พอเปิดมาปีใหม่ 2022 เพื่อการวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 สิ่งที่ประเทศไทยจะต้องขับเคลื่อนเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจกับประชาคมโลกมีหลายเรื่องที่ต้องจับตากัน
เริ่มด้วย RCEP ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา
ตามมาด้วย CPTPP ที่คณะรัฐมนตรีไทยกำลังพิจารณาว่าจะขอเสนอเข้าไปเริ่มกระบวนการเจรจาต่อรองอย่างไร
การประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
และ Indo-Pacific Economic Framework (IPEF) ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศว่าจะตั้งเป็น “กรอบความร่วมมือเศรษฐกิจ” สำหรับอินโด-แปซิฟิก ซึ่งจะมีสหรัฐฯ เป็นหัวหอก (เพื่อคานอิทธิพลของจีนใน RCEP และถ่วงดุล CPTPP ที่สหรัฐฯ บอกว่าจะไม่กลับไปร่วมอีก)
อีกทั้งต้องเกาะติดการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ กับอาเซียนในต้นปีนี้ที่โจ ไบเดนต้องการจะจัดเพื่อไม่ให้น้อยหน้าสี จิ้นผิง ของจีน ที่ประชุมสุดยอดกับผู้นำอาเซียนออนไลน์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
เริ่มด้วย RCEP ที่เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา
มีผลทางปฏิบัติคือสินค้าไทย 2.9 หมื่นรายการภาษี 0% แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดประตูให้สินค้าจากประเทศใน RCEP เข้ามาโดยไม่มีภาษีหรือภาษีต่ำเช่นกัน
ความตกลงหุ้นส่วน ทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (RCEP) มีสมาชิกคือ ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา จีน ญี่ปุ่น สปป.ลาว นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
และจากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ปีนี้ จะมีผลบังคับใช้ในเกาหลีใต้
อาร์เซ็ป มีต้นกำเนิดมาจากการประชุม อาเซียน+3 (คือ อาเซียนกับ จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้) ในเดือนสิงหาคม 2011
ซึ่งมีมติยอมรับข้อเสนอร่วมของญี่ปุ่น-จีน
มีชื่อว่า “แผนการริเริ่มว่าด้วยการเร่งความเร็วในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเชียตะวันออก และความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านในเอเชียตะวันออก” หรือ Initiative on Speeding up the Establishment of an East Asia Free Trade Area (EAFTA) and Comprehensive Economic Partnership in East Asia (CEPEA)
อาร์เซ็ป คือความตกลงเขตการค้าเสรี ระหว่าง 10 ชาติสมาชิกอาเซียน และ 5 ประเทศคู่เจรจา
ซึ่งการเจรจาเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคนี้ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในการประชุมอาเซียนที่ประเทศกัมพูชาเมื่อเดือนพ.ย.2012
28 ต.ค.64 คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา นำส่งสัตยาบันสารของไทยสำหรับความตกลง Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) ให้แก่เลขาธิการอาเซียน เพื่อให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค.ปีนี้
หลังจากไทย และเวียดนาม ยื่นสัตยาบันสารความตกลง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ไทย และ 29 ต.ค. เวียดนามจึงมีประเทศสมาชิกอาเซียนครบ 6 ประเทศ และต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการยื่นสัตยาบัน
หากจะให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ก็ได้ยื่นสัตยาบันสารของตนต่อสำนักเลขาธิการอาเซียน
จึงมีประเทศนอกอาเซียน 4 ประเทศ (จากที่กำหนดไว้ว่าต้องมี 3 ประเทศ) ที่ยื่นสัตยาบันสาร นอกจากจีน และญี่ปุ่น อันจะทำให้ความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้
RCEP เป็นความตกลงการเค้าเสรี หรือ FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศภาคีมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross Domestic Product-GDP) รวมกันราว 1 ใน 3 ของ GDP โลก
เมื่อ RCEP มีผลบังคับใช้ สินค้าส่งออกของไทย หลายรายการจะได้ประโยชน์จากการลดภาษีนำเข้าเหลือศูนย์
นอกจากนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน ส่งเสริมระบบการค้าระหว่างประเทศที่เสรี เปิดกว้าง และอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกา รวมทั้งขยายห่วงโซ่มูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ
อาร์เซ็ป ซึ่งครอบคลุมเศรษฐกิจของโลกเอาไว้ราวๆ 30% ยังเป็นข้อตกลงการค้าฉบับแรกซึ่งเชื่อมโยงญี่ปุ่น, จีน, และเกาหลีใต้เข้าด้วยกัน
ข้อตกลงนี้จะขจัดการจัดเก็บภาษีศุลกากรจากพวกสินค้าที่มีการซื้อขายกันประมาณ 90%
และสร้างความเป็นมาตรฐานให้แก่กฎระเบียบด้านศุลกากร, การลงทุน, ทรัพย์สินทางปัญญา และอี-คอมเมิร์ซจำนวนมาก
มีข้อวิพากษ์จากบางประเทศ เช่นอเมริกา ว่า อาร์เซ็ป เป็น "ข้อตกลงอันต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะเอื้ออำนวยผลประโยชน์ต่างๆ อย่างจำกัด"
แต่รัฐบาลญี่ปุ่นกลับประมาณการเอาไว้ว่า
ข้อตกลงนี้จะเพิ่มมูลค่าจีดีพีของญี่ปุ่นที่อยู่ในระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ 2.7%
แล้วไทยเราจัดการภายในของไทยในการรับมือ RCE?
รายงานของกระทรวงต่าง ๆ สรุปว่า
-กรมศุลกากร ออกประกาศอัตราภาษีศุลกากรที่ไทย จะเก็บกับสินค้านำเข้าจากสมาชิก RCEP พร้อมใช้ในวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้
-กรมการค้าต่างประเทศ เรื่องออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าให้กับผู้ส่งออกไทยใช้ประกอบการส่งสินค้าไปประเทศสมาชิก RCEP เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้ความตกลงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีนี้
-การจัดตั้งศูนย์ RCEP Center เพื่อให้ข้อมูลความตกลง RCEP อาทิ อัตราภาษีศุลกากรระหว่างไทยและ
สมาชิก RCEP ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th
-ระบบติดตามการค้าระหว่างประเทศ หรือ Trade Monitoring System (TMS) เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเตรียมแผนรับมือหรือใช้มาตรการปกป้องทางการค้าได้ทันท่วงที
-การจัดสัมมนาทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จาก RCEP และจัดทำ E-Book ความตกลงRCEP ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ www.dtn.go.th
RCEP 15 ประเทศมีประชากรรวมกัน 2,300 ล้านคน (30.2% ของประชากรโลก) GDP
รวมมูลค่า 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (33.6% ของ GDP โลก)
และมูลค่าการค้ารวม 10.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (30.3% ของมูลค่าการค้าของโลก)
ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากความตกลง RCEP อาทิ สมาชิก RCEP ยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย จำนวน 39,366 รายการ
โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ
ในส่วนของจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะลดและยกเลิกภาษีศุลกากรกับสินค้าที่ส่งออกจากไทย เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ในสินค้า
เช่น ผลไม้สดและแปรรูปสินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติกเคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เป็นต้น
นอกจากนี้ RCEP จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าแก่สมาชิก
อาทิ สินค้าที่เน่าเสียง่ายจะได้รับการตรวจปล่อยพิธีการศุลกากรภายใน 6 ชั่วโมง และสินค้าปกติภายใน 48 ชั่วโมง
และการขยายโอกาสในธุรกิจบริการของไทยสู่ประเทศสมาชิก RCEP เช่น ก่อสร้าง ค้าปลีก สุขภาพ ภาพยนตร์และบันเทิง เป็นต้น
(พรุ่งนี้: ข้อเสนอ Indo-Pacific Economic Frame คืออะไร?).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


