“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ เหลือตำแหน่งกระทรวงบัวแก้วอย่างเดียว ที่สร้างความแปลกใจให้กับแวดวงการเมืองว่าเกิดอะไรขึ้น
เริ่มที่ “หมอชลน่าน” หรืออดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำพาพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้งปี 66 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่หมอชลน่านเปรียบเสมือนหนังหน้าไฟให้กับพรรคเพื่อไทยในการแสดงละครกับพรรคก้าวไกล ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมถูกสังคมประณาม เหยียดหยาม เย้ยหยัน สารพัด จนต้องแสดงความรับผิดชอบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค และได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตอบแทน
ซึ่งในทางการเมือง หัวหน้าพรรคโดยทั่วไปควรจะมีสิทธิ์เลือกกระทรวงได้เป็นคนแรก และควรจะเป็นคนที่จัดสรรตำแหน่งให้คนอื่น ไม่ใช่ให้คนอื่นมากำหนดอนาคตของตัวเอง
การที่ผู้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทยปรับหมอชลน่านออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติอดีตหัวหน้าพรรค เหมือนกับเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล การปูนบำเหน็จเป็นรัฐมนตรีเพียง 7 เดือน ไม่เพียงพอสำหรับความมุ่งมั่นของหมอชลน่าน ในการต่อสู้ให้กับพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง
อีกคนก็คือ “ปานปรีย์” มีรายงานสาเหตุที่น้อยใจลาออก เป็นผลมาจากรัฐบาลได้ลดตำแหน่งลงจากรองนายกฯ เหลือแค่เก้าอี้ รมว.การต่างประเทศเท่านั้น เปรียบเหมือนการถูกลงโทษ ทั้งที่ผลงานในช่วงที่ผ่านมาก็มีหลายเรื่องที่ผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง
ต่างจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายพิชัย ชุณหวชิร กลับถูกตั้งขึ้นมาเป็นรองนายกฯ คนใหม่แทน โดยนายสุริยะให้ควบรองนายกฯ อีกตำแหน่งนอกเหนือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็เป็นหนึ่งในโควตาพรรค
แต่กรณีการตั้งนายพิชัยขึ้นมาเป็นรองนายกฯ นั้น เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งๆ ที่นายพิชัย ก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในพรรคเพื่อไทย และยังไม่มีผลงานอะไร แต่กลับได้ตำแหน่งใหญ่ ทั้งรองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกระทรวงเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งของประเทศ
ขณะที่นายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน ผู้มีหน้าที่ทางกฎหมายในการปรับ ครม. ชี้แจงถึงประเด็นดรามาว่าไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวกับรัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าคงมีคนผิดหวังและสมหวังอย่างที่บอก และเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องบริหารเรื่องของความคาดหวังและเรื่องของหน้าที่ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย
ในส่วนนายปานปรีย์ นายกฯ ได้มีการส่งข้อความไปหานายปานปรีย์ บอกว่าขอโทษถ้าเกิด ทำให้ไม่สบายใจเรื่องอะไร ก็ขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา และเรื่องที่ถามว่าได้มีการแจ้งนายปานปรีย์ก่อนที่จะปรับ ครม.หรือไม่นั้น
“อย่างที่ผมเรียนเมื่อวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเชิญหลายๆ ท่านมาพูดคุยกัน และนายปานปรีย์ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ ท่านที่เรียกเข้ามาพูดคุยกัน ผมเชื่อว่าวันนั้นก็เป็นเรื่องของการสนทนาระหว่างบุคคลสองคนแล้วกัน ผมมั่นใจว่าผมพูดอะไรไป และผมเชื่อว่าในฐานะนายกฯ ผมมีความชัดเจนในเรื่องของการที่ผมได้มีการบอกกล่าวอะไรไป”
ส่วนหมอชลน่าน “ผมก็เคยพูดว่าพี่หมอชลน่านเองเป็นคนที่ช่วยติวเวลาที่ผมจะลงพื้นที่ รวมถึงการปราศรัยต่างๆ เราก็ต่อสู้ด้วยกันมา แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว หรือมีความขัดแย้งอะไร แต่ก็เข้าใจว่าท่านคงมีความผิดหวัง แต่เดี๋ยวก็คงมีการพูดคุยกัน ก็หวังว่าทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้” นายกฯกล่าว และว่า ไม่ใช่ นพ.ชลน่านเพียงคนเดียว ยังมีนายไชยา พรหมา อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ช่วยทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดในช่วงการเลือกตั้ง
หลังจากนี้ต้องติดตามดูว่า รอยร้าวที่เกิดขึ้นจะยุติหรือขยายเพิ่มขึ้นหรือไม่.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
22 พ.ย. ลุ้น ผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะ “รับ-ไม่รับ” คำร้องของ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “พรรคเพื่อไทย” หยุดพฤติการณ์ล้มล้างการปกครอง จาก 6 กรณี ดังนี้ หนึ่ง “ทักษิณ” ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
“ผ้าไทยใส่ให้สนุก”
เมื่อเร็วๆนี้ “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.1) ถือโอกาสพานายกฯอิ๊งค์“ “แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชมนิทรรศการและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ที่ทำเนียบรัฐบาล
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่า “พุธพิพากษา” ของแท้ โดยเฉพาะศาลอาญาที่ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 และมารดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง “สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์” หรือ “แอม ไซยาไนด์” อายุ 36 ปี
บันทึกหน้า 4
ควันหลงการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่ นายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย (พท.)
บันทึกหน้า 4
สมรภูมิเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ในวันที่ 24 พ.ย. ไม่เพียงแค่ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนในสนามท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยั่งกระแสของทั้งสองฝ่ายในเวทีใหญ่ทางการเมืองอีกด้วย โดยเฉพาะทัพแดงนั้นแพ้ไม่ได้
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนจากผลกระทบปลายๆแถวพายุหม่านยี่ เสียงฟ้าร้องฟ้าคะนองอาจจะไม่มี แต่เสียงอื้ออึง "ทักษิณ" กลับมาแล้ว