หวังรัฐแก้ปมค้าชายแดน

การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ดีนั้น จำเป็นต้องมองในทุกมิติและพัฒนาให้ครอบคลุม จะทิ้งใครหรืองานใดงานหนึ่งไว้ข้างหลัง จะเป็นตัวฉุดรั้งให้การเติบโตนั้นไม่ไปไหน และอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กับการลงทุนขนาดใหญ่ หรือในภาคการท่องเที่ยว ก็คือ “การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย” ซึ่งที่ผ่านมาเป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจในพื้นที่และภาพรวมของประเทศเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการรักษาความเชื่อมั่นให้กับประเทศเพื่อนบ้านกับประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

แต่ที่ผ่านมาช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.2567 ภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยนั้นลดลง โดยมีมูลค่า 269,854 ล้านบาท ลดลง 0.44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เดือน ก.พ. เพียงเดือนเดียวอยู่ที่ 128,960 ล้านบาท

ลดลง 3.46% จากปีก่อน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านหดตัวมาจาก 1.เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร 2.สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมายังคงมีความรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง 3.สินค้าจีนเข้ามาตีตลาดในอาเซียนมากขึ้น และ 4.ปัญหาด้านการขนส่ง (โลจิสติกส์) และการผ่านแดนที่ติดขัด

ด้วยเหตุนี้เอง นายสุริยนต์ ตู้จินดา ประธานคณะอนุกรรมการด้านการค้าชายแดน สายงานอาเซียนและโลจิสติกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกมาเปิดเผยถึงการประชุมกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เรื่องการสู้รบในเมียนมา และผลกระทบต่อการค้าและการขนส่งชายแดน และได้มีข้อเสนอสรุปในการดำเนินงาน เพื่อให้ภาพรวมของปัญหานั้นลดลง โดยข้อที่ 1.ขอให้เจรจากับรัฐบาลเมียนมา เพื่อแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ ด่านเมียวดี อนุญาตให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ของเมียนมาเข้ามาขนถ่ายสินค้าในฝั่งแม่สอด ตามที่กรมการขนส่งทางบกของไทยได้อนุญาตไว้แล้ว เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประกอบการไทย

2.ขอให้รัฐบาลทั้งสองฝ่าย (ไทย-เมียนมา) อำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าเข้า-ออกที่ด่านทางเลือก ได้แก่ ด่านระนอง, จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ด่านพุน้ำร้อน และด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี 3.ขอให้เจรจากับรัฐบาลเมียนมา เพื่ออนุญาตให้ผู้นำเข้าเมียนมาใช้ Import license ในการนำเข้าสินค้าสำหรับการค้าชายแดนไทย-เมียนมา สามารถนำใบอนุญาตดังกล่าวไปใช้ในการนำเข้าสินค้าทางเรือเป็นการชั่วคราวได้ จนกว่าสถานการณ์ที่ด่านแม่สอด-เมียวดีจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

และ 4.ขอให้กระทรวงพาณิชย์เผยแพร่ข้อมูลสถิติการค้าชายแดน-ผ่านแดน จำแนกตามด่านต่างๆ ให้กับเอกชนผ่านทางศูนย์ความเป็นเลิศข้อมูลทางการค้าและการลงทุน (http://cicbts.dft.go.th) ให้มีความเป็นปัจจุบันมากขึ้น โดยเอกชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสถิติรายเดือนของเดือนล่าสุด ภายในสัปดาห์แรกของเดือนถัดไป (เช่น ตัวเลขสถิติของเดือน มี.ค.2567 สามารถดูข้อมูลได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือน เม.ย.2567) เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถนำข้อมูลสถิติดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจได้ทันเหตุการณ์

นอกจากนี้ต้องการเร่งรัดเพื่อให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เรียกประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ที่ประชุมไปตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2566 และยังไม่ได้มีการประชุมอีกเลย เพื่อติดตามความคืบหน้าต่างๆ จากการประชุม เนื่องจากสถานการณ์ค้าชายแดนและผ่านแดนมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลทันต่อสถานการณ์ไปปรับแผนในการกระตุ้นการค้าชายแดนและผ่านแดนกับประเทศเพื่อนบ้านต่อไป

แน่นอนว่าหากสถานการณ์การค้าชายแดนนั้นยังซบเซาต่อเนื่อง อาจจะกระทบไปยังภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศได้ รวมถึงการดำเนินงานของเอกชนและเป้าหมายการลงทุนก็อาจจะติดขัด เนื่องจากยังลังเลในการตัดสินใจ เชื่อว่าหากรัฐบาลเข้ามาแก้ไขในส่วนนี้โดยเร็ว จะสามารถสร้างความลื่นไหลทั้งทางการลงทุนและเม็ดเงินหมุนเวียนได้อย่างดี.

 

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี

เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม

แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน

การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ

ของขวัญรัฐบาล

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว

ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ

ปี68ธุรกิจบริการอาหารยังโตต่อเนื่อง!

“ธุรกิจบริการอาหาร” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2568 จากอานิสงส์ท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้การบริโภคอาหารน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีการอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.

ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก