คุมเข้มโอมิครอน

ปัจจุบัน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่เริ่มแพร่เชื้อก่อนเทศกาลปีใหม่ 2565 ได้สร้างความกังวลให้ภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐและเอกชน รวมถึงด้านการคมนาคมขนส่งในระบบสาธารณะที่ประชาชนต้องใช้บริการในช่วงที่เดินทางกลับภูมิลำเนา และเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ หลังจากที่ไม่ได้มีการเดินทางเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ทำให้ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้มีประชาชนหลั่งไหลเดินทางออกต่างจังหวัดกันอย่างคับคั่ง

กระทรวงคมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแลด้านการขนส่ง ไม่ได้นิ่งนอนใจ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” หัวเรือใหญ่คมนาคมได้ออกมาตรการ พร้อมทั้งประสานกับกระทรวงสาธารณสุขในการบริหารจัดการระบบขนส่งสาธารณะ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด โดยเฉพาะการเดินทางที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ให้เพิ่มมาตรการสุ่มตรวจแบบเร่งด่วน Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานไปปฏิบัติตาม

เบื้องต้นได้กำชับให้ระบบขนส่งสาธารณะทุกแห่งต้องมีมาตรการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ entry scan อยู่แล้ว หากพบผู้มีอุณหภูมิสูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส ต้องนำตัวมาตรวจ ATK ทันที และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในขณะใช้บริการระบบขนส่งมวลชนตลอดเวลา รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการอื่นๆ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การเว้นระยะห่าง และให้มีความเข้มงวดมากขึ้นในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เนื่องจากทั้ง 2 ระบบมีผู้เดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมาก

ส่วนมาตรการอื่นๆ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีการประกาศสถานการณ์ในระดับที่ 3 (สีส้ม) คือ ให้จำกัดการรวมกลุ่ม ปิดสถานบริการ ทำงานจากที่บ้าน คัดกรองก่อนเดินทาง และเปิดระบบแซนด์บ็อกซ์ ต้องรอกระทรวงสาธารณสุขประกาศมาตรการที่ชัดเจนก่อน เพราะกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 เมื่อมีมาตรการออกมาแล้วกระทรวงคมนาคมจึงจะออกมาตรการปฏิบัติต่อไป

จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เริ่มให้ประชาชนเดินทางด้วยรถสาธารณะ กรณีรถโดยสารที่ต้องใช้เวลาเดินทางเกิน 4 ชั่วโมงขึ้นไป ควรมีการตรวจ ATK ผู้โดยสารก่อนขึ้นรถทุกคน ส่วนพนักงานจะต้องตรวจอยู่แล้วตามมาตรการ สำหรับการตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีนนั้น เป็นพื้นฐานอยู่แล้วว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็มจะสร้างความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ทั้งรถไฟและ บขส.ได้สนองรับนโยบายของ รมว.คมนาคม โดยสั่งการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสถานีขนส่ง ผู้โดยสาร และจุดจอดทุกแห่ง ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด คัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสาร พนักงานขับรถทุกคน สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดมือ มีมาตรการเว้นระยะห่าง และสแกน QR Code ไทยชนะ ให้ผู้โดยสารลงทะเบียนเช็กอิน-เช็กเอาต์ทุกครั้งที่ใช้บริการ เพื่อให้การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะปลอดภัย

ด้านสายการบินก็เช่นกัน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ขอความร่วมมือให้สายการบินตรวจสอบเอกสารของผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทยอย่างเข้มงวด และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งดำเนินการอยู่แล้ว โดยตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.2564 กพท.ได้ออกระเบียบสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวปฏิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินระหว่างประเทศ

ต้องยอมรับว่า สายพันธุ์ใหม่โอมิครอนได้กระจายไปทั่วโลก เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ตรวจพบแล้วในหลายพื้นที่ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหยุดยั้งการแพร่ระบาดโดยเร็ว ล่าสุดได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนทำงานที่บ้าน หรือเวิร์กฟรอมโฮมหลังเทศกาลปีใหม่ และสิ่งสำคัญ ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ หยุดยั้งการแพร่ระบาดให้ได้ เพราะลำพังรัฐบาลฝ่ายเดียวคงทำไม่ได้ อย่าลืม หยุดเชื้อเพื่อชาติ เว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย.

กัลยา ยืนยง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เร่งสปีดSMEไทยด้วยนวัตกรรม

เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศ แต่ในขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่ง กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส

‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม