และน่าจะเป็นการกระทำของจีน

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้ขับนักการทูตจีนออกนอกประเทศ

ซึ่งโยงกับข้อกล่าวหาว่ามีการปล่อยคลิปรั่วที่เป็นเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ของพลเรือเอกชาวฟิลิปปินส์ที่เกี่ยวกับข้อพิพาททางทะเล

ถ้าฟิลิปปินส์ขับนักการทูตจีนกลับบ้าน  ปักกิ่งย่อมจะต้องถือว่าเป็นการตบหน้าอย่างรุนแรง

จะยิ่งทำให้ความตึงเครียดถูกยกระดับขึ้นไปอีก

การเผชิญหน้าระหว่างสองประเทศนี้ยืดเยื้อมานานเป็นปี อันเกิดจากการต่อว่าต่อขานกันอย่างดุเดือดว่าด้วยการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนเหนือเกาะแก่งบนทะเลจีนใต้

จีนอ้างสิทธิ์เหนือเส้นทางน้ำสำคัญเกือบทั้งหมด รวมถึงบางส่วนที่ฟิลิปปินส์ บรูไนฯ  มาเลเซีย ไต้หวัน และเวียดนามอ้างสิทธิ์

ศาลอนุญาโตตุลาการตัดสินในปี 2559 ว่าข้อเรียกร้องของปักกิ่งไม่มีพื้นฐานภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ

แต่จีนไม่สน อ้างว่าจีนไม่รับรองอำนาจของศาลแห่งนี้

จีนเดินหน้าถมที่ดินเป็นวงกว้างบนเกาะบางแห่งในทะเลจีนใต้

และสร้างสนามบินกับสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารอื่นๆ บนเกาะเทียมเหล่านั้น

จุดประกายความกังวลไปถึงอเมริกา

ที่เป็นประเด็นขุ่นเคืองของจีนคือการที่เรือของฟิลิปปินส์ลำหนึ่งไปจอดทอดสมออยู่ที่สันดอนซาบีนาเพื่อ "จับและบันทึกการทิ้งปะการังที่ทับถมเหนือสันทราย"

ฟิลิปปินส์อ้างว่า “น่าตกใจ” ที่มีอยู่ของเรือจีนหลายสิบลำ รวมถึงเรือวิจัยและกองทัพเรือในบริเวณนั้น

อีกทั้งแผงกั้นลอยน้ำของจีนก็ปิดกั้นทางเข้าเรือฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้

ฟิลิปปินส์อ้างว่าการปรากฏตัวของเรือจีนที่สันดอนซึ่งอยู่ห่างจากจังหวัดปาลาวัน 200 กม. มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่หน่วยยามชายฝั่งค้นพบกองปะการังที่ตายแล้วทับถมอยู่

หน่วยยามชายฝั่งนำนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลไปยังพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่ากองปะการังเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเกิดจากการแทรกแซงของมนุษย์

พอมีการเสนอให้ขับนักการทูตจีนก็ทำให้อุณหภูมิพุ่งขึ้นทันที

เพราะก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ จีนยิงปืนใหญ่ฉีดน้ำใส่เรือฟิลิปปินส์ที่มุ่งหน้าไปยังสันดอนสการ์โบโรห์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดของการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองประเทศ

ที่ปรึกษาความมั่นคงฟิลิปปินส์บอกว่า

 “การกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าของสถานทูตจีนในการเข้าไปมีส่วนร่วมและเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน ข้อมูลเท็จ และข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ได้เผยแพร่สำเนาบันทึกหรือบันทึกการสนทนาปลอมๆ ที่อ้างว่ามีการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่ของประเทศเจ้าภาพ ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่มีการคว่ำบาตรหรือไม่มีบทลงโทษร้ายแรง”

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น บทสนทนานี้มีขึ้นในเดือนมกราคม

โดยพลเรือเอกชาวฟิลิปปินส์ถูกกล่าวหาว่าตกลงที่จะ "ลดความตึงเครียดในสันดอน Ayungin (สันดอนโธมัสที่สอง)" โดยการจำกัดจำนวนเรือที่ฟิลิปปินส์ใช้ในภารกิจเสริมกำลังที่นั่น พร้อมทั้งยอมรับว่าจะแจ้งล่วงหน้าไปยังจีน

กระทรวงการต่างประเทศของจีนตอบโต้คำกล่าวหาทันที

 “เราขอเรียกร้องอย่างจริงจังให้ฟิลิปปินส์รับรองว่าในบทสนทนานั้นสะท้อนว่านักการทูตจีนปฏิบัติหน้าที่ของตนตามปกติเท่านั้น"

รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ กิลเบิร์ต เทโอโดโร กระโดดเข้าร่วมวงวิวาทะด้วยการประกาศว่า ถ้าสถานทูตจีนเก็บบันทึกภาพบุคคลในประเทศนี้ไว้ก็เท่ากับ “ยอมรับว่าได้ละเมิดกฎหมายฟิลิปปินส์”

พร้อมกับสำทับว่า การกระทำของสถานทูตจีน “ละเมิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกฎหมาย”

นอกจากความขัดแย้งเรื่องนี้แล้ว ความสัมพันธ์ทางการทูตที่เปราะบางอยู่แล้วก็มีอันต้องเสื่อมทรามลงไปอีก

เมื่อจีนยังคงอ้างถึง “ข้อตกลงลับ” ที่ทำกับฟิลิปปินส์ระหว่างการบริหารงานของอดีตประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต

ข้อตกลงลับที่ว่านี้ระบุว่า ฟิลิปปินส์สัญญาว่าจะไม่ซ่อมแซมหรือสร้างโครงสร้างที่สันดอนโธมัสที่สองในหมู่เกาะสแปรตลีที่เป็นข้อพิพาท

ที่ผ่านมา จุดนี้ฟิลิปปินส์สามารถควบคุมได้มาตลอด

รัฐบาลมาร์กอสบอกว่าไม่รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของข้อตกลงที่จีนอ้างถึง

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศถดถอยลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปีที่แล้วโดยไร้วี่แววที่จะกระเตื้องขึ้น

แม้ว่าจะตกลงกันเมื่อเดือนมกราคมที่จะปรับปรุงการสื่อสารระหว่างกันเพื่อจัดการบริหารความตึงเครียดในเส้นทางในทะเลที่เป็นจุดพิพาทก็ตาม

หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์บอกว่ามีเหตุการณ์ที่เผชิญหน้ากับปักกิ่ง 3 ครั้งตั้งแต่ต้นปี

รวมถึงเหตุยิงปืนฉีดน้ำหรือการชนเรือในทะเลจีนใต้ นับตั้งแต่ต้นปี ตามมาด้วยเหตุการณ์อีก 10 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว

ไต้หวันก็เป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างทั้งสอง

จีนและฟิลิปปินส์แลกวิวาทะกันอย่างดุเดือดหลังมาร์กอสแสดงความยินดีกับผู้นำคนใหม่ของไต้หวัน ไหล จิงเต๋อ ที่ชนะการเลือกตั้ง

กระทรวงการต่างประเทศของจีนถากถางว่ามาร์กอสควร "อ่านหนังสือให้มากขึ้น"

เกี่ยวกับประเด็นจีน-ไต้หวัน ฟิลิปปินส์โต้ด้วยการกล่าวหาปักกิ่งไม่เคารพจุดยืนของประเทศอื่น

สถานการณ์ความร้อนแรงในทะเลจีนใต้อาจบานปลาย บ่อนทำลายความพยายามของจีนกับอาเซียนที่จะเขียน “คู่มือปฏิบัติ” เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งรุนแรง

คลื่นลมและพายุในทะเลจีนใต้ยังรุนแรงต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ

แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ

เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง

พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์

ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด

เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!

อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว