“Don’t Have a Cow, Man!!!!”

ความจริงผมตั้งใจเขียนต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เรื่องการชุมนุมและประท้วงสงครามอิสราเอล-ฮามาส ตามมหาวิทยาลัยดังๆ ในสหรัฐ แต่บังเอิญมีเรื่องที่เป็นกระแสใหญ่ในบ้านเราที่ผมอดเขียนไม่ได้ครับ เลยพักเรื่องการประท้วงไว้ก่อน และเริ่มจากการพูดถึงเรื่องการ Roast ผ่าน Netflix เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาครับ

รายการประเภท Roast เป็นรายการที่โหด มันส์ และตลก ถ้าทำ "ถูก” คนที่ Roast ต้อง Roast เป็น และคนที่ถูก Roast ต้องมีใจกว้าง มีความมั่นใจในตัว และไม่รู้สึกเจ็บ รายการประเภท Roast ถ้าแปลตรงตัวคือ “เผา” คนที่รู้จักเผาเพื่อน เผาคนมีชื่อเสียง เผาแบบไม่ไว้หน้า ไม่เกรงใจ เผาแบบถ้าไม่รักจริง ยกพวกตีกันเลย

Netflix ถ่ายทอดสดการ Roast นักกีฬาชื่อดังอเมริกัน Tom Brady ผมบอกเลยว่า แต่ละคนที่ขึ้นมา Roast เอา Brady ตายไปข้างหนึ่งเลย เผาไม่ให้เหลืออะไร และเผาทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว ที่เป็นข่าวซุบซิบ ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะตลกเหมือนที่ผมดูหรือไม่ แต่ผมรู้แน่ๆ ว่ารายการแบบนี้ไม่มีทางทำได้ในประเทศไทย อาจทำกันภายในวงเหล้า สำหรับเพื่อนซี้จริงๆ ที่เพื่อนแต่ละคนจะเผากันเอง แต่มาเป็นรายการโทรทัศน์ หรือเวทีสาธารณะ ไม่มีทางครับ

ทำให้นึกถึงกระแสทั้งต่อต้านและชื่นชมโน้ส อุดม ครับ

ก่อนอื่นผมบอกเลยว่า การยืนเดี่ยว มีมุกให้คนหัวเราะนั้น เป็นเรื่องยากมาก การขึ้นเวทีทำให้คนพยักหน้าเออออตามสิ่งที่เราพูด ไม่ยาก การขึ้นเวทีพูดให้เราดูฉลาด ไม่ยาก แต่ขึ้นเวทีให้คนเข้าใจสิ่งที่เราพูดนั้น ไม่ง่าย ยิ่งขึ้นเวทีให้คนหัวเราะ โคตรยาก คนที่ทำได้ไม่ธรรมดาครับ ถ้าไม่บ้าไปเลย ก็ถือว่า Genius หรือเป็นคนกล้าโคตรๆ

ไม่ว่าจะวิ่งไล่ตบหน้ากัน หรือพูดเดี่ยวๆ แบบทอล์กโชว์ในอดีต ผมคนหนึ่งล่ะที่ขอคารวะและแสดงความนับถือให้กับทุกท่านครับ เพราะสิ่งที่ทำกัน ไม่ใช่ทุกคนทำได้ ผมคนหนึ่งแน่ๆ ที่ทำไม่ได้ ก่อนเข้าไปที่เรื่องกระแสโน้ส อุดม ขอให้ความรู้เกี่ยวกับ Comedy ระดับสากลเพื่อเป็นความรู้รอบตัวครับ

เริ่มจากยุคปลาย 1800s เป็นการแสดงที่เรียกว่า Minstrel เป็นการแสดงที่คนผิวขาวแต่งหน้าแต่งตัวและทำปฏิกิริยาเป็นคนผิวดำ (Al Jolson เป็นตัวอย่าง) เพราะในสมัยนั้น สังคมอเมริกันแยกตัวชัดเจนระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวดำ Minstrel ถือเป็นการแสดงที่ล้อคนผิวดำบ้าง แต่เอาเข้าจริง เป็นการเลียนแบบพรสวรรค์ของนักร้องและนักดนตรีคนผิวดำ ที่มาแสดงด้วยตนเองไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่เอื้อให้คนขาวกับคนดำคลุกคลีกัน

