"แผ่นดินประเทศ" อ่อนล้า

หมู่นี้ "รัฐบาลเศรษฐา" ออกอาการแกว่งๆ ชอบกล!?

แกว่งทั้ง "พรรคร่วม-พรรคแกน" จนหาทิศทางประเทศไม่เจอ

น่าจะ "ยางแบน" ก่อนถึงป้ายซะละมั้ง!

ไม่เอาน่า....

ตอนรัฐบาลประยุทธ์ ปั้นวาทกรรมด่าเขาทั้งเช้า-ทั้งเย็น "๙ ปี บริหารเฮงซวย" บ้างละ

"ทำประเทศล้าหลัง-ล้มเหลว" บ้างละ

"ชาวบ้านอดอยาก" บ้างละ "แพงทั้งแผ่นดิน" บ้างละ

พอตัวเองได้เป็น "รัฐบาลในคอก" โดยเศรษฐานำ

๙ เดือน มีผลงาน แค่ให้นักโทษเทวดาสถิตเหนือ "๓ สถาบัน" ประเทศ ชิ้นเดียว!

แล้วจะรีบไปไหนกัน....

อยู่รอดูชาวบ้านที่กินข้าวถุงแอบผสมข้าว ๑๐ ปีขาย เป็นมะเร็งกันซัก "ครึ่ง-ค่อนเมือง" ก่อนซี

ตลาดตามห้างญี่ปุ่นน่ะ ระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ ไม่ต้องไปดูหรอก     

นั่นมันงาน "จับกังว่างงาน" ส่งใครในคอกไปดูก็ได้

ส่วนรัฐมนตรีไปดูตลาดสดบ้านเราดีกว่า แล้วจะเห็นว่ายุคไหน-รัฐบาลไหนกันแน่ ที่ข้าวปลาอาหารมัน "แพงทั้งแผ่นดิน" ของจริง?

แต่ละแผงตามตลาด....

ติดป้ายขึ้นราคากับข้าวถุงกันพรึ่บพรั่บ ไม่ใช่ขึ้น ๕ บาท ๑๐ บาทนะ

แต่พรวดเดียว ๒๐ บาท จาก ๕๐ เป็น ๗๐!

นี่แค่รัฐบาลประกาศขึ้น "ค่าแรงขั้นต่ำ" เป็น ๔๐๐ บาทล่วงหน้า มีผลเดือนตุลา.

แต่ผักหญ้า-ข้าวปลาอาหาร ขึ้นพรวดดักหน้าชนิด "ไปต่อไม่รอแล้วนะ" กันขนาดนี้

แล้วพอถึงเดือนตุลา.ถ้า "ค่าแรงขึ้นจริง"

ชาวบ้านจะไม่เหลือแค่สภาพขี้เถ้าให้ "เผาจริง" หรือ!?

คนระดับผม ไม่ประสาหรอกว่า "เงินเฟ้อ" คืออะไร รู้แต่ว่า ก่อนๆ "ร้อยบาท" กินเขียมๆ ได้หนึ่งมื้อ

แต่ยุค "เศรษฐาเป็นนายกฯ คนไทยได้เป็นเศรษฐี"

"ร้อยบาท" จากที่เคยกินข้าวแกงมีไข่ดาวแนมหัวจานยังเหลือทอนบ้าง                 

แต่ตอนนี้ ร้อยบาท จะเหลือทอน ต้องเลือกกับข้าวได้อย่างเดียว!

เรื่องค่าแรงขั้นต่ำนี่ ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่มกรา.ปรับขึ้นมา ๒ คนแล้วมั้ง?

แล้วนี่ หาเสียงโดยไม่สนไตรภาคี จู่ๆ ประกาศ "ขึ้นถ้วนหน้า" พรวดเดียว ทั้งประเทศ เป็น ๔๐๐ บาท

นักการเมืองได้หน้า คนงานเขมร พม่า ลาว ดีใจ แต่คนประกอบธุรกิจการค้า ไม่ว่าเล็ก-ใหญ่ กระทั่งการจ้างแรงงานระดับครัวเรือน ด่ากันขรม

คนไทยวัยแรงงานน่ะ เขาเฉยๆ เพราะทุกวันนี้ เขาไม่ทำกันหรอก งานกรรมกร งานใช้แรงแบกหาม อะไรประเภทนั้น

ไปรับจ้างเปิดบัญม้า เปิดเว็บพนัน ทำออนไลน์ ไปแปลงเพศ มุ่งทางดารา-นักร้อง ไปเป็นหนุ่ม-สาวบาร์โฮส

ไม่ก็รับจ้างพรรคการเมืองปั่นแฮชแท็ก รวมกลุ่มเป็นคนรุ่นใหม่ จัดอีเวนต์ "ยกป้าย-จัดม็อบ-โพสต์เฟซ"

นอนพี้ยาอยู่กับบ้าน เดี๋ยวก็มีหน้าม้าพรรคการเมืองเชิญไปเข้าสังกัด เรียกว่ามีรายได้ทั้งปี

แถมเป็นขยะสังคมไม่กี่ปี พออายุ ๑๖ รัฐบาลเขาก็จะแจกคนละ ๑๐,๐๐๐ บาทให้อีกแล้ว เห็นมั้ย!

แล้วแบบนี้ คนไทยต้องไปตรากตรำ-กรำแดด-กรำฝน-ขนแบกของหนักให้ได้ชื่อว่า "ผู้ใช้แรงงาน" ให้เมื่อยตุ้มแลกเงินวันละ ๓๐๐-๔๐๐ บาทไปทำไม?

แรงงาน "เขมร-พม่า-ลาว" จึงตกบ่อเงิน-บ่อทองไทย หนักเอา-เบาสู้ไม่กี่ปี ขนเงินกลับบ้าน แถมทองเต็มคอ-เต็มแขน

ที่ว่านี่ ไม่ใช่ทั้งหมด.....

คนไทยในระบบงานก็มี แต่เป็นรุ่นกลาง-รุ่นแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่ เขาพัฒนาตัวเองทั้งการศึกษา ทั้งการฝึกทักษะสู่ระดับ "แรงงานฝีมือ"

และคนกลุ่มนี้ รายได้ของเขา "ก้าวข้าม" คำว่า "ค่าแรงขั้นต่ำ" ไปสู่ระดับ "แรงงานฝีมือ" นานแล้ว

ไปเป็น "หัวหน้างาน" เป็นผู้บริหารระดับต้นกันแล้ว

คนกลุ่มนี้ ค่าแรงวันละ ๑,๐๐๐ บาท หาได้สบายๆ

ที่ "ติดกับดัก" อยู่แค่ "ค่าแรงขั้นต่ำ" ก็กลุ่มคน "ไม่เอางาน" ไม่ฝึกฝนตัวเอง ไม่อดทน ไม่หนักเอา-เบาสู้

เอาแต่ยากับแว้นตามถนนตอนดึกเท่านั้้นแหละ

"พ่อ-แม่" นั่นแหละตัวดี

พอลูกถูกจับ ก็โอดโอยวิ่งหาพวกทนายหิวแสง...ลูกฉันไม่ผิด ลูกฉันเป็นคนดี ลูกฉันถูกยัดข้อหา พากันไปออกรายการหิวเรตติ้ง

เรื่องวุฒิการศึกษากับงานและกับเงิน ต้องแยกแยะให้ออก              บางคนการศึกษาสูง กลับเป็นกิโยติน "บั่นชีวิต" ตัวเองด้วยซ้ำ

อีโก้ กับใบปริญญาและชื่อสถาบัน ทำให้พวกนี้เลือกงาน                 แถมหยิบโหย่ง ฉาบฉวย ตีราคาตัวเองสูง

ทั้งที่การรู้แค่ในตำรา ก็ไม่ต่างหมากับปลากระป๋อง รู้...แต่เปิดกินไม่เป็น แต่ขอเงินเดือนสูงๆ ๒๕,๐๐๐-๓๐,๐๐๐!

คนไม่มีปริญญา แย่งหมากินด้วยซ้ำ แต่เขาแปลงปมด้อยให้เป็นปมเด่น ด้วยการฝึกฝน ทนสู้ ไม่เกี่ยงงาน

เขาสามารถมีรายได้เดือนละเป็นหมื่น-เป็นแสน เห็นเยอะแยะ

งานทุกอย่าง-ทุกประเภท แม้งาน "กวาดถนน-ตักส้วม" งานนั้นคือ "ครู-อาจารย์" ถนนและส้วมคือสถาบัน

งานจะสอนตั้งแต่วิธี เลือกไม้กวาด จับไม้กวาด การกวาด การตักส้วม ก็จะสอนการใช้ปัญญาตรึก ตั้งแต่การพินิจพิจารณาลักษณะส้วม

จะเปิดยังไง ใช้อุปกรณ์แบบไหน ตักอย่างไร ควรทำเวลาไหน สิ่งแวดล้อมเป็นยังไง

ความสะอาด-ความปลอดภัย ควรต้องบริหารเช่นไร ด้วยความรับผิดชอบ ทั้งตัวเองและผู้อื่น

การฝึกฝน พลิกแพลง ทดลอง ไปเรื่อยๆ งานก็จะสอนเราไปเรื่อยๆ ทั้งวิธีคิด-วิธีทำ นั่นเท่ากับฝึก-เสริมสร้างทักษะ ผ่านการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ 

รู้ทั้งวิธี รู้ทั้งเคล็ดลับ จนเชี่ยวชาญในงานนั้นๆ ซึ่งสิ่งนั้นแหละเรียกว่า "ประสบการณ์"

มันไม่มีในตำรา ไม่มีในคลาส แต่มีจากปฏิบัติ ฝึกฝน-ทดลอง ในชีวิตจริง

"ประสบการณ์" นี่แหละ "เหนือทุกสิ่ง"

"ตำรา" แค่สอนให้เรา "รู้" แต่ "ประสบการณ์" ทำให้เรา "เป็น"

ที่พูดนี่้ ไม่ได้หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องเรียน

การเรียน "จำเป็นยิ่ง"

เพราะมนุษย์ "ร้อยปี" ใช่ว่าจะพอสร้างประสบการณ์ได้ ฉะนั้น ควรต้องเรียน เพราะการเรียน ช่วยต่อขาให้เรานำไปใช้ "สร้างประสบการณ์" ได้ตรง-เร็ว สู่สำเร็จ!

ชาติน่ะ ไม่ล้ม ฉะนั้น ไม่ต้องกู้

แต่ระบบศึกษาไทย "ต้องกู้" ควบด้วย "วินัย" ไทยจะเป็นหนึ่งในอาเซียน

ที่คุยเรื่องนี้......

เพราะผมดูรูปแบบ-วิธีการบริหารของรัฐบาลเศรษฐาแล้ว บอกตรงๆ

"วิตก-หวั่นไหว" กับอนาคตประเทศมาก!

"ฉาบฉวย" กับ "ฉกฉวย"

"มอมเมา" กับ "มูมมาม"

มัน "แนบเนื้อ" จนผมหนาวด้วยเกรงประเทศ "จะไม่เหลืออะไร"

ย่างเข้าเดือนที่ ๙ "เศรษฐา" ในฐานะนายกฯ แทนที่จะใช้ความเป็นหัวหน้ารัฐบาล "สร้างทุนให้ประเทศ"

ตรงกันข้าม การบริหารกลับส่อว่า ใช้รัฐบาล "เป็นทุนให้คนเหนือพรรค"!

๘-๙ เดือน จดจ่ออยู่กับงาน จะเอาเงินรัฐ ๕ แสนล้านไปแจกตามสัญญาหาเสียง

แถมมีเลศนัย เอาเงินสด ๕ แสนล้าน แปลงเป็นเงินในอากาศไปแจก!?

