ต้องยอมรับความพยายามของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสียจริงๆ เพราะ อุตส่าห์สร้างภาพ “ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” โดยให้บรรดารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลมายืนร่วมด้วย ในการแถลงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เมษายน ว่าด้วย “ดิจิทัลวอลเล็ต” แต่ก็คง เหมือนที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุไว้นั่นแลว่าเป็นเพียง “ลมพัดผ่านกอไผ่” เท่านั้น เพราะไม่มีอะไรที่จับต้องและตอบคำถามสังคมได้แบบชัดแจ้งแดงแจ๋...๐
ดูง่ายๆ ปกติ “เศรษฐา” ที่เป็นนายกฯ นักจ้อน้ำลายแตกฟอง ยังรีบตัดจบแล้วโยนให้ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.การคลัง ตอบคำถามก็รู้ได้แล้วว่า “ดิจิทัลวอลเล็ต” สถานะตอนนี้เป็นแค่ “วุ้น” ยังไม่ฟักเป็นตัวเลย เพราะแค่ถามว่าเริ่มใช้เมื่อใด ก็บอกว่าในไตรมาส 3
พิโธ่! ยังไม่สามารถระบุเดือนได้ชัดๆ เล่นตอบกว้างยิ่งกว่ามหาสมุทรอินเดีย ใน 3 เดือน “สิงหาคม-กันนายน-ตุลาคม” หรือใน 90 วัน นี่ยังไม่รวมถึงคำถามเรื่อง “ซูเปอร์แอป” ว่าใช้งบเท่าไหร่ ก็ตอบไม่ได้ บอกกว้างๆ ไม่เยอะ ไม่ถึงพันล้านบาท พระเจ้าจอร์จ! แค่นี้บอกไม่เยอะ ลองหันไปดูงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ซึ่งมีหลายสิบยุทธศาสตร์ที่ยังใช้งบไม่ถึงพันล้านบาทด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะเป็นแผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาและเสริมสร้างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้งบ 304.7 ล้านบาท, แผนงานยุทธศาสตร์จัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ 331 ล้านบาท, แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 470.4 ล้านบาท เป็นต้น...๐
แล้วหากนำเงินในการไปทำ “ซูเปอร์แอป” ของรัฐบาลเศรษฐาที่บอกไม่ถึงพันล้านบาทเทียบกับงบประมาณทั้งปีของแต่ละหน่วยงานแล้วก็ต้องบอกว่ามากกว่าหลายๆ หน่วยงานในกระทรวงด้วยซ้ำไป แค่ในสำนักนายกรัฐมนตรีแห่งเดียวก็ได้งบมากกว่าสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ได้ 690.2 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 563.2 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค 248.4 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ 317.4 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 592.8 ล้านบาท, สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 772.6 ล้านบาท, สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ 282 ล้านบาท และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 676 ล้านบาทแล้ว...๐
ที่ขำไม่ออกเข้าไปอีกคือ “เศรษฐา” ย้ำนักย้ำหนามาโดยตลอดเมื่อเดือนมีนาคมว่าเรื่องนี้จะจบ จะเคลียร์ในวันที่ 10 เมษายน ซึ่ง 10 เม.ย.ก็ตั้งโต๊ะแถลงแล้วก็ไม่เบ็ดเสร็จ ล่าสุดเรียกรัฐมนตรีมายืนเรียงแถวแถลงอีกรอบ 23 เม.ย.ก็ไม่สะเด็ดน้ำอีก และยิ่ง งงในงงเข้าไปอีก เพราะบอกว่าทำตามกฎหมายถูกต้องทุกประการ แต่ขอให้ไปถามกฤษฎีกาก่อนเรื่องการใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตกลงว่าเอาอย่างไรกันแน่ ที่สำคัญถาม “กฤษฎีกา” กี่รอบแล้วจ๊ะรัฐบาลจ๋า อย่าลืมนะ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เคยประกาศย้ำนักย้ำหนาอีกเช่นกันว่า หากไม่ทำดิจิทัลวอลเล็ต และหากชักช้า ประเทศไทยอาจเกิดต้มยำกุ้งภาค 2 แล้วนี่เล่นโยนคำถามไปๆ มาๆ กับกฤษฎีกาไม่รู้กี่รอบจนปวดตับ แบบนี้หากเกิดต้มยำกุ้งขึ้นมา ใครควรรับผิดชอบกันแน่ ที่สำคัญบอกว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่ต้องกระชากเศรษฐกิจให้ฟื้นตื่นขึ้นมา แต่ไหงเส้นตายโครงการลากยาวไปถึงกันยายน 2569 ได้เล่า ตกลงนี่เล่นตลกวิกฤตเศรษฐกิจกันหรืออย่างไร...๐