จากนั้นเป็นยุค Vaudeville ที่มีทั้งร้องเพลง เต้น และแสดงตลก เป็นการแสดงตลกประเภทโต้ตอบคำถามทำนอง “อะไรเอ่ย?” คั่นระหว่างการแสดง (Will Rogers โด่งดังมากในยุคนั้น) หลังจากยุคนั้นเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทำให้การแสดงออกคลื่นวิทยุแทน ต่อเมื่อเป็นคลื่นวิทยุเลยเหลือแต่การร้องเพลงกับการพูดตลกเป็นหลัก (บวกกับละครบ้าง)

แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่าเป็นการฟื้นฟูแวดวงตลกบนเวที (หรือ Stand-up Comedy) เพราะเป็นยุคของ โทรทัศน์ เป็นยุคที่มีรายการประเภทซิตคอมและทอล์กโชว์ แต่ยุคที่ Stand-up Comedy บูมจริงๆ คือยุค 1970s เป็นต้นครับ

เป็นยุคที่สังคมอเมริกันเริ่มเปลี่ยนแปลงสำหรับคนรุ่นใหม่ศิลปะทุกด้าน ฉีกแนวจากรูปแบบเดิม แต่งตัวฉีกแนว ร้องเพลงฉีกแนว พูดจาฉีกแนว และการแสดงตัวก็ฉีกแนว สิ่งที่เคยห้ามพูดห้ามทำ เพราะ “ไม่เหมาะสม” คนรุ่นใหม่ทำและพูด ทำให้เปลี่ยนสังคมโดยสิ้นเชิงครับ

ส่วนบรรดา Stand-up Comedians ก็เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน เขาหามุกจากสิ่งที่เคย “ไม่เหมาะสม” ซึ่งคนตลกที่ไม่เก่งอาดใช้คำหยาบเพื่อหยาบ แต่คนที่มีพรสวรรค์รู้จักใช้ความหยาบช็อกให้คนตลก นั่นคือหัวใจของตลกครับ ตลกแท้ๆ คือ พูด (หรือทำ) สิ่งที่คนไม่คาดคิดจนทำให้ช็อก Stand-up ชั้นเทพ ต้องไปเหยียบ “ดินแดนที่สังคมรับไม่ได้” และมีมุกช็อกทำให้คนทั้งตกใจและหัวเราะได้ ในแวดวง Stand-up มีเส้นบาง (มาก) ระหว่าง “เหมาะสม” กับ “ไม่เหมาะสม” Stand-up อมตะคือ George Carlin, Redd Foxx, Din Rickles, Eddie Murphy และอีกมากมายที่ไม่สามารถเอ่ยที่นี่ได้ เพราะเยอะเหลือเกิน

ถ้าถามว่ามี Stand-up คนไหนเคยสร้างกระแสตีกลับ เคยทำให้สังคมลุกขึ้นประณาม ต่อว่าและสาปแช่งไหม? มีอยู่แล้วครับ หลังเหตุการณ์ 9-11 ไม่กี่อาทิตย์ Gilbert Gottfried แสดง Comedy Club แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก แล้วพูดตลกเกี่ยวกับ 9-11 แต่ ณ เวลานั้น คนทั่วไปยังไม่พร้อมเอา 9-11 มาเป็นมุกตลก เลยทำให้สังคมทัวร์ลงประณาม Gottfried

มีกรณีของ Roseanne Barr ถูกเชิญไปร้องเพลงชาติในสนามเบสบอลแห่งหนึ่ง (ผมจำไม่ได้ว่าที่ไหน) เขาคิดมุกตลกเรียนแบบพฤติกรรมหนักเบสบอส ที่มักชอบ “ถุย” น้ำลาย และปรับ Cup ที่ใส่ป้องกัน Barr เลยร้องเพลงเพี้ยน “ถุย” น้ำลาย และไปจับ “ส่วนตรงนั้น” คาดว่าคนจะหัวเราะ แต่ในที่สุด…ทัวร์ลง

ผมถึงบอกว่า การเป็น Stand-up ไม่ง่ายครับ คนคาดหวังว่าคุณจะทำให้เขาหัวเราะทุกเมื่อ ทุกครั้ง ไม่ว่าคุณเดินผ่านเฉยๆ คุณต้องทำให้เขาหัวเราะ คนที่ทำอาชีพนี้ได้ และทำได้ดี โคตรเก่งและกล้าครับ

เรื่องกระแสโจมตีโน้ส อุดม ผมขอถามกลับคำหนึ่ง คุณได้ดูทั้งโชว์ไหมครับ? การแสดงก่อนๆ มีประเด็นให้ทัวร์ลงโน้ส เพราะคนสนับสนุนลุงตู่รู้สึกว่าโน้สไปต่อว่าลุง แต่ถามว่าเขาได้ดูไหม? ไม่ได้ดู แต่เวลาโน้สแซวซีกที่ตัวเองไม่ชอบ มันเป็นเรื่องตลกได้

เคยมี Stand-up คนหนึ่งแสดงต่อหน้าผู้คน (ดูเหมือนเป็นฝ่ายอนุรักษ์) เขาพูดเรื่องนู่นโน่นนั่น สารพัดเรื่องให้คนหัวเราะ เรื่องสังคม ศาสนา การเมือง ของคนอื่น…แต่พอมาแตะเรื่องใกล้ตัว (เช่น พระเยซู) คนดูกลับเงียบ ทำให้เขาพูดขึ้นมาว่า “It’s not so funny when it’s your guy, eh?”

กระแสโน้ส อุดมครั้งนี้ ผมเข้าใจคนที่โกรธเขา เพราะรู้อยู่แล้วว่า “พอเพียง” ทำให้นึกถึงใคร แต่ถ้าฟังเขาพูดจริงๆ ถ้าเอาอคติออกจากตัว สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิดนะครับ…แต่เขาเล่นกับไฟโดยไม่จำเป็น และถ้าเป็นผม ผมไม่แตะ เพราะหาเรื่อง

ส่วน “ผู้ใหญ่” ที่ออกมาประณามเขา ขู่ว่าจะเตะ (หรือไม่เตะ) ออกมาเตือน ท่านกระตุ้นเรตติ้งเขาด้วย “ปากกล้า” ของท่านครับ ขอยกคำพูดของ Bart Simpson ให้สติทุกคนครับ “Don’t have a cow, man!!!!”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'BRO!!!!!'

เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า

“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย

ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้

Thank you, Fernando

โค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐมาถึงแล้ว ผมขอประกาศตัวว่า ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมาครับ บ้านเมืองเราเต็มไปด้วยนักวิเคราะห์ที่จะฟันธงและวิเคราะห์อย่างหนึ่ง….

28 ยังแจ๋ว!!!!

ผมขออนุญาตเขียนเรื่องเบาๆ อีกสักครั้งหนึ่งครับ ไม่เขียนวันนี้ผมไม่รู้จะเขียนตอนไหน และเอาเข้าจริงผมอยากพาแฟนๆ ทั้งหลายออกจากโลกข่าวดิไอคอนกรุ๊ปครับ

8ปีที่แล้ว….ที่ไม่มีวันลืม

ในชีวิตทุกคนมักจะมีอยู่ไม่กี่เหตุการณ์ที่ทำให้เราจำบรรยากาศ จำบริบท จำความรู้สึก และจำทุกรายละเอียด เมื่อเรารำลึกถึง หรือนึกถึงอีกที