แปลงนักโทษให้เป็น "เทวดาเหนือคุก" ก็สุดจะทน

แต่กลับปล่อยให้นักโทษประหนึ่ง "ผู้ถืออำนาจแทนรัฐบาล" ไปจุ้นจ้าน "ใต้ดิน-บนดิน" กิจการระหว่างประเทศ

ยุ่มย่ามเรื่องพม่า เจรจากับเขมร-มาเลย์ สร้างความหวาดระแวง สงสัย ให้เพื่อนบ้านในอาเซียน จนชาวโลกส่งสายตาดูแคลนไทย

"ข้าวไทย" เป็นสินค้าตัวเดียวที่ "สร้างชาติ-สร้างชื่อ" เป็นที่ยึดถือ "ตลาดโลก"

แล้ว "ข้าว ๑๐ ปี" ที่หวังใช้ฟอกขาวยิ่งลักษณ์ รัฐบาลนี้ก็ทำให้ข้าวไทยเกิดภาพลักษณ์ "อัปลักษณ์"               

ไม่กับแค่ตลาดโลก ตลาดในไทยตอนนี้ ผวากันไปหมด

เมื่อชาวบ้านนำข้าวสวัสดิการที่ได้รับแจกมาแฉ

ไม่ทราบพ่อค้ารายไหน นำเอาข้าวเก่า ๑๐ ปี แอบผสมข้าวใหม่ บรรจุถุงออกขาย!

วันๆ นายกฯ ไม่เคยอยู่ติดที่ ทำเป็นว่างานหนัก "เลี่ยงงาน-หนีปัญหา" ซะมากกว่า

เล่นบท "นายกฯ สัมภเวสี" เหาะไปตรวจงานจังหวัดโน้น ระเห็จมาจังหวัดนี้ เวียนไม่เว้นแต่ละเดือน

ไม่เกิดประโยชน์อันใด นอกจากหน่วยราชการเดือดร้อนและสิ้นเปลืองไร้ค่า

ที่ได้ ก็ได้เป็นข่าวออกสื่อ เปลืองถ่านรีโมตเปล่าๆ

๘ เดือน ยกโขยงไปซอฟต์ พาวเวอร์ ประเทศโน้น-นี้ เกือบ ๒๐ เที่ยวแล้วมั้ง?

เมื่อวันเสาร์ ๑๑ พฤษภา.ที่ผ่านมา "กองบัญชาการกองทัพไทย" โดย "พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี" ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ทำพิธีเททองหล่อ "พระพุทธมหาจักรพรรดิอมรรัตนนาคาธิบดี" ที่หน้า "กองบัญชาการกองทัพไทย"

และมีการสวดมนต์ "เพิ่มกำลังแผ่นดิน"!

ก็สาธุ....

อย่างน้อยทำให้รู้ว่า "แผ่นดินประเทศ" ที่อ่อนล้า

ได้รับการ "เพิ่มกำลังแผ่นดิน" แล้ว!.

-เปลว สีเงิน

๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗

 

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"กฎหมาย" ใน "กฎกรรม"

กับผลเลือกตั้งนายก "อบจ.ปทุมธานี" ระหว่าง "ลุงชาญใจดี" กับ "แจ๊ส มีวันนี้เพราะพี่ให้"

'ป.๔ มีสิทธิ์มั้ยครับ?'

"ประหารชีวิต" ล่าสุดเมื่อไหร่ ผมจำไม่ได้ แต่รายที่จำได้แม่น.... "ยิงเป้าเสธ.หลาด" พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ที่ทำรัฐประหารแล้วแพ้ จึงกลายเป็นกบฏ

"มวลมหาประชาชน"

แผ่นดินนี้ ..... ด้วยคนดีเสียสละ เข้ากอบกู้ จึงอยู่ยั้งยืนยงถึงทุกวันนี้