ไม่แปลกใจแต่ประการใดที่กระแสข่าวเรื่องปรับโฆษกรัฐบาลจะกระหึ่มแบบไม่มีแผ่ว โดย ล่าสุดก็มีชื่อของ “จักรพล ตั้งสุทธิธรรม” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ขึ้นมาคั่วแทน “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกกระทรวงกลาโหม ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งก็คือ “ชัย วัชรงค์” พ้นเก้าอี้โทรโข่งรัฐบาลแน่นอน แหม! ดูได้จากเรื่องแถลงดิจิทัลวอลเล็ตที่แก้ต่างแทนเจ้าสัวก็รู้ได้ว่าสุดยอดแย้ง เพราะบอกว่า “ไม่เคยคิดที่จะตั้งเงื่อนไข กีดกันใครก็ตามที่ทำมาหากินแล้วประสบความสำเร็จ เติบโตขึ้นมาบนระบบที่ถูกต้อง ยอมเสียภาษี และวันหนึ่งจะมาถูกตั้งข้อรังเกียจว่าคุณหมดสิทธิ์ เราจะไม่ทำอย่างนั้น” อ้าว แล้วที่ตัดสิทธิ์ผู้มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 840,000 บาท มีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาทนั้น ทำไมถูกตัดสิทธิ์เล่าตอบหน่อย...๐
ทิ้งท้ายด้วยข่าวน่าติดตามและน่าสนใจ เมื่อ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต สส.พัทลุง สอบถามถึงความคืบหน้าและความชัดเจนของการยึดทรัพย์ “ทักษิณ ชินวัตร” 47,373 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลซึ่งถึงที่สุดแล้ว งานนี้ดูเหมือน “เศรษฐา” เจอช่วงราหูเข้าเต็มๆ เพราะจะเลี่ยงโทษรัฐบาลก่อนหรือจะบอกไม่รู้ไม่ได้ เพราะเป็น “ขุนคลัง” โดยตำแหน่งอยู่นะจ๊ะ...๐.
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
"นายหัวชวน" ออกโรงตวัดใบมีดโกนกรีดปาก "นายใหญ่" เจ้าของตำแหน่ง สทร. "คุณทักษิณบอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง
บันทึกหน้า 4
ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” เสียจริงๆ เพราะขยับปากแต่ละทีนอกจากสร้างความฮือฮาให้สังคมแล้ว ยัง สร้างภาระให้กับลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยล่าสุดก็ในการไปหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ศรีภรรยา “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่จะลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.นั่นแล ...๐
บันทึกหน้า 4
เมื่อวันอังคารมีการประชุม ครม.ครั้งแรกในปี 2568 หลังจากผ่านวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องมาแก้ตัวแทน พ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร
บันทึกหน้า 4
” นึกว่าจะอยู่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง อบจ.เชียงราย แต่ที่ไหนได้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาในฐานะเป็นเจ้าของรัฐบาล โชว์บทบาทกำหนดทิศทางการทำงานของประเทศ การปรับ ครม. แถมยังด่ากราดคนเห็นต่างในหลายประเด็น
บันทึกหน้า 4
เปิดบันทึกด้วยความตะลึงตึงตึงกับตำแหน่ง "ที่สุด" อีกครั้งของนายกฯ หญิงอายุน้อยที่สุด แพทองธาร ชินวัตร เพราะมีทรัพย์สินอยู่ถึง 13,846 ล้านบาท และตัวเลขที่ออกนี้ วิเคราะห์วิจารณ์กันยกใหญ่ว่า อาจจะเป็นนายกฯ ที่มั่งคั่งที่สุดในโลกนะเออ!! ...0
บันทึกหน้า 4
หลังกลับเข้าสู่โหมดการทำงาน-การใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ ตามปฏิทินประจำปี 2568 กันแล้ว ตลอดปี 2568 ที่เป็นปีมะเส็ง นักวิเคราะห์การเมืองหลายสำนักก็ยังมองว่า การเมืองไทยปีหน้า ก็ยังมีหลายเรื่องให้น่าติดตาม เช่น การเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.พ.2568